นายกฯสมัคร กัดไม่ปล่อย ลงดาบสองสั่งปลด “เสรีพิศุทธ์” ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมสั่งสอบเพิ่มอีก 4 ฐานความผิด แสบเปิดช่องหากกรรมการพบผิดอีก ก็ขยายผลได้ และรายงานให้ทราบด่วน ขณะที่ “สมัคร” ปากแข็ง แย้งข่าวลือ บอกผมไม่รู้
วันนี้ (8 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า มีกระแสข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ช่วยราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ระหว่างถูกตั้งกรรมการสอบสวนความผิดวินัยร้ายแรง
ขณะที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ตอบผู้สื่อข่าวถึงคำสั่งให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกจากราชการก่อนโดย นายสมัคร กล่าวแย้งว่า เป็นเพียงข่าวลือ ให้ลือไปก่อน
เมื่อถามว่า มีการสั่งให้สอบ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เพิ่มเติม ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายสมัคร กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ทราบ ผมไม่ทราบ
อย่างไรก็ตาม สำหรับคำสั่งสอบเพิ่มเติม รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เลขที่ 71/2551 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีข้าราชการตำรวจถูกกล่าวหาว่าได้กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงในหลายกรณี เนื่องจากได้รับการร้องเรียนกล่าวหาจากผู้ร้องหลายราย ว่า ข้าราชการตำรวจได้กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงในหลายกรณี ดังนี้ 1.กรณีกล่าวหาว่ามีการทุจริตเงินงบประมาณที่ใช้ในการสืบสวนสอบดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในโครงการรับซื้อลำไยปี 2547 ซึ่งมีการจัดทำเอกสารอันเป็นเท็จโดยใช้ชื่อและปลอมลายมือชื่อในการเบิกเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ 2.กรณีกล่าวหาว่ามีการทุจริตในการจัดซื้อรถจักรยานยนต์ตามโครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจ ขนาด 200 ซีซี พร้อมอุปกรณ์ (ทดแทน) จำนวน 19,147 คัน ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
3.กรณีกล่าวหาว่ารีสอร์ตภูไพรธารน้ำของพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ได้ทำการถมหินขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก ดิน กรวด ทรายจำนวนมากล่วงล้ำเข้าไปในแม่น้ำแควน้อย แล้วยึดถือครองที่ดิน ที่บุกรุกแม่น้ำแควน้อยดังกล่าว 4.กรณีกล่าวหาว่า พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ สั่งการให้กองบินตำรวจจัดอากาศยานชนิดเฮลิคอปเตอร์ทั้งแบบเบลล์ และแบบยูโรคอปเตอร์อีซี ใช้สนับสนุนภารกิจผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อใช้เดินทางไปพักผ่อน และดูแลกิจการรีสอร์ตภูไพรธารน้ำเป็นการส่วนตัวในวันหยุดราชการ
ดังนั้น เพื่อจะทราบรายละเอียดแห่งพฤติการณ์ ว่า มีข้าราชการตำรวจผู้ใดกระทำผิดวินัยหรือไม่ประการใด จึงเห็นสมควรตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 84 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีข้าราชการตำรวจถูกกล่าวหาว่าได้กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังนี้ 1.องค์ประกอบ นายจุฑาธวัช อินทรสุขศรี ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกรรมการ นายวชิระ เพ่งผล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.ต.อาจิณ โชติวงศ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและสอบสวน เป็นกรรมการ และให้ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บังคับการตำรวจสื่อสาร สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร กรรมการและเลขานุการ
สำหรับอำนาจหน้าที่ดังนี้ 1.คณะกรรมการมีอำนาจเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ความเห็นชี้แจงข้อเท็จจริง และขอให้ส่งข้อมูล หรือเอกสารหลักฐานใดๆ ต่อคณะกรรมการ 2.สามารถแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อช่วยเหลือปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็น 3.ในกรณีที่มีปัญหาหรืออุปสรรคที่ไม่อาจดำเนินการเองได้หรือเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญสมควรได้รับคำวินิจฉัย หรือแก้ไขโดยเร่งด่วนให้เสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อมีคำวินิจฉัยหรือคำสั่งต่อไป
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการสืบสวนดำเนินการสืบสวนพิจารณาตามหลักเกณฑ์วิธีการที่กำหนดในกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จ แล้วเสนอสำนวนการสืบสวนมาเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป อนึ่ง ถ้าคณะกรรมการสืบสวนเห็นว่ากรณีมีมูลว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสืบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น และคณะกรรมการสืบสวนพิจารณาในเบื้องต้นแล้วเห็นว่าข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำในเรื่องที่สืบสวนนั้นอยู่ด้วย ให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวเซ็นลงนามโดย นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง กรณีดำเนินโครงการเช่ารถยนต์และรถบรรทุกขนาด 1 ตัน มูลค่ารวมกว่า 9 พันล้านบาท กรณีสั่งการโดยใช้ถ้อยคำที่มิบังควร และไม่เหมาะสมในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงานในบันทึกของกองสวัสดิการที่เสนอขอให้พิจารณางดการแข่งขันกีฬาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติประจำปี 2551 และกรณีดำเนินการบริหารงานบุคคลโดยออกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ พ.ต.อ.ตำแหน่งผู้กำกับการฝ่ายปฏิบัติการที่ 1-10 ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในกองบังคับการต่างๆ โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ