ศาลฎีกานัดตรวจสอบหลักฐาน คดีใบแดง “ยุทธ ตู้เย็น” และใบเหลืองลูกสาว 2 พ.ค.นี้ ทนายเผยศาลสั่งแจ้ง กกต.ส่งคำวินิจฉัยส่วนตน พร้อมหลักฐานซีดี-วีซีดีด้วย ระบุ “ยงยุทธ-ลูกสาว” จะมาหรือไม่มาศาลตามนัดตรวจพยานหลักฐานก็ได้ เพราะมอบอำนาจให้ตนเองดูแลแทนแล้ว
วันนี้ (21 เม.ย.) ที่ศาลฎีกา สนามหลวง ศาลปิดประกาศกำหนดวันนัดพิจารณาคดีหมายเลขดำที่ ลต.38/2551 ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วนกลุ่มที่ 1 และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และ น.ส.ละออง ติยะไพรัช ส.ส.เขต 3 จ.เชียงราย พรรคพลังประชาชน ผู้ถูกกล่าวที่ 1-2 ซึ่ง กกต.ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธ ซึ่งถูกใบแดง และ น.ส.ละออง ซึ่งถูกใบเหลืองที่ กกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขต 3 จังหวัดเชียงราย เนื่องจากกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พ.ศ.2550 ทุจริตการเลือกตั้งด้วยการแจกเงินให้กับกลุ่มกำนัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นตัวแทน (หัวคะแนน) ของนายยงยุทธแจกเงินซื้อเสียงเพื่อให้มีการลงคะแนนเลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชาชน
โดยภายหลังที่นายสาคร ศิริชัย ทนายความนายยงยุทธได้ยื่นคำให้การคัดค้านพร้อมบัญชีพยานหลักฐานในการต่อสู้คดีต่อศาลฎีกาแล้วเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา วันนี้ (21 เม.ย.) องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีคำสั่งแจ้งให้คู่ความทั้งสองฝ่ายเดินทางมาศาลเพื่อนัดตรวจสอบพยานหลักฐานในวันที่ 2 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ด้าน นายสาคร ศิริชัย ทนายความนายยงยุทธกล่าวว่า ขณะนี้ตนได้รับแจ้งคำสั่งศาลแล้วในการกำหนดวันนัดตรวจสอบพยานหลักฐาน ซึ่งในวันดังกล่าวนายยงยุทธ และน.ส.ละออง ในฐานะผู้ร้องคัดค้านจะเดินทางมาศาลหรือไม่ก็ได้ เนื่องจากขณะนี้ตนได้รับแต่งตั้งให้เป็นทนายความที่ได้รับมอบอำนาจในการรับผิดชอบคดีแล้ว
ทั้งนี้ นายสาคร ทนายความกล่าวด้วยว่าในวันนัดตรวจสอบพยานหลักฐานนั้น ศาลจะได้สอบถามฝ่าย กกต.ในฐานะผู้ร้อง และฝ่ายนายยงยุทธ และ น.ส.ละออง ผู้ร้องคัดค้านว่ามีข้อเท็จจริงในคดีประเด็นใดบ้างที่คู่ความสองฝ่ายจะรับข้อเท็จจริงกันได้บ้าง และแต่ละฝ่ายจะนำพยานเข้าไต่สวนกี่ปาก ซึ่งเป็นรายละเอียดที่สองฝ่ายจะต้องเตรียมแถลงต่อศาลในวันที่ 2 พ.ค.นี้
อย่างไรก็ดี ในส่วนของนายยงยุทธ ตนได้ยื่นบัญชีพยานบุคคลกว่า 20 ปากต่อศาลไปแล้วในวันที่ยื่นคำให้การคัดค้าน ซึ่งขณะนี้ศาลยังได้มีคำสั่งใดที่จะตัดพยานหลักฐาน โดยคำสั่งศาลที่แจ้งวันนัดให้คู่ความทราบนั้น ศาลได้มีคำสั่งให้ กกต.ส่งคำวินิจฉัยส่วนตนของ กกต.ทั้งห้าต่อศาลพร้อมซีดี และวีซีดี รวม 8 แผ่น ที่เป็นพยานหลักฐานคดีนี้ที่ กกต.นำมาวินิจฉัยความผิดในวันที่ 2 พ.ค.ด้วย ซึ่งที่ผ่านมา กกต.ไม่ได้ส่งมอบคำวินิจฉัยส่วนตน และซีดี รวมทั้งวีซีดีที่เป็นหลักฐานไว้ในสำนวนที่ยื่นเป็นคำร้องต่อศาลฎีกา โดยเรื่องซีดี และวีซีดี นายยงยุทธเคยร้องขอที่จะตรวจดูจาก กกต.มาก่อนแล้ว และในชั้นยื่นคำให้การคัดค้านต่อศาลฎีกา ตนได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้ไว้ด้วย
วันเดียวกันเวลา 16.30น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนัน ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย พยานคดีนายยุงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.พรรคพลังประชาชนโกงการเลือกตั้ง พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รรท.ผบ.ตร. เพื่อขอประกันตัวและต่อสู้คดีในชั้นศาล
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า การที่ออกมาครั้งนี้เพื่อจะมอบตัวตามที่ตำรวจได้ออกหมายจับ ซึ่งคดีที่ถูกหมายจับนี้ตนก็ยังไม่ทราบว่าเป็นคดีอะไร แต่ตั้งแต่เป็นพยานในคดีนี้ก็ถูกข่มขู่มาโดยตลอดจึงหลบซอ่นอยู่ในทุ่งนา และในไร่ จนกระทั่งนายเกรียงไกร ฉางข้าวคำ บุตรชายได้มายื่นหนังสือขอความช่วยเหลือที่สภาทนายค วามและร้องทุกข์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงตัดสินใจออกมาเพื่อขอมอบตัว และยื่นประกันเพื่อต่อสู้คดีให้การในชั้นศาลเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้หลบหนีคดี
“ตั้งแต่ปี 2547ที่เป็นพยานในคดีนี้ เคยมาให้การในกรุงเทพฯ เพียงครั้งเดียว หลังจากโดนข่มขู่จึงหลบซ่อนมาตลอด เมื่อออกมาครั้งนี้ก็ยังยืนยันว่าจะให้การตามเดิมไม่มีการกลับคำให้การในชั้นศาลแน่นอน เพราะเรื่องเป็นความจริงก็ต้องออกมาต่อสู้ เมื่อไม่นานมานี้ก็ยังมีคนมาข่มขู่ที่บ้านว่า ให้อุ้มให้หายไปเลย ไม่ต้องคุยกันแล้ว แต่ผมก็ไม่เสียใจที่เป็นพยาน และเชื่อว่าถูกกลั่นแกฃ้งเพราะมาเป็นพยานในคดีนี้ เพราะเมื่อก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีเรื่องมาก่อน” นายชัยวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สำนักงาน รรท.ผบ.ตร. ได้ออกมาสอบถาม และบอกเพียงว่าทาง ตร. ไม่มีหมายจับ และให้นายชัยวัฒน์ และทนายไปนำหมายจับที่ สภ.แม่จัน มาอีกครั้ง โดยให้ติดต่อกับ พล.ต.ต.วีระพัฒน์ ตันศรีสกุล เลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
วันนี้ (21 เม.ย.) ที่ศาลฎีกา สนามหลวง ศาลปิดประกาศกำหนดวันนัดพิจารณาคดีหมายเลขดำที่ ลต.38/2551 ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วนกลุ่มที่ 1 และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และ น.ส.ละออง ติยะไพรัช ส.ส.เขต 3 จ.เชียงราย พรรคพลังประชาชน ผู้ถูกกล่าวที่ 1-2 ซึ่ง กกต.ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธ ซึ่งถูกใบแดง และ น.ส.ละออง ซึ่งถูกใบเหลืองที่ กกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขต 3 จังหวัดเชียงราย เนื่องจากกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พ.ศ.2550 ทุจริตการเลือกตั้งด้วยการแจกเงินให้กับกลุ่มกำนัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นตัวแทน (หัวคะแนน) ของนายยงยุทธแจกเงินซื้อเสียงเพื่อให้มีการลงคะแนนเลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชาชน
โดยภายหลังที่นายสาคร ศิริชัย ทนายความนายยงยุทธได้ยื่นคำให้การคัดค้านพร้อมบัญชีพยานหลักฐานในการต่อสู้คดีต่อศาลฎีกาแล้วเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา วันนี้ (21 เม.ย.) องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีคำสั่งแจ้งให้คู่ความทั้งสองฝ่ายเดินทางมาศาลเพื่อนัดตรวจสอบพยานหลักฐานในวันที่ 2 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ด้าน นายสาคร ศิริชัย ทนายความนายยงยุทธกล่าวว่า ขณะนี้ตนได้รับแจ้งคำสั่งศาลแล้วในการกำหนดวันนัดตรวจสอบพยานหลักฐาน ซึ่งในวันดังกล่าวนายยงยุทธ และน.ส.ละออง ในฐานะผู้ร้องคัดค้านจะเดินทางมาศาลหรือไม่ก็ได้ เนื่องจากขณะนี้ตนได้รับแต่งตั้งให้เป็นทนายความที่ได้รับมอบอำนาจในการรับผิดชอบคดีแล้ว
ทั้งนี้ นายสาคร ทนายความกล่าวด้วยว่าในวันนัดตรวจสอบพยานหลักฐานนั้น ศาลจะได้สอบถามฝ่าย กกต.ในฐานะผู้ร้อง และฝ่ายนายยงยุทธ และ น.ส.ละออง ผู้ร้องคัดค้านว่ามีข้อเท็จจริงในคดีประเด็นใดบ้างที่คู่ความสองฝ่ายจะรับข้อเท็จจริงกันได้บ้าง และแต่ละฝ่ายจะนำพยานเข้าไต่สวนกี่ปาก ซึ่งเป็นรายละเอียดที่สองฝ่ายจะต้องเตรียมแถลงต่อศาลในวันที่ 2 พ.ค.นี้
อย่างไรก็ดี ในส่วนของนายยงยุทธ ตนได้ยื่นบัญชีพยานบุคคลกว่า 20 ปากต่อศาลไปแล้วในวันที่ยื่นคำให้การคัดค้าน ซึ่งขณะนี้ศาลยังได้มีคำสั่งใดที่จะตัดพยานหลักฐาน โดยคำสั่งศาลที่แจ้งวันนัดให้คู่ความทราบนั้น ศาลได้มีคำสั่งให้ กกต.ส่งคำวินิจฉัยส่วนตนของ กกต.ทั้งห้าต่อศาลพร้อมซีดี และวีซีดี รวม 8 แผ่น ที่เป็นพยานหลักฐานคดีนี้ที่ กกต.นำมาวินิจฉัยความผิดในวันที่ 2 พ.ค.ด้วย ซึ่งที่ผ่านมา กกต.ไม่ได้ส่งมอบคำวินิจฉัยส่วนตน และซีดี รวมทั้งวีซีดีที่เป็นหลักฐานไว้ในสำนวนที่ยื่นเป็นคำร้องต่อศาลฎีกา โดยเรื่องซีดี และวีซีดี นายยงยุทธเคยร้องขอที่จะตรวจดูจาก กกต.มาก่อนแล้ว และในชั้นยื่นคำให้การคัดค้านต่อศาลฎีกา ตนได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้ไว้ด้วย
วันเดียวกันเวลา 16.30น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนัน ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย พยานคดีนายยุงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.พรรคพลังประชาชนโกงการเลือกตั้ง พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รรท.ผบ.ตร. เพื่อขอประกันตัวและต่อสู้คดีในชั้นศาล
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า การที่ออกมาครั้งนี้เพื่อจะมอบตัวตามที่ตำรวจได้ออกหมายจับ ซึ่งคดีที่ถูกหมายจับนี้ตนก็ยังไม่ทราบว่าเป็นคดีอะไร แต่ตั้งแต่เป็นพยานในคดีนี้ก็ถูกข่มขู่มาโดยตลอดจึงหลบซอ่นอยู่ในทุ่งนา และในไร่ จนกระทั่งนายเกรียงไกร ฉางข้าวคำ บุตรชายได้มายื่นหนังสือขอความช่วยเหลือที่สภาทนายค วามและร้องทุกข์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงตัดสินใจออกมาเพื่อขอมอบตัว และยื่นประกันเพื่อต่อสู้คดีให้การในชั้นศาลเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้หลบหนีคดี
“ตั้งแต่ปี 2547ที่เป็นพยานในคดีนี้ เคยมาให้การในกรุงเทพฯ เพียงครั้งเดียว หลังจากโดนข่มขู่จึงหลบซ่อนมาตลอด เมื่อออกมาครั้งนี้ก็ยังยืนยันว่าจะให้การตามเดิมไม่มีการกลับคำให้การในชั้นศาลแน่นอน เพราะเรื่องเป็นความจริงก็ต้องออกมาต่อสู้ เมื่อไม่นานมานี้ก็ยังมีคนมาข่มขู่ที่บ้านว่า ให้อุ้มให้หายไปเลย ไม่ต้องคุยกันแล้ว แต่ผมก็ไม่เสียใจที่เป็นพยาน และเชื่อว่าถูกกลั่นแกฃ้งเพราะมาเป็นพยานในคดีนี้ เพราะเมื่อก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีเรื่องมาก่อน” นายชัยวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สำนักงาน รรท.ผบ.ตร. ได้ออกมาสอบถาม และบอกเพียงว่าทาง ตร. ไม่มีหมายจับ และให้นายชัยวัฒน์ และทนายไปนำหมายจับที่ สภ.แม่จัน มาอีกครั้ง โดยให้ติดต่อกับ พล.ต.ต.วีระพัฒน์ ตันศรีสกุล เลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ