xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯ ทัพหน้าฝ่าด่านปักหลักถึงทำเนียบแล้ว!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

“พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ประชุมประเมินสถานการณ์ครั้งสุดท้าย ก่อนพันธมิตรฯ กู้ชาติ เคลื่อนขบวนปิดล้อมทำเนียบ ตร.ประเมินพันธมิตรฯ ไม่เกิน 2 หมื่นคน พร้อมยันจะไม่ใช้ความรุนแรง พร้อมสกัดกั้นไม่ให้เข้าถึงทำเนียบ

วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.เรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่ายนี้ โดยมี พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบช.ก. พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิติวัฒน์ ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.วราสิทธิ์ พรเลิศ ผบช.ภ.3 พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.นิพนธ์ ศิริวงศ์ ผบช.ตชด. พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส.และนายตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก.และรองโฆษก ตร.แถลงภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้มีประชาชน ทะยอยเดินทางมาสมทบกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานฯ มากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมีจำนวนประมาณ 3 พันคน ส่วนภาพรวมการชุมนุม เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 21.15 น.ยอดผู้ชุมนุมจำนวน 3 พันคน ขณะเดียวกันพบว่า กลุ่มต่อต้านเคลื่อนกำลังจากสนามหลวงมาอยู่ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีตัวเลขเมื่อเวลา 22.00 น.ยอดสูงสุดของกลุ่มต่อต้าน 2 พันคน ซึ่งตำรวจได้ ใช้ความพยายามสกัดกั้นทั้ง 2 กลุ่มไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน

พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า สำหรับวันนี้ตำรวจได้ตั้งจุดสกัดเส้นทางบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล รวม 5 จุด จุดแรกสะพานมัฆวานฯ ซึ่งเป็นจุดที่คาดว่าผู้ชุมนุมจะฝ่าด่านของตำรวจ โดยวางกำลังไว้มากเป็นพิเศษโดยแบ่งเป็น 3 ส่วน จุดที่ 2 แยกนางเลิ้ง จุดที่ 3 แยกสวนมิสักวัน จุดที่ 4 แยกวันเบญจมบพิตร และจุดที่ 5 แยกวิษณุกรรม ซึ่งจุดสกัดกั้นดังกล่าวครอบคลุมทุกเส้นทางที่จะเข้าสู่ทำเนีบยรัฐบาล

“ทั้งนี้ ตำรวจตรวจพบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมเรือพลาสติกจำนวน 10 ลำ ซึ่งเป็นเรือขนาดเล็ก นั่งได้ 4 คน โดยได้ขอให้ทาง กทม.อย่าปล่อยน้ำเข้ามา อย่างไรก็ตาม เรือดังกล่าว ไม่อยู่ในวิสัยที่จะขึ้นฝั่งได้สะดวก”

พล.ต.ต.สุรพล ได้ประเมินตัวเลขผู้ชุมนุมโดยตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา มียอดผู้ชุมนุมสูงสุด 13,000 คน แต่วันนี้ ได้ระดมประชาชน จากต่างจังหวัดและ กฟผ.ซึ่งจะมีเพิ่มขึ้นประมาณ 15,000 คน แต่ไม่เกิน 20,000 คน ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเสริมกำลังอย่างเต็มที่ แต่ไม่ขอเปิดเผยตัวเลข แต่ยืนยันว่าจะดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรฯ จะเคลื่อนขบวนเป็นดาวกระจาย ขณะที่กลุ่มต่อต้านจะเคลื่อนขบวนตามหลัง ตำรวจจะมีแผนรับมืออย่างไร พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ตำรวจได้มีการวางกำลังสกัด ไม่ให้กลุ่มต่อต้าน และพันธมิตร ปะทะกันอยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากเกิดเหตุรุนแรงขึ้น ตำรวจก็จะตกเป็นจำเลย ซึ่งก็ไม่อยากตกเป็นจำเลยรอบสองอีก

เมื่อถามว่าหากกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนไม่มาก จะมีการสลายการชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ต.สุรพล กล่าวปฎิเสธว่าตำรวจยังคงใช้นโนบายเดิม ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับความตกลงใจของกลุ่มพันธมิตร ตำรวจคงใช้วิธีการตั้งจุดสกัดกั้นเท่านั้น และใช้วิธีการชุมนุมโดยสงบ อหิงสา ตามวิธีการของพันธมิตรฯ ก็ไม่มีปัญหา แต่อย่างไรก็ตาม ที่กลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ตรงจุดนี้ ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน แต่หากมีการกระจายตัวออกไป ตำรวจก็ดูแลยาก เพราะตำรวจไม่สามารถจะทิ้งประชาชนกลุ่มอื่นได้

ผู้สื่อข่าวยังได้ถามถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรไปร้องศาลปกครอง กรณีตำรวจใช้เครื่องขยายเสียงรบกวนการชุมนุม พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ตนเองยังไม่ทราบผล แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ใช้เครื่องขยายเสียงเพื่อก่อกวน แต่เป็นการใช้เครื่องขยายเสียงเพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารต่างๆให้กลุ่มผู้ชุมนุมทราบ ว่า การเคลื่อนขบวนฝ่าแนวกั้นของตำรวจเพื่อปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และละเมิดสิทธิผู้อื่น ขณะเดียวกันการรวบรวมอาวุธและสิ่งคล้ายอาวุธต่างๆ หากถูกนำไปใช้ก่อเหตุ ก็จะกลายเป็นการชุมนุมที่มิชอบโดยทันที ความคุ้มครองต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ ที่ชุมนุมมาจะหมดไปโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้หากมีการสร้างความวุ่นวาย หรือทำผิดกฎหมายก็จะถูกดำเนินคดีโดยทันที

พล.ต.ต.สุรพล กล่าวต่อว่า หากวันนี้มีการกระทำผิดกฎหมาย หรือดำเนินการก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ผู้ที่สั่งการ หรือผู้ที่กระทำจะถูกดำเนินคดีทุกคน ซึ่งตำรวจจะใช้กฎหมายเป็นอาวุธ เป็นเครื่องมือ แทนที่จะเน้นการใช้กำลังเข้าปราบปราม ซึ่งกองบัญชากการตำรวจนครบาลได้ออกประกาศคำเตือนเกี่ยวกับการฝ่าด่าน การละเมิดกฎหมาย ให้กลุ่มผู้ชุมนุมทราบอยู่ตลอดเวลา และอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากแกนนำหรือกลุ่มผู้ชุมนุมยังดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่ฝ่าฝืนและละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ จะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำ

พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ห่วงอะไรมาก นอกจากเป็นห่วง ความพยายามสร้างสถานการณ์ไม่ว่า กลุ่มใดก็แล้วแต่ ซึ่งเหตุการณ์ที่บานปลายออกไป จะนำมาเชื่อมโยงเป็นเครื่องต่อรอง หรือ ข้อเรียกร้อง ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จในการชุมนุม ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ออกมาระบุว่ามีการขนอาวุธมาซ่อนไว้ โดยที่ ผบ.ตร.ไม่รู้เรื่อง พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เท่าที่ตรวจสอบยังไม่พบซึ่งขณะนี้ก็ยังให้ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

“ยืนยันว่าตำรวจไม่ทิ้งนำหนักทุกเรื่อง อะไรที่เป็นจุดอ่อนเป็นปัญหา หรือนำไปสู่ความเคลื่อนไหว ตำรวจจะตรวจสอบทั้งหมด”

ส่วนกระแสข่าวที่มีการพบระเบิดพลาสติกในกลุ่มผู้ชุมนุม พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า จากข้อมูลที่แจ้งเข้ามา กลุ่มผู้ชุมนุมมีอาวุธเป็นหนังสติ๊ก ลูกแก้ว แต่ยังไม่พบเรื่องระเบิดพลาสติก ซึ่งจะตรวจสอบต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสี่แยก จปร ฝั่งท้ายขบวนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังคงมีกลุ่ม นปช.ประมาณ 200 คน พร้อมแก๊งรถจักรยานยนต์ประมาณ 100 คัน จอดดับเครื่องเรียงรายกันอยู่ โดยมีแกนนำกล่าวปราศรัยผ่านครื่องขยายเสียง ซึ่งอยู่ห่างจากกลุ่มพันธมิตรฯ เพียงแยกถนนกั้น โดยมีกำลังตำรวจประมาณ 1 กองร้อย นำแผงรั้วเหล็กมากั้น ไม่ให้ทั้ง 2 ฝ่ายเข้าปะทะกัน โดยทางฝ่าย นปช.ซึ่งเดินทางมาปักหลักยังบริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อคืนที่ผ่านมายังไม่มีการเคลื่อนไหว

ล่าสุดที่บริเวณแยกวังแดง กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกกลุ่มหนึ่ง ภายใต้การนำของนายสมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งในแกนนำได้เดินทางถึงแยกวังแดง บริเวณคุรุสภา โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้พยายามที่จะเจรจากับตำรวจให้เปิดทางเพื่อที่จะเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอม ได้นำรถที่ใช้ขังผู้ต้องหามาปิดกั้นขวางถนนจำนวน 4 คัน แต่ในที่สุดกลุ่มผู้ชุมนุมได้พากันนำแผงเหล็กที่ตำรวจมาปิดกั้นออก และพยายามเดินเข้าไป แต่ยังติดรถผู้ต้องขังอยู่ จึงพากันปีนขึ้นไปยืนและยึดรถที่ตำรวจนำมาขวางไว้ได้ทั้งหมด แต่ไม่มีการทำลายหรือทำให้ตัวรถเสียหายแต่อย่างใด

จากนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินทางผ่านด้านหลังกองบัญชาการตำรวจนครบาลเข้าไป และไปปักหลักอยู่บริเวณสี่แยกมิสกวัน ซึ่งมีตำรวจจำนวนมากตั้งด่านสกัดอยู่ ซึ่งหากกลุ่มผู้ชุมนุม สามารถผ่านด่านดังกล่าวไปได้ก็จะถึงบรนิเวณทำเนียบรัฐบาลแน่นอน

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า พันธมิตรฯ อีกกลุ่มหนึ่งประมาณ 200 คน ได้เดินฝ่าด่านเข้าไปปักหลักยังบริเวณทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จแล้ว
กำลังตำรวจตรึงสถานการร์บริเวรแยกจปร.

ตำรวจปิดการจราจรหลายเส้นทางรอบบริเวณทำเนียบฯ
ตำรวจปิดการจราจรหลายเส้นทางรอบบริเวณทำเนียบฯ
ตำรวจป้องกันแน่นหนา
กำลังโหลดความคิดเห็น