นับถอยหลังอีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีไทย ประชาชนที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด แต่เข้ามาทำงานหรือพักอาศัยอยู่ใน กรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่ ก็จะเดินทางไป ฉลองเทศกาลนี้ที่บ้านเกิด โดยประชาชนที่มีวันหยุดยาวต่างก็ออกมาเล่นสาดน้ำบนท้องถนน รวมถึงสถานที่ต่างๆที่เป็นแหล่งเล่นสาดน้ำสงกรานต์ ทำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการดูแลอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์ ออกมารณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นและวางมาตรการการเล่นสาดน้ำสงกรานต์ให้อยู่ในขอบเขต ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ที่สัญจรไปมาบนท้องถนน
สำหรับเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ กองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้มีนโยบายในการรณรงค์ลดการเกิดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์อย่างรัดกุม โดยจะเน้นในเรื่อง มาตรการ 3ม 2ข 1ร และ 1ย คือ เมาไม่ขับ มอเตอร์ไซค์ปลอดภัย สวมหมวกกันน็อก คาดเข็มขัดนิรภัย มีใบขับขี่ ไม่ใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ยังเพิ่มเรื่องของการขับรถย้อนศร ขับรถผ่าไฟแดง และขับแซงในที่คับขันเข้าไปด้วย ซึ่งเป็น 9 ข้อหาหลักที่จะนำเอากฎหมายมาบังคับใช้จับกุมผู้กระทำความผิดหลักข้างต้น
พล.ต.ต.พศิน นกสกุล ผบก.ทล ได้วางมาตรการรองรับกลุ่มประชาชนที่ออกมาเล่นน้ำสงกรานต์ โดยให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเล่นน้ำบนถนนสายหลัก หรือบนทางหลวง เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ และยังเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 มาตราที่ 39 อีกด้วย โดยในปีนี้ได้รณรงค์ให้ประชาชนเล่นสงกรานต์ภายในชุมชน หมู่บ้าน หรือโซนที่จัดไว้สำหรับเล่นสงกรานต์เท่านั้น อีกกรณี คือการขว้างปาสิ่งของใส่รถที่สัญจรไปมา ก็เป็นความผิดเช่นเดียวกัน นอกจากจะผิดตามมาตรที่ 39 แล้วยังผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราที่ 295 และ 297 กรณีที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็จะถูกเพิ่มอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี จึงขอฝากเตือนประชาชนที่จะเล่นน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์หลีกเลี่ยงการเล่นน้ำสงกรานต์ในทางที่จะก่อให้เกิดอันตรายผู้ที่เดินทางไปมาและต่อตนเอง
ทั้งนี้ กองบังคับการตำรวจทางหลวงยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานอีกหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น กรมอาชีวะ สำนักงานอาชีวะศึกษา ในการให้บริการเกี่ยวกับเรื่องการซ่อมรถ เรื่องการดูแลพี่น้องประชาชนตามหน่วยบริการต่างๆ ซึ่งในปีนี้ทางกระทรวงสาธารณสุข กรมการขนส่งทางบก และกรมทางหลวงได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมด้วย โดยทางกรมการขนส่งจะมาช่วยดูแลเรื่องรถทัวร์ที่บรรทุกผู้โดยสาร ร่วมกับตำรวจทางหลวงในการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์คนขับ และตรวจสภาพรถ ตามสถานีขนส่งต่างๆ เพื่อช่วยดูแลคนขับว่ามีความพร้อมหรือไม่ในการขับรถ เพราะการเกิดอุบัติเหตุจากรถทัวร์มักจะมีผู้เสียชีวิตครั้งละมากๆ ส่วนโครงการที่ร่วมกับกรมทางหลวง คือ การดูแลเส้นทางที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างหรือยังก่อสร้างไม่เสร็จ ทางกรมทางหลวงได้ประสานกับผู้รับเหมาให้คืนทางหลวงให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด แต่ในบางเส้นทางที่ยังสร้างไม่เสร็จ ก็ได้ประสานให้ติดไฟสัญญาณเตือนตามเส้นทางเป็นระยะๆ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ
พล.ต.ต.พศิน กล่าวถึงการรณรงค์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า การรณรงค์ครั้งนี้ยังได้จัดโครงการ “ง่วงอย่าขับ 76 จังหวัด” ร่วมกับนายแพทย์ มนูญ ลีเชวงวงศ์ ประธานกรรมการทุนง่วงอย่าขับ และบริษัทไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด ร่วมกันรณรงค์ติดป้ายเตือนกว่า 600 จุดทั่วประเทศ รวมทั้งในหน่วยบริการที่ศูนย์บริการหลักจะมีบริการ เครื่องดื่มกาแฟ ผ้าเย็น น้ำดื่ม เพื่อให้คนขับได้ผ่อนคลายอิริยาบถ ก่อนที่จะเดินทาง โดยโครงการดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 – 17 เมษายน 2551 ในช่วงปี 2550 ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ถึง 361 ราย แต่ในปีนี้รัฐบาลตั้งเป้าไว้ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเลย ถ้าเกิดต้องไม่เกิน 361 ราย หรือลดลงมาอย่างน้อยร้อยละ 10 คือ 330 ราย
นอกจากนี้ยังได้มีการกำหนดเส้นทางเลี่ยง เส้นทางที่การจราจรติดขัด โดยเฉพาะ ถนนพหลโยธิน สายเอเซีย สายมิตรภาพ เป็นสายหลักที่ประชาชนจะเดินทางเยอะทำให้การจราจรติดขัด ประชาชนสามารถใช้ในการเดินทางช่วงเทศกาลได้อีกหลายเส้นทาง ถ้าหากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางต่างๆสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน 1193 ซึ่งเปิดให้บริการตลอด 24 ชม. มีความพร้อมในการให้บริการถึง 20 คู่สาย นอกจากนี้หากรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง สามารถโทรศัพท์เข้ามาที่หมายเลข 1193 ได้เช่นกัน จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงไปคอยดูแลอำนวยความสะดวกให้
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.พศิน ยังได้ฝากถึงประชาชนทุกคนว่า ก่อนที่จะเดินทางต้องมีการเตรียมความพร้อม ผู้ขับขี่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ต้องไม่ดื่มเครื่องดองของเมา หรือเสพยาเสพติด ตรวจสภาพรถยนต์ยาพาหนะที่จะใช้เดินทางให้เรียบร้อย เรื่องระบบน้ำ ระบบไฟ ลมยาง ระบบเครื่องยนต์ต่างๆ จะได้ไม่เสียระหว่างทางและถึงที่หมายอย่างปลอดภัย และและสุดท้ายควรตรวจสอบเส้นทาง สำรวจเส้นทางก่อนที่จะออกเดินทาง เพื่อจะได้ประหยัดเวลาในการเดินทาง ซึ่งประชาชนสามารถสอบถามเส้นทางได้ที่ สายด่วน 1193 หรือทาง www.highwaypolice.org
สำหรับเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ กองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้มีนโยบายในการรณรงค์ลดการเกิดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์อย่างรัดกุม โดยจะเน้นในเรื่อง มาตรการ 3ม 2ข 1ร และ 1ย คือ เมาไม่ขับ มอเตอร์ไซค์ปลอดภัย สวมหมวกกันน็อก คาดเข็มขัดนิรภัย มีใบขับขี่ ไม่ใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ยังเพิ่มเรื่องของการขับรถย้อนศร ขับรถผ่าไฟแดง และขับแซงในที่คับขันเข้าไปด้วย ซึ่งเป็น 9 ข้อหาหลักที่จะนำเอากฎหมายมาบังคับใช้จับกุมผู้กระทำความผิดหลักข้างต้น
พล.ต.ต.พศิน นกสกุล ผบก.ทล ได้วางมาตรการรองรับกลุ่มประชาชนที่ออกมาเล่นน้ำสงกรานต์ โดยให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเล่นน้ำบนถนนสายหลัก หรือบนทางหลวง เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ และยังเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 มาตราที่ 39 อีกด้วย โดยในปีนี้ได้รณรงค์ให้ประชาชนเล่นสงกรานต์ภายในชุมชน หมู่บ้าน หรือโซนที่จัดไว้สำหรับเล่นสงกรานต์เท่านั้น อีกกรณี คือการขว้างปาสิ่งของใส่รถที่สัญจรไปมา ก็เป็นความผิดเช่นเดียวกัน นอกจากจะผิดตามมาตรที่ 39 แล้วยังผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราที่ 295 และ 297 กรณีที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็จะถูกเพิ่มอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี จึงขอฝากเตือนประชาชนที่จะเล่นน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์หลีกเลี่ยงการเล่นน้ำสงกรานต์ในทางที่จะก่อให้เกิดอันตรายผู้ที่เดินทางไปมาและต่อตนเอง
ทั้งนี้ กองบังคับการตำรวจทางหลวงยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานอีกหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น กรมอาชีวะ สำนักงานอาชีวะศึกษา ในการให้บริการเกี่ยวกับเรื่องการซ่อมรถ เรื่องการดูแลพี่น้องประชาชนตามหน่วยบริการต่างๆ ซึ่งในปีนี้ทางกระทรวงสาธารณสุข กรมการขนส่งทางบก และกรมทางหลวงได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมด้วย โดยทางกรมการขนส่งจะมาช่วยดูแลเรื่องรถทัวร์ที่บรรทุกผู้โดยสาร ร่วมกับตำรวจทางหลวงในการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์คนขับ และตรวจสภาพรถ ตามสถานีขนส่งต่างๆ เพื่อช่วยดูแลคนขับว่ามีความพร้อมหรือไม่ในการขับรถ เพราะการเกิดอุบัติเหตุจากรถทัวร์มักจะมีผู้เสียชีวิตครั้งละมากๆ ส่วนโครงการที่ร่วมกับกรมทางหลวง คือ การดูแลเส้นทางที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างหรือยังก่อสร้างไม่เสร็จ ทางกรมทางหลวงได้ประสานกับผู้รับเหมาให้คืนทางหลวงให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด แต่ในบางเส้นทางที่ยังสร้างไม่เสร็จ ก็ได้ประสานให้ติดไฟสัญญาณเตือนตามเส้นทางเป็นระยะๆ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ
พล.ต.ต.พศิน กล่าวถึงการรณรงค์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า การรณรงค์ครั้งนี้ยังได้จัดโครงการ “ง่วงอย่าขับ 76 จังหวัด” ร่วมกับนายแพทย์ มนูญ ลีเชวงวงศ์ ประธานกรรมการทุนง่วงอย่าขับ และบริษัทไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด ร่วมกันรณรงค์ติดป้ายเตือนกว่า 600 จุดทั่วประเทศ รวมทั้งในหน่วยบริการที่ศูนย์บริการหลักจะมีบริการ เครื่องดื่มกาแฟ ผ้าเย็น น้ำดื่ม เพื่อให้คนขับได้ผ่อนคลายอิริยาบถ ก่อนที่จะเดินทาง โดยโครงการดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 – 17 เมษายน 2551 ในช่วงปี 2550 ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ถึง 361 ราย แต่ในปีนี้รัฐบาลตั้งเป้าไว้ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเลย ถ้าเกิดต้องไม่เกิน 361 ราย หรือลดลงมาอย่างน้อยร้อยละ 10 คือ 330 ราย
นอกจากนี้ยังได้มีการกำหนดเส้นทางเลี่ยง เส้นทางที่การจราจรติดขัด โดยเฉพาะ ถนนพหลโยธิน สายเอเซีย สายมิตรภาพ เป็นสายหลักที่ประชาชนจะเดินทางเยอะทำให้การจราจรติดขัด ประชาชนสามารถใช้ในการเดินทางช่วงเทศกาลได้อีกหลายเส้นทาง ถ้าหากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางต่างๆสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน 1193 ซึ่งเปิดให้บริการตลอด 24 ชม. มีความพร้อมในการให้บริการถึง 20 คู่สาย นอกจากนี้หากรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง สามารถโทรศัพท์เข้ามาที่หมายเลข 1193 ได้เช่นกัน จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงไปคอยดูแลอำนวยความสะดวกให้
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.พศิน ยังได้ฝากถึงประชาชนทุกคนว่า ก่อนที่จะเดินทางต้องมีการเตรียมความพร้อม ผู้ขับขี่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ต้องไม่ดื่มเครื่องดองของเมา หรือเสพยาเสพติด ตรวจสภาพรถยนต์ยาพาหนะที่จะใช้เดินทางให้เรียบร้อย เรื่องระบบน้ำ ระบบไฟ ลมยาง ระบบเครื่องยนต์ต่างๆ จะได้ไม่เสียระหว่างทางและถึงที่หมายอย่างปลอดภัย และและสุดท้ายควรตรวจสอบเส้นทาง สำรวจเส้นทางก่อนที่จะออกเดินทาง เพื่อจะได้ประหยัดเวลาในการเดินทาง ซึ่งประชาชนสามารถสอบถามเส้นทางได้ที่ สายด่วน 1193 หรือทาง www.highwaypolice.org