ตำรวจปราบปรามยาเสพติด เฝ้าติดตามเครือข่ายนักค้ายาบ้ารายใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ จับ 2 ผู้ต้องหาได้พร้อมของกลางขณะขับรถนำยาบ้าไปซุกในไร่อ้อยรวม 80,000 เม็ด โดยผู้ต้องหาชาย เคยถูกจับกุมในคดีค้ายาเสพติด และติดคุกมาแล้วกว่า 6 ปี แต่ไม่สำนึก หวนกลับมาค้าอีก
วันนี้ (9 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น.พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส.พร้อมด้วย พล.ต.ต.อุดม รักศีลธรรม รอง ผบช.ปส.และ พล.ต.ต.แสงสูรย์ กรรณสูต ผบก.ปส.2 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) 2 ราย ประกอบด้วย นายสหวัฒน์ ด้วงขาว อายุ 49 ปี และ นางภัคจิรา แซ่อึ้ง อายุ 48 ปี ทั้งคู่อยู่บ้านเลขที่ 153/75 ม.8 ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 80,000 เม็ด รถยนต์เก๋ง 1 คัน รถยนต์กระบะ 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.2 ได้สืบสวนกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญของกลุ่ม นายพิรุณ สอนใจ ซึ่งเป็นเอเย่นค้ายารายใหญ่ในภาคเหนือ ขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับคดียาเสพติด และยังคงมีพฤติการณ์ค้ายาอยู่ โดยมีลูกน้องหรือบุคคลอยู่ในเครือข่ายจำนวนมาก และเจ้าหน้าที่ก็สืบทราบว่านางภัคจิรา ที่ถูกจับกุมได้ดังกล่าวก็เป็นหนึ่งในเครือข่ายของนายพิรุณ ก่อนหน้านี้ นางภัคจิรา เคยต้องโทษคดียาเสพติดมาก่อนแล้ว
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวต่อว่า นางภัคจิรา คอยทำหน้าที่รับยาเสพติดไปพักไว้ที่ไร่อ้อยอยู่ที่บ้านเหนี่ยง ม.13 ต.สันทราย จ.เชียงใหม่ เพื่อรอส่งมอบให้กับลูกค้าตามคำสั่งของนายพิรุณ จากการสืบสวนยังทราบว่าเครือข่ายนี้ทำงานเป็นระบบ มีการแบ่งแยกหน้าที่การทำงาน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังทราบว่านายพิรุณได้สั่งให้ลูกน้องนำยาเสพติดจำนวนมากมาส่งมอบให้นางภัครจิรา ในช่วงเช้าวันที่ 7 มิ.ย.เจ้าหน้าที่จึงได้เฝ้าสืบสวนดูไร่อ้อยดังกล่าว กระทั่งเวลาประมาณ 12.30 น.พบว่า นางภคจิรา ได้ออกจากไร่ไปพร้อมกับ นายสหวัฒน์ โดยขับรถไปคนละคัน ต่อมานางภัคจิราได้ขับรถกระบะกลับเข้ามาที่ไร่อ้อย ส่วน นายสหวัฒน์ ก็ขับรถเก๋งตามเข้ามาสมทบ
“เมื่อเจ้าหน้าที่ตามเข้าไปในไร่เพื่อแสดงตัวเข้าจับกุม แต่นางภัคจิราพยายามขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงสกัดรถยนต์ทั้ง 2 คันไว้ จากนั้นก็ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปตรวจค้นภายในรถ ปรากฏว่า พบยาบ้าจำนวน 80,000 เม็ดอยู่ในรถเก๋งคันที่นายสหวัฒน์ขับ ส่วนรถคันที่นางภัคจิราขับไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ โดยนางภัครจิรายอมรับในขณะนั้นว่าได้รับการติดต่อจากนายอาคัง เพื่อซื้อยาบ้าจำนวนดังกล่าว ส่วนยาบ้าเป็นของนายพิรุณ” พล.ต.ท.วุฒิ กล่าว
จากการสอบสวน นางภัครจิรา และ นายสหวัฒน์ ทั้งสองให้การรับสารภาพเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.สส.บช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมาย
นางภัครจิรา กล่าวด้วยว่า ทำหน้าที่ขนยาส่งให้ลูกค้าตามที่นายพิรุณสั่ง แต่ละครั้งจะได้ค่าจ้าง 50,000 บาท สาเหตุที่มาส่งยาบ้าเพราะไม่มีเงิน ทำไร่อ้อยก็ขาดทุน จึงมารับส่งยาแทน เพราะได้เงินตอบแทนมากกว่า ก่อนหน้านี้ เคยถูกจับคดีค้ายาบ้า 1,000 เม็ด ที่ จ.สุพรรณบุรี ติดคุก 6 ปี 3 เดือนกับอีก 20 วัน พ้นโทษออกมาเมื่อปี 2543 หลังพ้นโทษออกมาก็ไม่มีงานทำจึงกลับไปรับจ้างส่งยาบ้า ซึ่งหลังจากพ้นโทษมาเพิ่งทำได้ 3 ครั้ง จนถูกจับกุมดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายพิรุณ เป็นนักค้ายารายใหญ่ของภาคเหนือถูกขึ้นบัญชีดำอันดับต้นๆของ บช.ปส.ขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับคดียาเสพติด ก่อนหน้านี้นายพิรุณได้เปิดธุรกิจอู่รถบังหน้าใช้ชื่อว่า เก้ากลการ อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ และเมื่อปี 2546 เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปยึดทรัพย์รวมทั้งอู่รถของนายพิรุณ รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
อีกคดีเป็นผลงานของ กก.3 บก.ปส.2 โดยเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ค้ายาเสพติด ประเภทยาอีได้ 2 ราย คือนายอำนวย หรือแว่น ดำรงโลหะ อายุ 54 ปี และนางรุจิรา ศรีสวัสดิ์ อายุ 36 ปี ทั้งสองอยู่บ้านเลขที่ 104/18 ถ.สิงหวัฒน์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก พร้อมของกลางยาอี จำนวน 38 เม็ด เคตามีน ชนิดน้ำ 10 มิลลิกรัม เคตามีนชนิดแห้ง 6.12 กรัม และถุงพลาสติกใสสำหรับบรรจุยาเสพติด จำนวน 192 ใบ จึงแจ้งข้อหามียาเสพติดประเภท1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาติ และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ปส.2 สืบทราบว่านายอำนวยเป็นตัวการใหญ่ในจังหวัดพิษนุโลก โดยมีผู้ร่วมขบวนการกว่า 24 คน เจ้าหน้าที่แกะรอยสืบสวนนาน 2 ปี สามารถจับกุมคนในเครือข่ายได้แล้ว 7 คน จากนั้นเจ้าหน้าที่มีข้อมูลแน่ชัดว่านายอำนวยมียาอีในครอบครอง และเป็นผู้ที่เสพยาอีด้วย จึงได้วางแผนเข้าปิดล้อมจับกุมนายอำนวยและนางรุจิรา ที่บ้านเลขที่104/18 ถ.สิงหวัฒน์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก จากนั้นควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งให้พนักงานสอบสวน บก.สส.บช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป