ปู่-ย่า “กัลยา บัวชื่น” นศ.พยาบาลมหาลัยดังในสุพรรณบุรี เข้าร้องตำรวจโรงพักสายไหม ให้ช่วยเร่งคดีหลานสาวยิงตัวตาย เหตุไม่ปักใจเชื่อจะยิงตัวเองอย่างที่แฟนหนุ่มสิบตำรวจ สภ.คูคต ยืนยัน เนื่องจากวิถีกระสุนไม่น่าใช่ และก่อนตายหลานโทร.หาบอกถูกยิง แต่พูดยังไม่ทันจบแบตหมดก่อน ต่อมาแฟนหนุ่มก็โทร.บอกให้ไปรับศพ จึงเชื่อว่า น่าจะทะเลาะกันแล้วแย่งปืน ด้านรอง ผบก.น.2 กำชับพนักงานสอบทำสำนวนรัดกุม เพื่อให้ญาติสบายใจ
วันนี้ (11 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.นายเณร บัวชื่น อายุ 75 ปี และ นางหน่วง บัวชื่น อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 ม.2 ต.หนองรี อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ชัยณรงค์ พูนดี ร้อยเวร สน.สายไหม เพื่อร้องเรียนเกี่ยวกับคดีที่ น.ส.กัลยา บัวชื่น อายุ 23 ปี นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี ใช้อาวุธปืนขนาด .357 ยิงตัวเองเข้าที่ขมับขวากระสุนตุงขมับซ้ายจนเสียชีวิต ภายในแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ สภ.คูคต ห้องเลขที่ 519/18 ชั้น 3 อาคาร 4 ถนนวัดเกาะ แขวงคลองถนน เขตสายไหม เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดย น.ส.กัลยา เป็นแฟนสาวของ ส.ต.ท.คนิช จันทภูมิ ผบ.หมู่.จร สภ.คูคต ซึ่ง ส.ต.ท.คณิช ได้ยืนยันว่า น.ส.กัลยา ยิงตัวตายเอง
นายเณร กล่าวว่า ในวันนี้ได้เดินทางมาพร้อมกับครอบครัวเพื่อร้องเรียนคดีหลานสาวเสียชีวิตภายในแฟลตของตำรวจ สภ.คูคต ซึ่งตนและครอบครัว ไม่เชื่อว่าหลานสาวจะยิงตัวเองเสียชีวิต เนื่องจากหลานสาวเป็นคนนิสัยดี ไม่มีปัญหากับใคร และส่งเสียทางบ้านมาโดยตลอด หลานสาวของตนเคยทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่ รพ.จุฬารัตน์ จังหวัดสมุทรปราการ แต่ก็พักงานเอาไว้ก่อน จากนั้นก็ไปเรียนต่อทางด้านพยาบาลที่มหาวิทยาลัยในจังหวัดสุพรรณบุรี และพักอยู่ที่หอใกล้กับมหาวิทยาลัย ตนและครอบครัวทราบว่าหลานสาวคบหาอยู่กับ ส.ต.ท.คณิช และไปๆ มาๆ ระหว่างหอพักกับแฟลตของ ส.ต.ท.คณิช ที่ผ่านมา หลานสาวยังเคยพาแฟนไปพบที่บ้านในจังหวัดกาญจนบุรีด้วย ซึ่งตนก็เคยเตือนหลานสาวว่าให้ดูใจกันไปก่อนอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจมีครอบครัว
“ก่อนเกิดเหตุบอกแต่เพียงว่าจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ และในวันเกิดเหตุหลานสาวได้โทร.เข้ามาที่โทรศัพท์มือถือของตนเอง พร้อมกับพูดว่าโดนยิงแต่ยังไม่ทันพูดจากันรู้เรื่องแบตเตอรี่โทรศัพท์ของตนก็หมดไปเสียก่อน และมารู้เรื่องอีกทีว่าหลานสาวเสียชีวิตก็เพราะ ส.ต.ท.คณิช แฟนของหลานสาวโทรศัพท์ไปบอกว่าให้มารับศพที่ รพ.ตำรวจ ในวันรุ่งขึ้น” นายเณร กล่าว
นายเณร กล่าวต่อว่า ตนและญาติสงสัยเกี่ยวกับบาดแผลของหลานสาวที่ถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งผิดวิสัยการฆ่าตัวตาย โดยบาดแผลมี 2 แผล และเกรงว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากอีกฝ่ายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยกัน อีกทั้งพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้ส่งหลักฐานที่เป็นอาวุธปืนให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานล่าช้า ซึ่งทำให้ผลการพิสูจน์ออกมาล่าช้าด้วย ตนสงสัยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลานสาวไม่ได้ยิงตัวเองเสียชีวิต แต่น่าจะเป็นการแย่งปืนกับแฟนที่มีปากเสียงกันในวันเกิดเหตุมากกว่า ในวันนี้ตนรู้สึกพอใจในระดับหนึ่งที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่รับปากว่าจะให้ความเป็นธรรม อย่างไรก็ตามตนได้เก็บศพของหลานสาวไว้ที่วัดหนองรี ต.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ซึ่งตนจะไม่เผาศพของหลานสาวจนกว่าคดีนี้จะได้รับความกระจ่าง
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น.พ.ต.อ.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบก.น.2 ได้เดินทางมาที่ สน.สายไหม เพื่อพบกับญาติของ น.ส.กัลยา พร้อมพูดคุยเกี่ยวกับรูปคดีที่ทางญาติยังมีข้อสงสัยอยู่ โดยได้พูดคุยนานกว่า 30 นาที โดย พ.ต.อ.พีระพงศ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้พูดคุยกับญาติผู้ตายที่เดินทางเข้ามาร้องเรียนแล้ว ซึ่งทางญาติเพียงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเร่งรัดคดีให้เป็นไปตามขั้นตอน เก็บหลักฐานให้ครบถ้วน และตนได้กำชับพนักงานสอบสวนให้ทำสำนวนคดีอย่างรัดกุมและรวดเร็วเพื่อให้ทางญาติผู้ตายสบายใจ แต่จะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานอย่างละเอียด คาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรับปากจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน
วันนี้ (11 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.นายเณร บัวชื่น อายุ 75 ปี และ นางหน่วง บัวชื่น อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 ม.2 ต.หนองรี อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ชัยณรงค์ พูนดี ร้อยเวร สน.สายไหม เพื่อร้องเรียนเกี่ยวกับคดีที่ น.ส.กัลยา บัวชื่น อายุ 23 ปี นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี ใช้อาวุธปืนขนาด .357 ยิงตัวเองเข้าที่ขมับขวากระสุนตุงขมับซ้ายจนเสียชีวิต ภายในแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ สภ.คูคต ห้องเลขที่ 519/18 ชั้น 3 อาคาร 4 ถนนวัดเกาะ แขวงคลองถนน เขตสายไหม เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดย น.ส.กัลยา เป็นแฟนสาวของ ส.ต.ท.คนิช จันทภูมิ ผบ.หมู่.จร สภ.คูคต ซึ่ง ส.ต.ท.คณิช ได้ยืนยันว่า น.ส.กัลยา ยิงตัวตายเอง
นายเณร กล่าวว่า ในวันนี้ได้เดินทางมาพร้อมกับครอบครัวเพื่อร้องเรียนคดีหลานสาวเสียชีวิตภายในแฟลตของตำรวจ สภ.คูคต ซึ่งตนและครอบครัว ไม่เชื่อว่าหลานสาวจะยิงตัวเองเสียชีวิต เนื่องจากหลานสาวเป็นคนนิสัยดี ไม่มีปัญหากับใคร และส่งเสียทางบ้านมาโดยตลอด หลานสาวของตนเคยทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่ รพ.จุฬารัตน์ จังหวัดสมุทรปราการ แต่ก็พักงานเอาไว้ก่อน จากนั้นก็ไปเรียนต่อทางด้านพยาบาลที่มหาวิทยาลัยในจังหวัดสุพรรณบุรี และพักอยู่ที่หอใกล้กับมหาวิทยาลัย ตนและครอบครัวทราบว่าหลานสาวคบหาอยู่กับ ส.ต.ท.คณิช และไปๆ มาๆ ระหว่างหอพักกับแฟลตของ ส.ต.ท.คณิช ที่ผ่านมา หลานสาวยังเคยพาแฟนไปพบที่บ้านในจังหวัดกาญจนบุรีด้วย ซึ่งตนก็เคยเตือนหลานสาวว่าให้ดูใจกันไปก่อนอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจมีครอบครัว
“ก่อนเกิดเหตุบอกแต่เพียงว่าจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ และในวันเกิดเหตุหลานสาวได้โทร.เข้ามาที่โทรศัพท์มือถือของตนเอง พร้อมกับพูดว่าโดนยิงแต่ยังไม่ทันพูดจากันรู้เรื่องแบตเตอรี่โทรศัพท์ของตนก็หมดไปเสียก่อน และมารู้เรื่องอีกทีว่าหลานสาวเสียชีวิตก็เพราะ ส.ต.ท.คณิช แฟนของหลานสาวโทรศัพท์ไปบอกว่าให้มารับศพที่ รพ.ตำรวจ ในวันรุ่งขึ้น” นายเณร กล่าว
นายเณร กล่าวต่อว่า ตนและญาติสงสัยเกี่ยวกับบาดแผลของหลานสาวที่ถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งผิดวิสัยการฆ่าตัวตาย โดยบาดแผลมี 2 แผล และเกรงว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากอีกฝ่ายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยกัน อีกทั้งพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้ส่งหลักฐานที่เป็นอาวุธปืนให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานล่าช้า ซึ่งทำให้ผลการพิสูจน์ออกมาล่าช้าด้วย ตนสงสัยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลานสาวไม่ได้ยิงตัวเองเสียชีวิต แต่น่าจะเป็นการแย่งปืนกับแฟนที่มีปากเสียงกันในวันเกิดเหตุมากกว่า ในวันนี้ตนรู้สึกพอใจในระดับหนึ่งที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่รับปากว่าจะให้ความเป็นธรรม อย่างไรก็ตามตนได้เก็บศพของหลานสาวไว้ที่วัดหนองรี ต.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ซึ่งตนจะไม่เผาศพของหลานสาวจนกว่าคดีนี้จะได้รับความกระจ่าง
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น.พ.ต.อ.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบก.น.2 ได้เดินทางมาที่ สน.สายไหม เพื่อพบกับญาติของ น.ส.กัลยา พร้อมพูดคุยเกี่ยวกับรูปคดีที่ทางญาติยังมีข้อสงสัยอยู่ โดยได้พูดคุยนานกว่า 30 นาที โดย พ.ต.อ.พีระพงศ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้พูดคุยกับญาติผู้ตายที่เดินทางเข้ามาร้องเรียนแล้ว ซึ่งทางญาติเพียงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเร่งรัดคดีให้เป็นไปตามขั้นตอน เก็บหลักฐานให้ครบถ้วน และตนได้กำชับพนักงานสอบสวนให้ทำสำนวนคดีอย่างรัดกุมและรวดเร็วเพื่อให้ทางญาติผู้ตายสบายใจ แต่จะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานอย่างละเอียด คาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรับปากจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน