ตีแสกหน้าฆ่ารัดคอสาวใหญ่นิรนามโยนศพทิ้งเจ้าพระยา

คนร้ายฆ่าสาวใหญ่ด้วยการใช้ของแข็งตีเข้าใบหน้า แล้วใช้เชือกไนล่อนรัดคอซ้ำ จากนั้นโยนศพลงแม่น้ำเจ้าพระยา ลอยไปติดที่โป๊ะท่าเทียบเรือของวัด ลักษณะผิวพรรณและการแต่งกายค่อนข้างดี ตำรวจสันนิษฐานอาจไม่ใช่คนไทย


วันนี้ (10 เม.ย) ร.ต.ท.นวัต ประภาสระวัต พนักงานสอบสวน (สบ.1) สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการพบศพหญิงสาววัยกลางคนที่ถูกฆ่าถ่วงน้ำ และศพลอยมาติดบริเวณท่าเทียบเรือวัดสนามเหนือว่า หลังจากมีผู้พบศพเมื่อคืนที่ผ่านมายังไม่มีญาติของผู้ตายมาแจ้งคนหาย และไม่มีใครมาแสดงตัวเป็นผู้รู้จักกับผู้ตาย โดยเบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะไม่ใช่คนไทย แต่อาจเป็นชาวต่างชาติเนื่องจากไม่มีบัตรประจำตัว อีกทั้งไม่มีใครในบริเวณที่พบศพคุ้นเคยหน้าตามาก่อน ส่วนสาเหตุยังไทม่ทราบแน่ชัดว่าจะเป็นการสังหารเพื่อชิงทรัพย์หรือไม่ เพราะเครื่องประดับผู้ตายทั้งกำไลและนาฬิกายังอยู่

ทั้งนี้ เหตุการร์ดังกล่าวถุกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 21.30 น.วานนี้ (9 เม.ย.) โดย ร.ต.ท.นวัต รับแจ้งเหตุ มีผู้พบศพลอยน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณโป๊ะท่าเทียบเรือวัดสนามเหนือ หมู่ 2 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา ผบก.นนทบุรี พ.ต.อ.ธวัฒชัย เกิดโภคทรัพย์ ผกก. พ.ต.ท.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รองผกก.ป. พ.ต.ท.สมชาย ขำสัจจา สว.สส. เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์จากสถาบันนิติเวช รพ.ธรรมศาสตร์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ในที่เกิดเหตุ บริเวณโป๊ะท่าเทียบเรือของวัด พบศพหญิงสาวลักษณะผิวขาว ผิวพรรณดี อายุประมาณ 40-45 ปี ลอยน้ำมาติดอยู่ที่โป๊ะเทียบเรือ เจ้าหน้าที่ได้นำศพขึ้นมาบนบก พบว่าผู้ตายใส่กางเกงยืดสีดำ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีแดงลายดอกแต้มดำ ค้นในตัวไม่พบหลักฐานว่าเป็นใครมาจากไหน โดยสภาพศพมีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งที่ใบหน้า ส่วนลำคอถูดรัดด้วยเชือกไนล่อนสีขาว ที่ข้อมือซ้ายและข้อมือขวาสวมกำไลหยกทั้งสองข้าง และที่คอห้อยนาฬิกาเรือนทองยี่ห้อ “เดวิค”

เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้ายคงโกรธแค้นผู้ตายอย่างรุนแรง จึงใช้ของแข็งตีเข้าที่ใบหน้า แต่กลัวว่าไม่ตายจึงใช้เชือกรัดคอซ้ำก่อนที่จะนำศพโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา จนกระทั่งลอยมาติดที่โป๊ะหน้าวัด และจากสอบถามพยานใกล้เคียงไม่มีใครรู้จักหรือคุ้นหน้าผู้ตาย หากผู้ใดสงสัยว่าจะเป็นญาติให้ติดต่อได้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด เพื่อเป็นแนวทางในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป