“รองประธานศาลฎีกา” เปิดงานครบรอบ 126 ปี ศาลยุติธรรม เน้นปฏิรูปทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ซื่อสัตย์ สุจริต วิสัยทัศน์กว้างไกล “เลขาธิการศาลยุติธรรม” เผยศาลตั้งคณะทำงานติดตามรัฐบาลแก้ รธน.หวั่นกระทบศาล ปัดให้ความเห็นแก้ทั้งฉบับ หรือบางมาตรา ชี้เป็นเรื่องการเมือง
วันนี้ (21 เม.ย.) เมื่อเวลา 07.49 น.ที่สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษก นายมงคล ทับเที่ยง รองประธานศาลฎีกา เป็นประธานในพิธีสักการะยอดปราสาทศาลยุติธรรม เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาศาลยุติธรรมครบรอบ 126 ปี ณ บริเวณห้องโถงชั้น 2 จากนั้นในเวลา 09.30 น.นายมงคลได้เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันศาลยุติธรรมโดยมีนายพินิจ สุเสารัจ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวรายงาน
โดยนายมงคล ทับเที่ยง รองประธานศาลฎีกา ได้กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันสถานการณ์ต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ศาลยุติธรรมจำเป็นต้องปฏิรูปการทำงานให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นให้ด้วยการดำรงตนให้อยู่ในความซื่อสัตย์ สุจริต มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในฐานะผู้ใช้อำนาจตุลาการ ในการพัฒนา บริหารอย่างต่อเนื่องอย่างเสมอภาค รวดเร็ว ถูกต้อง และเป็นธรรมแก่ประชาชน
ภายหลังเสร็จพิธีนายมงคลได้มอบโล่ให้แก่ข้าราชการศาลยุติธรรม ลูกจ้างประจำดีเด่น และรางวัลชมเชย ประจำปี 2550 รวม 9 รายด้วย
ขณะที่ นายพินิจ สุเสารัจ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า ศาลได้ช่วยเหลือประชาชนตามนโยบายของนายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา ที่เน้นให้บริการเชิงรุกในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มาติดต่อ และเร่งรัดพิจารณาคดีคั่งค้างให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ส่วนการประนอมข้อพิพาทหรือการไกล่เกลี่ยคดี ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร คาดว่า ในปีงบประมาณหน้า จะช่วยลดปริมาณคดีขึ้นสู่ศาลไม่ต่ำกว่า 800,000 คดี แต่จะต้องประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจต่อเนื่อง พร้อมประสานส่วนราชการโดยเฉพาะกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา และประชาชนที่ประสบปัญหาการกู้ยืมเงิน ซึ่งศาลทั่วประเทศได้สนับสนุนช่วยเหลือเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ นายพินิจยังกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ของรัฐบาลว่า ศาลได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีผลกระทบต่อศาลยุติธรรมหรือไม่ และจะแก้ไขในที่เกี่ยวข้องกับศาลมาตราใด จะได้ประสานรัฐบาลเสนอการแก้ไขที่เหมาะสมต่อไป ส่วนจะสมควรแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือบางมาตรา ตนเองคงไม่สามารถบอกได้ เพราะเป็นเรื่องของการเมืองที่ประสงค์จะแก้ไขกันเอง อย่างไรก็ตาม ศาลรับได้ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับใดบังคับใช้ แต่จะติดตามว่ามีผลกระทบต่อศาลหรือไม่อย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (21 เม.ย.) เมื่อเวลา 07.49 น.ที่สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษก นายมงคล ทับเที่ยง รองประธานศาลฎีกา เป็นประธานในพิธีสักการะยอดปราสาทศาลยุติธรรม เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาศาลยุติธรรมครบรอบ 126 ปี ณ บริเวณห้องโถงชั้น 2 จากนั้นในเวลา 09.30 น.นายมงคลได้เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันศาลยุติธรรมโดยมีนายพินิจ สุเสารัจ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวรายงาน
โดยนายมงคล ทับเที่ยง รองประธานศาลฎีกา ได้กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันสถานการณ์ต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ศาลยุติธรรมจำเป็นต้องปฏิรูปการทำงานให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นให้ด้วยการดำรงตนให้อยู่ในความซื่อสัตย์ สุจริต มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในฐานะผู้ใช้อำนาจตุลาการ ในการพัฒนา บริหารอย่างต่อเนื่องอย่างเสมอภาค รวดเร็ว ถูกต้อง และเป็นธรรมแก่ประชาชน
ภายหลังเสร็จพิธีนายมงคลได้มอบโล่ให้แก่ข้าราชการศาลยุติธรรม ลูกจ้างประจำดีเด่น และรางวัลชมเชย ประจำปี 2550 รวม 9 รายด้วย
ขณะที่ นายพินิจ สุเสารัจ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า ศาลได้ช่วยเหลือประชาชนตามนโยบายของนายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา ที่เน้นให้บริการเชิงรุกในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มาติดต่อ และเร่งรัดพิจารณาคดีคั่งค้างให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ส่วนการประนอมข้อพิพาทหรือการไกล่เกลี่ยคดี ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร คาดว่า ในปีงบประมาณหน้า จะช่วยลดปริมาณคดีขึ้นสู่ศาลไม่ต่ำกว่า 800,000 คดี แต่จะต้องประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจต่อเนื่อง พร้อมประสานส่วนราชการโดยเฉพาะกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา และประชาชนที่ประสบปัญหาการกู้ยืมเงิน ซึ่งศาลทั่วประเทศได้สนับสนุนช่วยเหลือเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ นายพินิจยังกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ของรัฐบาลว่า ศาลได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีผลกระทบต่อศาลยุติธรรมหรือไม่ และจะแก้ไขในที่เกี่ยวข้องกับศาลมาตราใด จะได้ประสานรัฐบาลเสนอการแก้ไขที่เหมาะสมต่อไป ส่วนจะสมควรแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือบางมาตรา ตนเองคงไม่สามารถบอกได้ เพราะเป็นเรื่องของการเมืองที่ประสงค์จะแก้ไขกันเอง อย่างไรก็ตาม ศาลรับได้ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับใดบังคับใช้ แต่จะติดตามว่ามีผลกระทบต่อศาลหรือไม่อย่างต่อเนื่อง
