ผบช.น.ยอมรับนครบาลบกพร่องในการรักษาความปลอดภัยทำให้เกิดเหตุรุนแรงส่งผลช่างภาพช่อง 7 ถูกปาหัวคิ้วแตกเย็บ 7 เข็ม ในงานพันธมิตรฯ หน้า มธ. ย้ำขอแก้มือวางมาตรการเข้มคุ้มกันสื่อและประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำครั้งต่อไป ยันม็อบถ่อยโชว์เจ้าโลกโทษปรับไม่หนัก แต่กระทบจิตใจคนทั้งประเทศ ลั่นไม่ควรกระทำในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์
วันนี้ (28 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยถึงภาพรวมการดูแลรักษาความปลอดภัยการให้ความรู้ประชาชนในงานสัมมนา “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” ครั้งที่ 2 ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า เหตุการณ์ไม่น่ารุนแรงเพราะตำรวจได้วางมาตรการดูแลเป็นอย่างดี โดยนำแผงเหล็กมากั้นไว้ 2 ชั้น ซึ่งตำรวจไม่อยากทำให้มองภาพดูน่ากลัวหรือทำให้ดูยิ่งใหญ่เกินไป โดยหลังจบงานวันที่ 25 เม.ย. บช.น.ได้ประเมินวิเคราะห์เหตุการณ์ทั้งหมด โดยเฉพาะกรณี นายเสรี อูมา อายุ 43 ปี ช่างภาพทีวีช่อง 7 ที่ถูกกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ขว้างขวดเครื่องดื่มชูกำลังใส่จนคิ้วข้างซ้ายแตกเย็บ 7 เข็ม ในเรื่องนี้ บช.น.ขอรับผิดชอบส่วนนี้ ถือว่าเป็นความบกพร่องของตำรวจนครบาล แม้ว่าได้เตรียมการป้องกันแล้วแต่ก็ยังทำให้ช่างภาพได้รับบาดเจ็บ ซึ่งการรักษาความปลอดภัยต่อไป บช.น.จะวางมาตรการเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย โดยจะอุดรูรั่ว รวมทั้งช่องโหว่ให้หมด
อย่างไรก็ตาม ในการเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ก่อเหตุสร้างความวุ่นวาย ทางตำรวจจะขอภาพเหตุการณ์จากสื่อมวลชน และภาคเอกชนมาตรวจสอบใช้ประกอบสำนวนคดี เพื่อสืบสวนหาคนกระทำผิดมาลงโทษให้ได้
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวถึงกรณี กลุ่มม็อบต่อต้านได้มีการโชว์ของลับ ว่า กรณีดังกล่าวแม้จะมีอัตราโทษน้อย เปรียบเทียบปรับไม่เกิน 500 บาท แต่กรณีดังกล่าวถือว่ากระทบความรู้สึกทางจิตใจของประชาชนทั้งประเทศ เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เพราะสนามหลวงเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ใช้ประกอบศาสนพิธีต่างๆ รวมถึงพระราชพิธีพระบรมศพฯ ถึงแม้ว่าโทษเอาผิดจะไม่มาก และสิ่งที่ทำลงไปจะสะท้อนตัวผู้กระทำเอง
“ขอฝากไปถึงกลุ่มต่อต้านว่าอย่าได้ไปทำอย่างนั้น เพราะถือเป็นการกระทำที่ไม่ดี ซึ่งถ้าทำอีกสังคมจะลงโทษเอง การกระทำที่หน้าด้านของเขาไม่มีใครว่าหรอก แต่มันกระทบจิตใจคนไทย ถ้าหากตนไม่ใช่ ตร. เป็นคนไทยคนหนึ่งก็คงไม่พอใจ ยืนยันว่าต่อไปจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” พล.ต.ท.อัศวิน กล่าว
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาตำรวจได้พยายามประนีประนอม เพื่อต้องการให้เกิดความสบายใจทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายพันธมิตรฯ และกลุ่มต่อต้าน ซึ่งตนมองว่าเป็นคนไทยด้วยกันไม่อยากให้ใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหา ซึ่งคนที่มีความรู้น่าจะใช้วิธีการอื่นที่ดที่ถูกต้องในสการตัดสินปัญหาความขัดแย้งเรื่องแนวคิด การตัดสินปัญหาด้วยกำลังมนุษย์เค้าไม่ทำกัน
วันนี้ (28 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยถึงภาพรวมการดูแลรักษาความปลอดภัยการให้ความรู้ประชาชนในงานสัมมนา “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” ครั้งที่ 2 ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า เหตุการณ์ไม่น่ารุนแรงเพราะตำรวจได้วางมาตรการดูแลเป็นอย่างดี โดยนำแผงเหล็กมากั้นไว้ 2 ชั้น ซึ่งตำรวจไม่อยากทำให้มองภาพดูน่ากลัวหรือทำให้ดูยิ่งใหญ่เกินไป โดยหลังจบงานวันที่ 25 เม.ย. บช.น.ได้ประเมินวิเคราะห์เหตุการณ์ทั้งหมด โดยเฉพาะกรณี นายเสรี อูมา อายุ 43 ปี ช่างภาพทีวีช่อง 7 ที่ถูกกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ขว้างขวดเครื่องดื่มชูกำลังใส่จนคิ้วข้างซ้ายแตกเย็บ 7 เข็ม ในเรื่องนี้ บช.น.ขอรับผิดชอบส่วนนี้ ถือว่าเป็นความบกพร่องของตำรวจนครบาล แม้ว่าได้เตรียมการป้องกันแล้วแต่ก็ยังทำให้ช่างภาพได้รับบาดเจ็บ ซึ่งการรักษาความปลอดภัยต่อไป บช.น.จะวางมาตรการเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย โดยจะอุดรูรั่ว รวมทั้งช่องโหว่ให้หมด
อย่างไรก็ตาม ในการเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ก่อเหตุสร้างความวุ่นวาย ทางตำรวจจะขอภาพเหตุการณ์จากสื่อมวลชน และภาคเอกชนมาตรวจสอบใช้ประกอบสำนวนคดี เพื่อสืบสวนหาคนกระทำผิดมาลงโทษให้ได้
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวถึงกรณี กลุ่มม็อบต่อต้านได้มีการโชว์ของลับ ว่า กรณีดังกล่าวแม้จะมีอัตราโทษน้อย เปรียบเทียบปรับไม่เกิน 500 บาท แต่กรณีดังกล่าวถือว่ากระทบความรู้สึกทางจิตใจของประชาชนทั้งประเทศ เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เพราะสนามหลวงเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ใช้ประกอบศาสนพิธีต่างๆ รวมถึงพระราชพิธีพระบรมศพฯ ถึงแม้ว่าโทษเอาผิดจะไม่มาก และสิ่งที่ทำลงไปจะสะท้อนตัวผู้กระทำเอง
“ขอฝากไปถึงกลุ่มต่อต้านว่าอย่าได้ไปทำอย่างนั้น เพราะถือเป็นการกระทำที่ไม่ดี ซึ่งถ้าทำอีกสังคมจะลงโทษเอง การกระทำที่หน้าด้านของเขาไม่มีใครว่าหรอก แต่มันกระทบจิตใจคนไทย ถ้าหากตนไม่ใช่ ตร. เป็นคนไทยคนหนึ่งก็คงไม่พอใจ ยืนยันว่าต่อไปจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” พล.ต.ท.อัศวิน กล่าว
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาตำรวจได้พยายามประนีประนอม เพื่อต้องการให้เกิดความสบายใจทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายพันธมิตรฯ และกลุ่มต่อต้าน ซึ่งตนมองว่าเป็นคนไทยด้วยกันไม่อยากให้ใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหา ซึ่งคนที่มีความรู้น่าจะใช้วิธีการอื่นที่ดที่ถูกต้องในสการตัดสินปัญหาความขัดแย้งเรื่องแนวคิด การตัดสินปัญหาด้วยกำลังมนุษย์เค้าไม่ทำกัน