ตำรวจตามรวบทันควัน "ต้น ท้ายบ้าน" ร่วมกับเพื่อนสาว ชิงทรัพย์นักศึกษา ม.เกษมบัณฑิต เผยทำทีเข้าไปถามทาง แล้วฝ่ายหญิงลงมือกระชากกระเป๋า แต่เหยื่อไม่ยอมง่ายๆ ฝ่ายชายเลยสวมบทโหดลงไปตบหน้า-ทุบท้อง ก่อนชิงโทรศัพท์มือถือ และกระเป๋าเหยื่อหลบหนีไปกบดานในบ้านพัก สุดท้ายตำรวจตามจับกุมได้
วันนี้ (8 พ.ค.) เมื่อเวลา 01.30 น.พ.ต.ท.ธนินท์รัฐ วิชทิพยนานนท์ สารวัตรเวร สภ.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ รับแจ้งเหตุมีหญิงสาวถูกคนร้ายทำร้ายร่างกายชิงทรัพย์ บริเวณกลางซอยมิตรอุดม หมู่ 1 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ หลังรับแจ้ง จึงเดินทางไปพร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผกก.สภ.สำโรงเหนือ พ.ต.ท.เมธา เจียมไกรศรี สว.สป. พ.ต.ต.ประเสริฐ บัวขาว สว.สส. กำลังเจ้าหน้าที่ ฝ่ายสืบสวน รุดตรวจสอบในที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุตำรวจพบ น.ส.พันทิรา สวัสดี อายุ 24 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ เอกคอมพิวเตอร์ และทำงานเป็นโอเปอเรเตอร์ บริษัท วิสิทธิ์ เอ็นจิเนียริ่ง คอนสตรัคชั่น จำกัด ย่านคลองเตย กทม.ยืนร้องไห้ รอเจ้าหน้าที่สภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง มีแผลถลอกตามร่างกายเล็กน้อย ได้ให้การกับตำรวจว่า หลังเลิกงานได้ไปเรียนภาคค่ำที่มหาวิทยาลัย จากนั้นได้ไปทำธุระบ้านเพื่อนและระหว่างที่เดินทางกลับบ้านภายในซอยดังกล่าว ได้แวะซื้อก๋วยเตี๋ยว ที่ร้านค้า และเดินเข้าบ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุอีกแค่ประมาณ 100 เมตร ขณะนั้นมีชายและหญิงคู่หนึ่ง ฝ่ายชายอายุราว 25-30 ปี ขับขี่จักรยานยนต์ฮอนด้า คลิก สีน้ำเงิน-ดำ ทะเบียน ลยค 933 กทม.มาประกบแล้วทำทีถามทาง ซอย 2 ไปทางไหน ตนจึงได้ชี้บอกทาง แต่ระหว่างนั้น คนซ้อนที่เป็นหญิงสาววัยรุ่น ได้ลงจากรถก่อนเอื้อมมือไปกระชากกระเป๋าถือของตน จึงเกิดการยื้อยุดฉุดกระชากกันขึ้น ซึ่งคนร้ายที่เป็นชาย ได้ลงจากรถก่อนใช้มือจิกผมตน และตบเข้าที่ใบหน้าเต็มแรง พร้อมทั้งทุบท้องตน ก่อนผลักตนเองจนล้มกลิ้งลงไปกับพื้น แล้วค้นตัวตนได้โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ โซนี่ อิริคสัน รุ่น W580I สีชมพู และกระเป๋าเงินสดของตน มีเงินอยู่ประมาณ 600 บาท แล้วทั้งคู่ก็รีบกระโดดขึ้นรถขับขี่หลบหนีไป คนร้ายทั้งสองตนจำหน้าได้อย่างแม่นยำ
หลังรับเรื่อง เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังสืบสวน พร้อมวิทยุสกัดจับกุม และนำทะเบียนรถจักรยานยนต์เข้าตรวจสอบอย่างเร่งด่วน จนกระทั่งต่อมา เมื่อเวลา 08.00 น.เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมตัว นายศุภเกียรติ ขวัญทอง อายุ 27 ปี หรือฉายา ต้น ท้ายบ้าน ซึ่งอ้างว่าทำงานเป็นพนักงานฝ่ายผลิต บริษัท กรุงเทพผลิตเหล็ก จำกัด ย่านสำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้ขณะกบดานอยู่ในบ้านพัก ภายในซอยหาดอมรา ม.6 ต.ท้ายบ้าน อ.เมืองสมุทรปราการ พร้อมด้วย น.ส.นิศาชล พละโท อายุ 16 ปี หรือ แจน เพื่อนสาว และทำการยึดของกลางเป็น รถ จักรยานยนต์คันดังกล่าวและโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย โดยมี น.ส.พันทิรา ชี้ตัวยืนยัน ก่อนนำมาสอบสวนเพิ่มเติม
จากการสอบสวน นายศุภเกียรติ ให้การว่า ได้ร่วมกับ น.ส.แจน เพื่อนสาว ซึ่งเป็นแฟนของเพื่อนที่ทำงานโรงงานเดียวกัน ร่วมกันก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยก่อนเกิดเหตุได้ชักชวนกันมานั่งกินอาหารพร้อมดื่มสุรา ที่บ้านของตน ก่อนขับขี่จักรยานยนต์คันดังกล่าว ตระเวนออกหาเหยื่อผู้เสียหายที่เป็นผู้หญิง เพื่อชิงโทรศัพท์มือถือและของมีค่าโดยจะเลือกก่อเหตุในย่านเทพารักษ์ และสำโรงเหนือ เนื่องจากประวัติของตนอยู่ในเขต สภ.เมืองสมุทรปราการ คิดว่า เจ้าหน้าที่ไม่น่าจะตามได้ ส่วนที่ก่อเหตุเพราะต้องการหาเงินไปใช้หนี้ให้พี่สาว ขณะที่ น.ส.แจน อ้างว่าต้องการหาเงินไปเลี้ยงลูกเล็กที่เพิ่งเกิดกับสามี
พ.ต.อ.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผกก.สภ.สำโรงเหนือ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากดูลักษณะของพฤติการณ์ มีความอุกอาจ เชื่อว่า น่าจะมีการก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรของ นายศุภเกียรติ ทราบว่า มีประวัติต้องคดียาเสพติด และชิงทรัพย์ อยู่หลายโรงพัก จนกระทั่งได้ฉายาว่า ต้น ท้ายบ้าน ทั้งนี้ หากผู้เสียหายที่เคยถูกคนร้ายรายนี้ก่อเหตุสามารถมาติดต่อขอชี้ตัวได้ที่ สภ.สำโรงเหนือ ในส่วนของคดีได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันชิงทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้ยานพาหนะ ดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตาม กรณีที่นายศุภเกียรติอ้างว่า ทำงานกับบริษัทกรุงเทพผลิตเหล็กนั้น "ผู้จัดการออนไลน์"ได้รับการชี้แจงจากทางบริษัทกรุงเทพผลิตเหล็กว่า นายศุภเกียรติไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัทแต่อย่างใด เพียงแต่นายศุภเกียรติเคยเป็นคนงานให้กับบริษัทสมานการช่าง ที่รับเหมางานให้กับบริษัทกรุงเทพผลิตเหล็กเท่านั้น นอกจากนี้นายศุภเกียรติยังทำงานให้กับสมานการช่างแค่ 3 วัน คือวันที่ 28 เม.ย.และวันที่ 2-3 พ.ค.ก่อนที่จะก่อเหตุและถูกจับกุมในวันที่ 8 พ.ค.ดังกล่าว