“อัยการฝ่ายคดีพิเศษ” เลื่อนสั่งคดีปกปิดโครงสร้างหุ้นเอสซีแอสเสท เหตุต้องรอผลสอบเพิ่มเติมจากดีเอสไอ ย้ำอัยการใช้คณะทำงานพิจารณาสังคดีไม่มีใครกดดันได้ นัดสั่งคดีใหม่อีกครั้ง 22 ก.ค.นี้
วันนี้ ( 15 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ นัดฟังคำสั่งคดีคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่มี บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่นโดยนางเพ็ญโสม กรรมการบริษัท , นางบุษบา ดามาพงศ์ อดีตกรรมการบริษัท ฯ , พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ คุณหญิงพจมาน ภริยา ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1-4 ฐานกระทำผิดตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
โดยวันนี้นายกิตติพร อดุลย์รัตน์ ทนายความของผู้ต้องหาทั้ง 4 ได้ส่งเสมียนทนายพร้อมด้วย นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายประกัน เข้ายื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำสั่งคดีออกไป เนื่องจาก ผู้ต้องหาที่ 2-4 ติดภารกิจไม่สามารถเดินทางมาได้ โดยอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษพิจารณาแล้วประกอบกับการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นจึงมีคำสั่งให้เลื่อนสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 22 ก.ค.51 เวลา 10.00 น.
อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ตามที่คณะทำงานอัยการได้มีคำสั่งให้ทางพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ทำการสอบสวนเพิ่มเติมในหลายประเด็น แต่ขณะนี้เพิ่งได้รับผลการสอบสวนกลับมาเพียงบางส่วน ขณะทำงานจึงมีความจำเป็นต้องเลื่อนการสั่งคดีออกไป ทั้งนี้ขอยืนยันว่าการพิจารณาสำนวนของอัยการไม่ได้รับความกดดันจากใครแต่อย่างใด เพราะการทำงานเป็นรูปแบบของคณะทำงานต้องพิจารณาร่วมกัน จึงไม่มีใครมากดดันได้ ส่วนการทำงานของพนักงานสอบสวนดีเอสไอ คงต้องให้เวลาในการทำงานตามสมควรเนื่องจากพยานหลักฐานส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งหากได้รับผลการสอบสวนทั้งหมดแล้วคณะทำงานก็สามารถพิจารณาสำนวนเพื่อสั่งคดีได้
ด้านนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 หนึ่งในคณะทำงาน กล่าวว่า สำนวนที่ได้รับจากดีเอสไอ ยังไม่ครบถ้วนขาดทั้งในส่วนของพยานบุคคลและพยานเอกสาร เมื่อถามว่า การที่พนักงานอัยการสั่งเลื่อนคดีทำให้ถูกมองว่าเป็นการยื้อเวลาให้ช้าออกไปนั้น นายวงศ์สกุล กล่าวว่า โดยหลักปฏิบัติของพนักงานอัยการแล้ว หากสำนวนยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ พนักงานอัยการสามารถสั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมได้ โดยปฏิบัติเช่นนี้เหมือนกันทุกคดี
