เจ้าของร้านค้าปลาสวยงามตลาดสนามหลวง 2 โวย สำนักงานตลาดธนบุรี สนามหลวง ปล่อยให้ปลาสวยงามนับแสนต้องตายเกลื่อน หลังเกิดเหตุไฟฟ้าดับเมื่อคืนที่ผ่านมา ไม่ยอมแก้ไข้ ทำให้ปลาที่ผู้ค้าเลี้ยงไว้ขายตายเป็นจำนวน มูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท ผู้ค้า เผย ไฟดับตั้งแต่ 3 ทุ่ม จนถึง 10 โมงเช้า ก็ยังไม่มีการแก้ไข ด้าน ผอ.ตลาด ระบุ ขอเวลาสอบข้อเท็จจริงก่อนชดใช้ค่าเสียหาย ยัน เจ้าหน้าที่โทร.แจ้งการไฟฟ้าแต่ไม่มีการตอบกลับ
วันนี้ (23 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาพ่อค้าแม่ค้าร้านขายปลายสวยงาม ภายในตลาดสนามหลวง 2 ถนนเลียบคอลงทวีวัฒนา แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา ได้รวมตัวกันชุมนุมภายในตัวอาคารสำนักงานใหญ่ตลาดสนามหลวง 2 พร้อมทั้งนำซากปลาสวยงามชนิดต่างๆ ที่เสียชีวิต เนื่องจากขาดออกซิเจน นับแสนตัว มาเทกองรวมกันภายในอาคารสำนักงาน มูลค่าความเสียหายนับห้าล้านบาท
สืบเนื่องมาจากเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.ของคืนวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ไฟฟ้าภายในตลาดสนามหลวง 2 ได้ดับลง โดยไฟฟ้ายังคงดับต่อเนื่องมาจนถึงเวลา 10.00 น.ของเช้าวันนี้ เป็นเหตุให้ร้านขายปลาสวยงามกว่า 300 ร้านค้า ที่ต้องใช้ออกซิเจนในการเลี้ยงปลา เกิดความเสียหาย ปลาตายยกตู้ รวมไปถึงร้านขายสุนัขราคาแพง ซึ่งสุนัขบางพันธุ์ต้องอาศัยอยู่ในห้องแอร์ เมื่อสุนัขอยู่ในอากาศที่ร้อนจัด จะซึมเศร้า และอาจถึงแก่ชีวิตได้ เป็นเหตุให้บรรดาผู้ค้าออกมารวมตัวกันประท้วงเรียกร้องค่าเสียหาย
นางสาวศรลักษณ์ แย้มทัษณ์ อายุ 27 ปี เจ้าของร้านเทพปลาทอง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงเช้าได้มีเพื่อนที่เปิดร้านขายปลาเหมือนกัน โทรศัพท์มาแจ้งตนว่า ไฟฟ้าภายในร้านได้ดับลงไปตั้งแต่เมื่อค่ำวานนี้ เมื่อทราบดังนั้น เวลาประมาณเจ็ดโมงเช้า ตนจึงรีบขับรถมาที่ร้านทันที เมื่อเปิดประตูเข้ามาในร้านแทบช็อกเนื่องจากปลานับร้อยตัว ได้นอนตายหงายท้องเต็มตู้
“ปลาในร้านหลายร้อยตัว ต่างชนิดต่างพันธุ์ ตายหมดทั้งร้าน ส่วนปลาตัวที่แพงที่สุด คือ ปลาอโลน่า ราคาเป็นแสน โดยวันนี้ได้เตรียมปลาไว้ส่วนหนึ่งเพื่อขายส่งให้กับลูกค้าอีกเจ้า แต่ไม่ทันได้ส่งปลาก็ตายหมดแล้ว สร้างความเสียหายให้กับกิจการขายปลาร้านตนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จึงต้องมีผู้เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบ” นางสาวศรลักษณ์ กล่าว
นางสาวศรลักษณ์ กล่าวต่อว่า เมื่อคืนไฟดับ เหตุใดจึงไม่มีคนโทร.แจ้ง ทางพ่อค้าแม่ค้าจะได้มาขนย้ายปลาออกไป เบอร์โทร.ก็ติดอยู่หน้าร้าน จะมาอ้างว่าโทร.ไม่ติดนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะมันคือหน้าที่ ทางพ่อค้าแม่ค้าจ่ายเงินค่าเช่าไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่รับผิดชอบต้องคอยดูแลให้ ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดความเสียหายมหาศาลแบบนี้
ทางด้านเจ้าของร้านขายปลาคราฟเพชรระ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าประมาณ 9 โมง เมื่อทราบข่าวว่า ไฟดับ จึงเดินทางมาที่ร้าน พบปลาคราฟ ที่เลี้ยงไว้ขาย เสียชีวิตหมดทุกตัว ตนรู้สึกช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เดินไปดูร้านข้างๆ ว่า เสียหายเหมือนกันรึเปล่า ปรากฏว่า ทุกร้านมีปลาตาย ยกเว้นปลาชนิดที่ไม่ต้องใช้ออกซิเจน เช่น ปลาหางนกยุง ยังมีชีวิตอยู่ แต่ปลาแพงๆ ตายหมด
“ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอ้างว่าได้โทรศัพท์มาบอกนายสมศักดิ์ เกีรติบัญชร ซึ่งเป็นที่ปรึกษาพ่อค้าปลาสวยงาม ภายในตลาดดังกล่าว เพื่อให้แจ้งบรรดาพ่อค้าแม่ค้าว่าไฟดับ แต่นายสมศักดิ์อ้างกับทางเจ้าหน้าที่ว่าอยู่ต่างจังหวัด ไม่มีเบอร์ผู้ค้า จึงติดต่อไม่ได้ ซึ่งเป็นการปัดความรับผิดชอบ ความเป็นจริงแล้วเจ้าหน้าที่ๆดูแลตลาดต้องหาวิธีแก้ปัญหา หากติดต่อเราไม่ได้จริงๆ ก็ควรประสานกับทางไฟฟ้านครหลวงเพื่อให้เข้ามาแก้ไข ไม่ใช่ปล่อยให้ร่วงเลยข้ามคืน จนปลาต้องเสียชีวิตทั้งหมด “
ด้านนางนาตยา เดชเดชากร อายุ 48ปี เจ้าของร้านล็อกการ์เด้นท์ ซึ่งเป็นร้านขายสุนัข และอุปกรณ์เลี้ยงสุนัข เปิดเผยว่า ร้านของตนเป็นร้านใหญ่ มีสุนัขหลายพันธุ์ พุดเดิ้ล ชิวาว่า ปอม ฯลฯ โดยสุนัขทั้งหมดรวมๆกันแล้วราคาหลายแสนบาท ทั้งนี้สุนัขของตนต้องเลี้ยงไว้ในห้องแอร์ตลอด ไม่สามารถอยู่ในอากาศที่ร้อนจัดได้ กระทั้งเมื่อคืนไฟดับ สุนัขของตนต้องทนร้อนข้ามคืน
“ ดิฉันเปิดร้านเข้ามา เจอสุนักหลายตัวนอนน้ำลายฟูมปาก บางตัวก็นอนซมด้วยความเหนื่อยอ่อน ดิฉันต้องรีบเอาน้ำตาลหยอดเข้าปากเพื่อให้สุนัขดีขึ้น ซึ่งขณะนี้บางตัวยังไม่ยอมกินอาหาร มีอาการซึมเศร้า คงต้องรอดูอาการกันต่อไปว่าวะมีผลกระทับอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า หากสุนัขของตนต้องตายเหมือนปลา คงต้องเรียกร้องค่าเสียหายเช่นกัน “
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าของร้านขายปลาหลายรายต่างพากันนำซากปลาที่เสียชีวิตแล้วใส่ในกระสอบ ทยอย ใส่ท้ายรถกระบะมาเทรวมกันในสำนักงานใหญ่นับแสนตัว ส่งกลิ่นเหม็นคาว ไปทั่วทั้งอาคาร โดยบรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างพากันประท้วงเพื่อเรียกร้องหาผู้รับผิดชอบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด หากยังไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบจะเอาซากปลาตายโยนเข้าไปในห้องทำงาน ทั้งชั้นหนึ่งและชั้นสอง
ทั้งนี้บรรดาพ่อค้าได้พูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นภายในตลาด อาทิ ค่าเช่าที่จอดรถรายเดือน และรายวัน โดยค่าที่จอดรถรายเดือน สำหรับพ่อค้าและแม่ค้า คิดเดือนละเก้าร้อย ในขณะที่ค่าเช่าร้าน คิดเพียงเดือนละหกร้อย รวมถึงค่าจอดรถรายชั่วโมงที่เก็บเพิ่มขึ้นตามระยะเวลา เป็นเหตุให้ลูกค้าที่นำรถมาไม่อยากที่จะมาซื้อของภายในตลาด เนื่องจากต้องจ่ายค่าที่จอดรถแพงเกินความเป็นจริง
นายพงษ์พจน์ พิมพ์สมฤดี ผู้อำนวยการสำนักงานตลาดกรุงเทพมหานคร (ผอ.สงต.กทม.) กล่าวว่า เมื่อรับทราบเหตุการณ์ทั้งหมดก็จะรับเรื่องไว้ จากนั้น ขอตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การชดใช้ข้อเสียหาย โดยปัญหาที่เกิดขึ้น ในภายภาคหน้าจะได้วางมาตรการ ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเกิดขึ้นซ้ำอีก อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้ยืนยันกับตนแล้วว่า ช่วงเวลาสามทุ่มขณะไฟฟ้าดับ ได้โทรแจ้งไปยังการไฟฟ้านครหลวง ถึงสองครั้ง แต่ไม่มีการตอบรับกลับมา
“สำหรับเรื่องค่าที่จอดรถ จะได้นำเรื่องดังกล่าวไปเข้าประชุมเพื่อหาความเหมาะสมอีกครั้ง อย่างไรก็ตามการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น จะขอประสานไปยังการไฟฟ้านครหลวง ว่าเหตุใด จึงไม่ส่งเจ้าหน้าที่มาแก้ไข เมื่อมีบทสรุปที่ชัดเจนแล้ว จะได้แจ้งให้บรรดาเจ้าของร้านทราบถึงเรื่องการชดใช้ค่าเสียหายอีกครั้ง” นายพงษ์พจน์ กล่าว
วันนี้ (23 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาพ่อค้าแม่ค้าร้านขายปลายสวยงาม ภายในตลาดสนามหลวง 2 ถนนเลียบคอลงทวีวัฒนา แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา ได้รวมตัวกันชุมนุมภายในตัวอาคารสำนักงานใหญ่ตลาดสนามหลวง 2 พร้อมทั้งนำซากปลาสวยงามชนิดต่างๆ ที่เสียชีวิต เนื่องจากขาดออกซิเจน นับแสนตัว มาเทกองรวมกันภายในอาคารสำนักงาน มูลค่าความเสียหายนับห้าล้านบาท
สืบเนื่องมาจากเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.ของคืนวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ไฟฟ้าภายในตลาดสนามหลวง 2 ได้ดับลง โดยไฟฟ้ายังคงดับต่อเนื่องมาจนถึงเวลา 10.00 น.ของเช้าวันนี้ เป็นเหตุให้ร้านขายปลาสวยงามกว่า 300 ร้านค้า ที่ต้องใช้ออกซิเจนในการเลี้ยงปลา เกิดความเสียหาย ปลาตายยกตู้ รวมไปถึงร้านขายสุนัขราคาแพง ซึ่งสุนัขบางพันธุ์ต้องอาศัยอยู่ในห้องแอร์ เมื่อสุนัขอยู่ในอากาศที่ร้อนจัด จะซึมเศร้า และอาจถึงแก่ชีวิตได้ เป็นเหตุให้บรรดาผู้ค้าออกมารวมตัวกันประท้วงเรียกร้องค่าเสียหาย
นางสาวศรลักษณ์ แย้มทัษณ์ อายุ 27 ปี เจ้าของร้านเทพปลาทอง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงเช้าได้มีเพื่อนที่เปิดร้านขายปลาเหมือนกัน โทรศัพท์มาแจ้งตนว่า ไฟฟ้าภายในร้านได้ดับลงไปตั้งแต่เมื่อค่ำวานนี้ เมื่อทราบดังนั้น เวลาประมาณเจ็ดโมงเช้า ตนจึงรีบขับรถมาที่ร้านทันที เมื่อเปิดประตูเข้ามาในร้านแทบช็อกเนื่องจากปลานับร้อยตัว ได้นอนตายหงายท้องเต็มตู้
“ปลาในร้านหลายร้อยตัว ต่างชนิดต่างพันธุ์ ตายหมดทั้งร้าน ส่วนปลาตัวที่แพงที่สุด คือ ปลาอโลน่า ราคาเป็นแสน โดยวันนี้ได้เตรียมปลาไว้ส่วนหนึ่งเพื่อขายส่งให้กับลูกค้าอีกเจ้า แต่ไม่ทันได้ส่งปลาก็ตายหมดแล้ว สร้างความเสียหายให้กับกิจการขายปลาร้านตนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จึงต้องมีผู้เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบ” นางสาวศรลักษณ์ กล่าว
นางสาวศรลักษณ์ กล่าวต่อว่า เมื่อคืนไฟดับ เหตุใดจึงไม่มีคนโทร.แจ้ง ทางพ่อค้าแม่ค้าจะได้มาขนย้ายปลาออกไป เบอร์โทร.ก็ติดอยู่หน้าร้าน จะมาอ้างว่าโทร.ไม่ติดนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะมันคือหน้าที่ ทางพ่อค้าแม่ค้าจ่ายเงินค่าเช่าไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่รับผิดชอบต้องคอยดูแลให้ ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดความเสียหายมหาศาลแบบนี้
ทางด้านเจ้าของร้านขายปลาคราฟเพชรระ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าประมาณ 9 โมง เมื่อทราบข่าวว่า ไฟดับ จึงเดินทางมาที่ร้าน พบปลาคราฟ ที่เลี้ยงไว้ขาย เสียชีวิตหมดทุกตัว ตนรู้สึกช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เดินไปดูร้านข้างๆ ว่า เสียหายเหมือนกันรึเปล่า ปรากฏว่า ทุกร้านมีปลาตาย ยกเว้นปลาชนิดที่ไม่ต้องใช้ออกซิเจน เช่น ปลาหางนกยุง ยังมีชีวิตอยู่ แต่ปลาแพงๆ ตายหมด
“ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอ้างว่าได้โทรศัพท์มาบอกนายสมศักดิ์ เกีรติบัญชร ซึ่งเป็นที่ปรึกษาพ่อค้าปลาสวยงาม ภายในตลาดดังกล่าว เพื่อให้แจ้งบรรดาพ่อค้าแม่ค้าว่าไฟดับ แต่นายสมศักดิ์อ้างกับทางเจ้าหน้าที่ว่าอยู่ต่างจังหวัด ไม่มีเบอร์ผู้ค้า จึงติดต่อไม่ได้ ซึ่งเป็นการปัดความรับผิดชอบ ความเป็นจริงแล้วเจ้าหน้าที่ๆดูแลตลาดต้องหาวิธีแก้ปัญหา หากติดต่อเราไม่ได้จริงๆ ก็ควรประสานกับทางไฟฟ้านครหลวงเพื่อให้เข้ามาแก้ไข ไม่ใช่ปล่อยให้ร่วงเลยข้ามคืน จนปลาต้องเสียชีวิตทั้งหมด “
ด้านนางนาตยา เดชเดชากร อายุ 48ปี เจ้าของร้านล็อกการ์เด้นท์ ซึ่งเป็นร้านขายสุนัข และอุปกรณ์เลี้ยงสุนัข เปิดเผยว่า ร้านของตนเป็นร้านใหญ่ มีสุนัขหลายพันธุ์ พุดเดิ้ล ชิวาว่า ปอม ฯลฯ โดยสุนัขทั้งหมดรวมๆกันแล้วราคาหลายแสนบาท ทั้งนี้สุนัขของตนต้องเลี้ยงไว้ในห้องแอร์ตลอด ไม่สามารถอยู่ในอากาศที่ร้อนจัดได้ กระทั้งเมื่อคืนไฟดับ สุนัขของตนต้องทนร้อนข้ามคืน
“ ดิฉันเปิดร้านเข้ามา เจอสุนักหลายตัวนอนน้ำลายฟูมปาก บางตัวก็นอนซมด้วยความเหนื่อยอ่อน ดิฉันต้องรีบเอาน้ำตาลหยอดเข้าปากเพื่อให้สุนัขดีขึ้น ซึ่งขณะนี้บางตัวยังไม่ยอมกินอาหาร มีอาการซึมเศร้า คงต้องรอดูอาการกันต่อไปว่าวะมีผลกระทับอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า หากสุนัขของตนต้องตายเหมือนปลา คงต้องเรียกร้องค่าเสียหายเช่นกัน “
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าของร้านขายปลาหลายรายต่างพากันนำซากปลาที่เสียชีวิตแล้วใส่ในกระสอบ ทยอย ใส่ท้ายรถกระบะมาเทรวมกันในสำนักงานใหญ่นับแสนตัว ส่งกลิ่นเหม็นคาว ไปทั่วทั้งอาคาร โดยบรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างพากันประท้วงเพื่อเรียกร้องหาผู้รับผิดชอบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด หากยังไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบจะเอาซากปลาตายโยนเข้าไปในห้องทำงาน ทั้งชั้นหนึ่งและชั้นสอง
ทั้งนี้บรรดาพ่อค้าได้พูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นภายในตลาด อาทิ ค่าเช่าที่จอดรถรายเดือน และรายวัน โดยค่าที่จอดรถรายเดือน สำหรับพ่อค้าและแม่ค้า คิดเดือนละเก้าร้อย ในขณะที่ค่าเช่าร้าน คิดเพียงเดือนละหกร้อย รวมถึงค่าจอดรถรายชั่วโมงที่เก็บเพิ่มขึ้นตามระยะเวลา เป็นเหตุให้ลูกค้าที่นำรถมาไม่อยากที่จะมาซื้อของภายในตลาด เนื่องจากต้องจ่ายค่าที่จอดรถแพงเกินความเป็นจริง
นายพงษ์พจน์ พิมพ์สมฤดี ผู้อำนวยการสำนักงานตลาดกรุงเทพมหานคร (ผอ.สงต.กทม.) กล่าวว่า เมื่อรับทราบเหตุการณ์ทั้งหมดก็จะรับเรื่องไว้ จากนั้น ขอตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การชดใช้ข้อเสียหาย โดยปัญหาที่เกิดขึ้น ในภายภาคหน้าจะได้วางมาตรการ ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเกิดขึ้นซ้ำอีก อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้ยืนยันกับตนแล้วว่า ช่วงเวลาสามทุ่มขณะไฟฟ้าดับ ได้โทรแจ้งไปยังการไฟฟ้านครหลวง ถึงสองครั้ง แต่ไม่มีการตอบรับกลับมา
“สำหรับเรื่องค่าที่จอดรถ จะได้นำเรื่องดังกล่าวไปเข้าประชุมเพื่อหาความเหมาะสมอีกครั้ง อย่างไรก็ตามการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น จะขอประสานไปยังการไฟฟ้านครหลวง ว่าเหตุใด จึงไม่ส่งเจ้าหน้าที่มาแก้ไข เมื่อมีบทสรุปที่ชัดเจนแล้ว จะได้แจ้งให้บรรดาเจ้าของร้านทราบถึงเรื่องการชดใช้ค่าเสียหายอีกครั้ง” นายพงษ์พจน์ กล่าว