สุรายังคงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนขาดสติ ล่าสุดตำรวจ สน.ดินแดงก่อเหตุวิวาท ตำรวจมักกะสันกลางลานเบียร์แล้วยกพวกตะลุมบอนก่อนสาดกระสุนจนเจ็บกันทั้งสองฝ่าย แต่ยังไม่มีใครรับเป็นผู้ลั่นไกปืน
วันนี้( 12 เม.ย.) เมื่อเวลา 08.00 น. ร.ต.อ.ศุภชัย บุญหล้า ร้อยเวร สน.มักกะสัน รับแจ้งมีเหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดภายใน “ลานเบียร์มรกต” ตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงแรมมรกต ปากทางเข้าซอยทองหล่อ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต. อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 พ.ต.อ.วิบูลยุทธ สันทัดเวช ผกก.สน.มักกะสัน พ.ต.ท. วิชยานนท์ นิติกุล รองผกก.(สส.) พ.ต.ท.ฐาปกรณ์ อินทะชัย รอง ผกก.(ป.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันปราบปราม สน.มักกะสัน
ที่เกิดเหตุพบกองเลือดและรอยเลือดหยดเป็นทาง ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่าถูกนำส่งที่ รพ.กรุงเทพ ทราบชื่อคือ ส.ต.อ. ณัฐพงษ์ ลูกจันทร์ อายุ 39 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจธุรการฝ่ายคดี สน.มักกะสัน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่บริเวณหน้าท้อง 1 นัด กลางหลัง 1 นัด ต้นขาขวา 1 นัด นายจตุพร คงเจริญ อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 51 หมู่ 1 ต.พุมเรียง อ. ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันที่แขนซ้ายบริเวณเหนือข้อศอก จำนวน 1 นัด บริเวณใบหน้ามีบาดแผลแตก 1 แผล และนายภูมเรศน์ กระแสโสม อายุ 32 ปี ถูกยิงเข้าที่ข้อมือข้างขวา 1 นัด ถูกนำส่ง รพ.ตำรวจ ก่อนถูกส่งไปรักษาต่อที่ รพ.เปาโลเมมโมเรียล สะพานควาย เนื่องจากมีบัตรประกันสังคม
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 6 ปลอก และกระสุนที่ยังไม่ได้ยิงอีก จำนวน 3 นัด ตกอยู่ในที่เกิดเหตุจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ขณะเดียวกันยังพบรอยกระสุนกระจายไปทั่ว ส่วนคู่กรณีที่ร่วมก่อเหตุทราบชื่อ คือ ส.ต.อ. พรชัย เอียดล้วน อายุ 32 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ป. สน.ดินแดง ช่วยงานสืบสวนปราบปราม สน.ประเวศ อยู่ระหว่างเข้ามอบตัว
จากการสอบสวนนายมติกร แสนสุข อยู่บ้านเลขที่ 141 หมู่ 1 ต.สนม อ.สนม จ.สุรินทร์ ให้การว่า ขณะที่กลุ่มของพวกตนกำลังนั่งดื่มเบียร์อยู่ที่โต๊ะ ก็ได้มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 6-7 คน ซึ่งนั่งดื่มกันอยู่ที่โต๊ะอีกฟากหนึ่ง มองมาที่โต๊ะของพวกตน ตนจึงรีบบอกให้นายวรินทร์ ทิพย์รัตน์ อายุ 25 ปี เพื่อนในกลุ่ม ระวังตัวเอาไว้ ส.ต.อ.ณัฐพงษ์ ที่นั่งกินอยู่ด้วยจึงลุกขึ้นแล้วเดินตรงเข้าไปถาม ทั้งสองฝ่ายก็ได้พากันเดินลงมาคุยกันที่ด้านล่าง โดยอีกฝ่ายหนึ่งได้อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ ส.ต.อ.ณัฐพงษ์ จึงได้ควักบัตรให้ดูว่าเป็นตำรวจจริง หลังจากนั้นอีกฝ่ายจึงควักบัตรขึ้นมาให้ดูเหมือนกัน แล้วก็ยืนคุยกันอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนทั้งสองจะก่อเหตุชกต่อยกันแล้วก็มีเสียงปืนดังขึ้นประมาณ 8-9 นัด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
นายมติกร กล่าวต่อว่า ส่วนคู่กรณีได้ขึ้นรถเก๋งโตโยต้า รุ่นวีออส สีส้มฝากระโปงสีดำ หมายเลขทะเบียน วศ-9514 กทม. หลบหนีไป ทราบชื่อภายหลังคือ ส.ต.อ.พรชัย และนาย ภูมเรศน์ กระแสโสม อายุ 32 ปี
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.มักกะสัน เข้าควบคุมตัว ส.ต.อ พรชัย ได้ภายใน รพ.เปาโลเมมโมเรียลก่อนนำตัวมาสอบสวนที่ สน.มักกะสัน จากการสอบสวน ส.ต.อ พรชัย ให้การยอมรับว่าอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นของตนเองจริง โดยก่อนเกิดเหตุ ตนไปนั่งดื่มกับกลุ่มญาติพี่น้อง 5 คน จนกระทั่งมีญาติของ ตนไปรู้จักกับนายโอในห้องน้ำก่อนที่จะ ชักชวนกันมานั่งดื่มกินที่โต๊ะด้วย จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุ นายโอ เดินไปที่โต๊ะของตำรวจมักกะสัน และมีการพูดคุยกันสักพัก ก่อนจะมีเรื่องราวทะเลาะวิวาทกัน ตนพยายามจะเข้าไปห้าม ระหว่างนั้น หนึ่งในกลุ่มดังกล่าวอ้างว่าเป็นตำรวจตนจึงบอกว่าตนเองก็เป็นตำรวจ ต่างคนต่างจึงขอดูบัตร แต่ระหว่างที่กำลังจะควักบัตร ตนก็ถูกผลักล้ม จนหลังกระแทกโต๊ะ ส่วนปืนกระเด็นออกจากเอว ระหว่างนั้นก็มีการชุลมุน จนกระทั่งได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จนทำให้นายภูมเรศน์ น้องเมียตน ถูกลูกหลงเข้าที่ข้อมือขวา จึงได้รีบนำตัวส่งร.พ. จนมาทราบภายหลังว่า คนที่แสดงตัวเป็นตำรวจนั้นเป็นตำรวจสน.มักกะสันจริง และระหว่างที่นำตัวน้องเมียรักษา ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุมตัวตน
ด้านายธาณิช แผวบริบาร อายุ 26 ปี หนึ่งในกลุ่มของส.ต.อ. พรชัย ให้การว่า ตนกับนายโอรู้จักกันในห้องน้ำ โดยไม่ทราบว่าชื่อจริงคืออะไร แต่พูดคุยกันถูกคอ เพราะเป็นคนภาคใต้เหมือนกัน จึงได้ชักชวน มานั่งดื่มสุรา แต่ระหว่างนั้น นายโอเล่าให้ฟังว่า ไม่ชอบหน้ากลุ่มโต๊ะตำรวจมักกะสัน แต่ก็ไม่ได้เล่าอะไรมาก จนกกระทั่ง นายโอ เดินเข้าไปคุยกับโต๊ะดังกล่าว และมีการกระทบกระทั่งกัน ส.ต.อ. พรชัยจึงได้เดินเข้าไปเพื่อจะห้ามปราบแต่ถูกชายทราบภายหลังว่าเป็น ตำรวจ สน.มักกะสัน ผลักล้ม จนปืนตกออกจากเอว ก่อนที่จะมีเหตุชุลมุนเกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด
ด้าน พ.ต.อ. วิบูลย์ยุทธ กล่าวว่า จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฎิเสธว่า ไม่ได้เป็นคนยิงแต่ยอมรับว่าปืนดังกล่าวเป็นของตน อย่างไรก็ตามยังไม่ปักเชื่อคำให้การเนื่องจากยังขาดน้ำหนัก ขณะเดียวกันพบว่าหลังเกิดเหตุ ส.ต.อ. พรชัย พยายามจะหลบหนี โดยการถอดป้ายทะเบียนรถออก ทั้งนี้ก็จะส่งตัวทาง ส.ต.อ. พรชัย ไปตรวจสอบคราบเขม่าดินปืน พร้อมกับแจ้งข้อหา พกพาอาวุธปืน ไปในที่สาธาณะโดยไม่มีเหตุจำเป็น นำพาคนร้ายหลบหนี ร่วมกันก่อเหตุทะเลาะวิวาท ส่วนจะให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับทางผู้บังคับบัญชา ส่วนนายโอ ขณะนี้ยังไม่ทราบชื่อจริง แต่ทราบว่าเป็นหนึ่งในแก๊งทวงหนี้ ซึ่งขณะนี้ได้ให้ฝ่ายสืบสวนติดตามตัวมาสอบปากคำ