ผบก.น.9 โชว์ผลงานกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ ได้ผู้ต้องหาพร้อมของกลางอื้อ พร้อมซ้อนแผนจับกุมตำรวจนอกรีดขู่กรรโชกทรัพย์ประชาชนได้อีก 3 ราย
วันนี้ (29 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ผบก.น.9 พ.ต.อ.สักกฉัฐ กิตติขจร พ.ต.อ.กมลสันติ กลั่นบุศย์ รองผบก.น.9 พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในสังกัด บก.น.9 ร่วมกันแถลงข่าวผลการปิดล้อมกวาดล้างยาเสพติดและอาชญากรรายสำคัญในพื้นที่ บก.น.9 ตามนโยบายของ มท.1 ตั้งแต่ช่วงเวลา 05.00 น.ถึง 07.00 น.ของวันนี้ (29 พ.ค.) โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 330 นาย จากผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาครอบครองยาบ้าเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายได้ จำนวน 11 คน พร้อมของกลางยาบ้า 7,639 เม็ด อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 20 นัด โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง สร้อยข้อมือทองคำ 3 เส้น พระเลี่ยมทอง 1 องค์ แหวนทอง 1 วง กำไลทอง 1 วง และสร้อยคอทองคำ 1 เส้น จับกุมผู้ต้องหาคดีครอบครองยาบ้าโดยผิดกฎหมายได้ จำนวน 6 คน พร้อมของกลางยาบ้า 19 เม็ด ผู้ต้องหาครอบครองกัญชาโดยผิดกฎหมาย จำนวน1 คน พร้อมของกลางกัญชาแห้ง 1 ถุงเล็ก จับกุมผู้ต้องหาเสพยาบ้าโดยผิดกฎหมาย จำนวน 58 คน
นอกจากนี้ยังจับกุมผู้ต้องหาคดีพกพาอาวุธปืนและยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรตามหมายจับคดีค้างเก่า จำนวน 1 คน พร้อมของกลางอาวุธปืน ขนาด 11 มม. 1 กระบอก จับกุมผู้ต้องหา พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค จำนวน 1 คน ผู้ต้องหายักยอกทรัพย์ จำนวน 1 คน ผู้ต้องหาต่างด้าว จำนวน 6 คน และคดีการพนันอีกจำนวน 56 คน และร่วมกันแถลงข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เพชรเกษม ซ้อนแผนรวบแก๊งค์ตำรวจนอกรีดข่มขู่กรรโชกทรัพย์ผู้เสียหาย ได้ผู้ต้องหา จำนวน 3 คน พร้อมของกลางจำนวนมาก
พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า เมื่อเวลา 02.00 น.ที่ผ่านมา นางสายจิต ละมูลมอญ อายุ 45 ปี อยู่ห้องเลขที่ 7 ชั้น1 แฟตเพ็ญศรี ซอยดำรง 3 ถนนสุขาภิบาล 1 แขวงและเขตบางแคร์ กทม. ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สมานโกวิท กิ่งนอกวงศ์ พนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ว่า เมื่อเวลา 23.00 น.ของวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มี ด.ต.มณเฑียร ประภาพานิชย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบังคับการกองทะเบียน บช.ก. พร้อมด้วยลูกน้องอีก 2 คน บุกรุกเข้ามาภายในห้อพักโดยไม่มีหมายค้น จากนั้นได้จับกุมตัวนายเจตน์ ดีสวัสดิ์ อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นบุตรชาย โดยอ้างว่านายเจตน์เป็นผู้ต้องหาค้ายาเสพติดก่อนนำตัวนายเจตน์ขึ้นรถกระบะวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ชถ 1459 กทม.ขับหลบหนีไป จากนั้น ดต.มณเฑียรได้โทรศัพท์กลับมาพร้อมกับข่มขู่ว่าถ้าอยากให้ปล่อยตัวบุตรชายให้รีบหาเงินสดจำนวน 2 แสนบาทมาเป็นค่าไถ่ ไม่เช่นนั้นจะถูกส่งตัวไปดำเนินคดีที่กองบังคับการปราบปราม นางสายจิตจึงตัดสินใจเดินทางมาแจ้งความ
พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวต่อว่า หลังรับแจ้งความ พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ ผกก.สน.เพชรเกษม จึงได้เรียกประชุมฝ่ายสืบสวน พร้อมวางแผนให้นางสายจิตทำการต่อรองค่าไถ่กับคนร้ายให้เหลือ 50,000 บาท และนัดให้คนร้ายนำตัวบุตรชายมาส่งที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแม็คโคร สาขาบางบอน โดยหลังจากมีการตกลงเป็นที่เรียบร้อยชุดสืบสวนจึงได้นำกำลังไปดักซุ่ม ตามที่นัดหมายจนกระทั่ง เวลา 05.00 น. รถกระบะคันดังกล่าวได้ขับเข้ามาภายในลานจอดรถ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ดต.มณเฑียร ซึ่งเป็นผู้ขับขี่และลูกน้องอีก 2 คน ประกอบด้วย นายณัฐภาค กุสุมวิจิตรการ อายุ 31 ปี และนายชัยรัตน์ สมรูป อายุ 26 ปี พร้อมเข้าช่วยเหลือนายเจตน์ออกมาจากรถได้อย่างปลอดภัย
“จากการตรวจค้นภายในรถพบวิทยุสื่อสารยี่ห้อเคนวูด จำนวน 1 เครื่อง กุญแจมือ 1 คู่ แผ่นป้ายทะเบียนรถ หมายเลข ชต 9286 กทม. ซึ่งเป็นแผ่นป้ายทะเบียนที่แท้จริงของรถคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 รายพร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันกรรโชกทรัพย์, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพทางร่างกาย, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม, ร่วมกันมีและใช้วิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 รายให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนจึงนำตัวเข้าห้องขังเพื่อรอส่งตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดตลิ่งชันในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ค.) โดยแนบเรื่องขอคัดค้านการประกันตัวในท้ายคำร้องให้ศาลพิจาณาด้วย เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาอาจจะไปยุงเกี่ยวกับหลักฐาน สำหรับ ด.ต.มณเฑียร ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจแต่กลับกระทำความผิดเสียเอง จึงได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งทำรายงานส่งถึงผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด เพื่อทำการพิจารณาให้ออกจากราชการไว้ก่อน” พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าว