“มณเฑียร” แจ้งจับ “สมเจตน์” ฐานชี้นำให้มีปฏิวัติ

“พล.ต.ต.มณเฑียร” ผู้บังคับการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โร่แจ้งกองปราบจับ “พ.อ.สมเจตน์” ประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม ฐานให้สัมภาษณ์ชี้นำให้มีการปฏิวัติ ถือเป็นการก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

วันนี้ (23 พ.ค.) ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.มณเฑียร ประทีปะวณิช ผู้บังคับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.) เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.บุญเลิศ กัลยาณมิตร พงส.(สบ.2) บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม พี่ชาย พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.) ในความผิดฐานกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือหนังสือ หรือวิธีการอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116

พล.ต.ต.มณเฑียร ให้การว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้อ่านหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 21 พ.ค. หน้า 15 พบคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.สมเจตน์ โดยมีใจความว่าต้องการให้ทหารปฏิวัติ และที่แสดงความเห็นดังกล่าวไม่ใช่การปลุกกระแสแต่เห็นว่าการบริหารงานของรัฐบาลนั้นไม่มีหนทางแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ ซึ่งจากคำสัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการแสดงความเห็นที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไว้เป็นหลักฐาน พร้อมรับสำเนาหนังสือพิมพ์ที่ลงคำสัมภาษณ์ พล.อ.สมเจตน์ ไว้ตรวจสอบ จากนั้นจะได้เสนอเรื่องถึง พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป.พิจารณาดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ พล.อ. สมเจตน์ บุญถนอม ประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ถึงการออกมาเรียกร้องให้ทหารทำการปฏิวัติอีกครั้งว่า ที่ตนออกมาแสดงความคิดเห็นไม่ใช่เป็นการปลุกกระแส แต่เนื่องจากเห็นว่าการบริหารงานของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่มีหนทางที่จะสามารถแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้ ขณะนี้ทหารทุกคนก็รู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะตนเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ต้องออกมาเรียกร้อง มาแสดงความคิดเห็น เพราะในฐานะคนไทยก็ต้องการเห็นบ้านเมืองพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น

พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดี แต่การได้คนไม่ดีเข้ามาปกครองบริหารบ้านเมืองโดยไม่มีความชอบธรรมประเทศชาติก็ไปไม่รอด เพราะขณะนี้ประชาธิปไตยไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาใดๆ ได้ เรามีแต่นักเลือกตั้งที่ใช้กฎศรีธนญชัยทุกอย่างต้องตีความหมด เป็นการตีความเพื่อเอาตัวรอด ทำให้ผลประโยชน์บ้านเมืองระส่ำระส่าย ยิ่งคนในคณะรัฐมนตรีที่มีแนวความคิดล้มล้างสถาบันสูงบ้านเมืองก็ต่ำลงทุกที