ตำรวจสายตรวจ สน.ชนะสงคราม เข้าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในพระบรมมหาราชวัง ที่ถูก “จอมโจรคาเฟ่” ซิ่ง จยย.กระชากกระเป๋าสะพาย แต่ไม่คิดว่าจะจ๊ะเอ๋ตำรวจทันควัน เลยทิ้งรถกระโดดลงคลองว่ายน้ำหนี ตำรวจนำกำลังปิดล้อมและจับกุมไว้ได้ นำตัวไปค้นที่บ้านพัก พบของกลางอื้อ รับสารภาพ หาเงินใช้จ่ายและเที่ยวคาเฟ่
วันนี้ (27 พ.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น.ที่ สน.ชนะสงคราม พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.ชนะสงคราม พ.ต.ท.เอกรัตน์ เปาอินทร์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.สำเริง ส่งเสียง สวป. พ.ต.ท.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย สว.สป.พร้อมฝ่ายสืบสวน ปราบปราม และสายตรวจ แถลงการจับกุมนายโจ ขันธ์โสภา อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114/10 ซอยเขียวไข่กา แขวงนครไชยศรี เขตดุสิต กทม.พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือโนเกีย 1 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝาก กระเป๋าสะพานหนังสีน้ำตาล รถจักรยานฮอนด้า คลิก สีขาว ทะเบียน ยลง 845 กทม.กระเป๋าสตรี 7 ใบ กระเป๋าสตางค์ 5 ใบ กระเป๋าใส่ของขนาดเล็ก 10 ใบ บัตรประจำตัวประชาชนของผู้อื่น 10 ใบ บัญชีธนาคาร 5 เล่ม นาฬิกาข้อมือ 3 เรือน ทัมไดร์ฟ 14 อัน กุญแจ 20 พวง บัตรเครดิต และบัตรเอทีเอ็มรวม 39 ใบ ซิมการ์ด 3 อัน ปืนปลอม 2 กระบอก
พ.ต.อ.รังสรรค์ เปิดเผยว่า การจับกุมคตรั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 พ.ค.เวลา 17.00 น.ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุ ใช้รถจักรยานยนต์ วิ่งราวทรัพย์นางนาตยา ถ้ำทอง เจ้าหน้าที่ในพระบรมมหาราชวัง ที่บริเวณซอยสามเสน 1 ถนนสามเสน แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม.โดยผู้เสียหายได้ร้องขอความช่วยเหลือ ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ได้รีบเข้าไปช่วยเหลือผู้เสียหาย ทำให้ผู้ต้องหาตกใจที่เห็นตำรวจ ทิ้งรถจักรยานยนต์วิ่งหลบหนี และกระโดดลงไปคลองบางลำภู จากนั้นพยายามว่ายน้ำหนีไปอีกฝั่ง แต่ตำรวจวิทยุขอกำลังและพากันกระจายกำลังล้อมผู้ต้องหาไว้ จนกระทั่งผู้ต้องหาว่ายไปขึ้นฝั่งที่ด้านหลังกรมโรงงานอุตสาหกรรม ถนนพระสุเมรุ ตำรวจจึงเข้าจับกุมตัวไว้ได้ พร้อมโทรศัพท์มือถือโนเกีย 1 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝาก กระเป๋าสะพานหนังสีน้ำตาลของผู้เสียหาย จากนั้น ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนขยายผล และคุมตัวไปค้นยังห้องพักของผู้ต้องหา ที่ห้องไม่มีเลขที่ ภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 18 ถนนจรัญสนิทวงศ์ และพบของกลางจำนวนมากที่นำมาแถลงซุกซ่อนอยู่ ตำรวจจึงได้ยึดของกลางทั้งหมดมา จากนั้นนำตัวมาสอบสวนอีกครั้ง
จากการสอบสวนอย่างละเอียด ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ ทำงานมาหลายที่ เป็นทั้งอาสาสมัคร รปภ.และค้าขาย แต่สุดท้ายไม่มีเงินใช้จ่าย จึงขี่รถจักรยานยนต์ออกหาเหยื่อไปเรื่อยๆหลายที่ทั่ว กทม.โดยทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง ทั้งในย่านจรัญสนิทวงศ์ หน้าห้างตั้งฮั่วเส็ง โรงเรียนทิวไผ่งาม ย่านพระราม 3 สาธุประดิษฐ์ สาทร เพชรเกษม บางแค และล่าสุดที่ถนนสามเสน จุดที่ถูกจับกุม ทั้งนี้ จะเลือกเหยื่อที่เป็นผู้หญิงหรือ เดินอยู่คนเดียว โดยถือกระเป๋าสะพาน อย่างไม่ระวังตัว จากนั้น จะเร่งเครื่องรถจักรยานยนต์เข้าไปกระชากกระเป๋ามา แต่การปฏิบัติการแต่ละครั้ง ไม่เคยลงมือทำร้ายเหยื่อให้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนอาวุธปืนปลอมที่ตำรวจยึดมาได้จากบ้านพักนั้น ไม่เคยนำออกมาใช้ และเมื่อได้เงินหรือทรัพย์สินมา จะนำไปขาย เพื่อนำไปใช้จ่ายและเที่ยวเตร่ตามคาเฟ่ ส่วนบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรเอทีเอ็ม ไม่รู้จะนำไปทิ้งที่ไหน จึงได้เก็บไว้ที่บ้าน ในขณะที่บัตรเครดิตของเหยื่อ ไม่เคยนำไปใช้ เพราะใช้ไม่เป็น
พ.ต.อ.รังสรรค์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาแล้วพบว่า มีหมายจับติดตัวอยู่ 2 หมายจับ เป็นคดีลักทรัพย์นายจ้างในพื้นที่สน.สุทธิสาร และคดียักยอกทรัพย์ในพื้นที่สน.บางซื่อ เมื่อปี 2549 ทั้งนี้ มีผู้เสียหาย 3 ราย มารับทรัพย์คืนไปแล้ว เป็นคดีที่ผู้ต้องหาก่อเหตุในพื้นที่สน.วังทองหลาง 1 ราย และพื้นที่ สน.บางรัก 2 ราย ส่วนทรัพย์สินที่เหลือ ตำรวจจะประสาน และประชาสัมพันธ์ ให้ผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อผู้ต้องหาารายนี้ มาชี้ตัว และตรวจสอบทรัพย์สินที่สน.ชนะสงครามต่อไป ทั้งนี้ ตำรวจจะควบคุมตัวผูต้องหาไว้ดำเนินคดีในข้อหา วิ่งราวทรัพย์ โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะต่อไป