ตำรวจประชาชื่นสอบปากคำนักธุรกิจค้าอาวุธปืน หลังเซ็นจ่ายเช็คเด้งหลอกเหยื่อข้าราชการและหน่วยงานรัฐสูญเงินกว่า 10 ล้าน เจ้าตัวเผยถูกศุลกากรอายัดปืนไว้ทั้งหมดเนื่องจากมีเอกสารไม่ครบจนไม่สามารถหาอาวุธปืนให้ลูกค้าได้ เมื่อถูกทวงเงินคืนก็ไม่มีจ่าย เนื่องจากเป็นหนี้และมีเงินไม่พอแล้ว
ความคืบหน้ากรณีตำรวจ สน.ประชาชื่น จับกุมตัวนายชาญชัย คงเจริญสุข อายุ 42 ปี เจ้าของบริษัท อินเทคแอดวานซ์ จำกัด ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงพระนครเหนือ ข้อหากระทำผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค พ.ศ.2534 เนื่องจากก่อนหน้านี้นายชาญชัย ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายอาวุธปืนสวัสดิการให้แก่ข้าราชการตำรวจ ทหาร และข้าราชการพลเรือน จำนวนกว่า 823 กระบอก แต่เมื่อทำสัญญาและมีการจ่ายเงินกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายชาญชัยกลับไม่สามารถส่งมอบอาวุธปืนให้ลูกค้าตามที่ตกลงได้ ทำให้มีผู้เสียหายจากทั่วประเทศกว่า 100 ราย ทยอยแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีกับนายชาญชัยเมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
ล่าสุด วันนี้ (27 เม.ย.) พ.ต.ต.นรา พันธุ์ยิ่งยก สารวัตรเวร สน.ประชาชื่น ได้เบิกตัวนายชาญชัยออกมาจากห้องควบคุมผู้ต้องหาเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม โดยนายชาญชัยให้การว่า ปืนที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมดจำนวน 823 กระบอกนั้น ตนได้ส่งเงินไปให้ทางบริษัทฯ ผู้ผลิต และผู้จำหน่าย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ราคาอยู่ที่กระบอกละประมาณ 32,000 บาท แต่เมื่อนำเข้ามาในประเทศไทยกลับติดปัญหาด้านการทำเอกสารผ่านพิธีการทางศุลกากร โดยเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร อ้างว่าเอกสารไม่ครบ ทำให้ปืนทั้งหมดถูกอายัดเอาไว้ ทั้งที่ลูกค้าบางรายโอนเงินมาชำระค่าปืนจนครบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“มีบ้างเหมือนกันที่โอนเงินมาให้ผมเพียงบางส่วน แต่เมื่อเกิดปัญหาส่งมอบอาวุธปืนให้ลูกค้าไม่ได้ก็พยายามที่จะทยอยส่งเงินคืนไปให้เป็นบางส่วน แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถชำระคืนให้ลูกค้าได้ทั้งหมดเนื่องจากไม่เหลือเงินแล้ว ทำให้มีหนี้สินคงค้างอยู่อีกประมาณ 10 ล้านบาท หลังจากนั้นผมก็คาดหวังเพื่อรอเวลาให้ทางกรมศุลกากรมอบปืนที่ยึดไว้ให้ตนเสียที เนื่องจากผมก็ไม่เคยคิดจะคดโกงใคร โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่เคยทราบว่าถูกออกหมายจับนับร้อยคดีขนาดนี้ ก็ยังคงใช้ชีวิตไปตามปกติ จนกระทั่งถูกตำรวจจับกุม ในเมื่อเหตุการณ์ออกมาเป็นเช่นนี้แล้วผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็คงจะยอมติดคุกเพราะว่าตอนนี้ไม่มีเงินจ่ายคืนลูกค้าจริงๆ” นายชาญชัยกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.เอนก อุ่นเดช สว.สส.สน.ประชาชื่น เปิดเผยว่า คดีนี้สามารถยอมความกันได้ หากผู้ต้องหามีเงินมาชำระหนี้ที่ติดค้างอยู่ให้กับผู้เสียหาย อย่างไรก็ตาม หลังปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชน ล่าสุดตำรวจ สภ.บัวลาย จ.นครราชสีมา ได้ส่งเเฟกซ์เอกสารหมายจับของศาลจังหวัดบัวใหญ่ มาอายัดตัวผู้ต้องหาเพิ่มอีก 6 คดี ตามหมายคดีอาญาเลขที่ 21/2550 - 25/2550 และ 27/2550 หมายจับเลขที่ 50/2550-55/2550 ลงวันที่ 30 พ.ค.50 ในข้อกล่าวหาออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ในขณะที่ออกเช็คนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ และธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกันกับที่ถูกจับกุมเมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) เบื้องต้นก็จะนำเอกสารที่ได้รับไปมอบให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อทำเรื่องอายัดตัวผู้ต้องหาไว้ตามคำร้องของ สภ.บัวลาย จ.นครราชสีมา ต่อไป
หลังสอบปากคำนายชาญชัย และทำเรื่องอายัดตัวไว้เป็นที่เรียบร้อย ทางพนักงานสอบสวนก็จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลแขวงพระนครเหนือ เป็นผลัดแรกในวันพรุ่งนี้ (28 เม.ย.) ซึ่งหากมีความคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะรายงานให้ทราบต่อไป