“เสรีพิศุทธ์” เยี่ยมอาการบาดเจ็บของทนายความ จี้ “พัชรวาท” เร่งติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ ระบุ รู้สึกหดหู่ที่บ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป และมีไอ้พวกอันธพาลกล้าละเมิดอำนาจศาล ขณะที่สภาทนายความยื่นช่วยเหลือ พร้อมดูแลบุตรสาวที่ป่วย ส่วนตำรวจ พหลโยธิน เชื่อวางแผนเป็นขบวนการ เตรียมเรียก “เสธ.แดง-ปอ ประตูน้ำ” สอบปากคำ
วันนี้ (4 เม.ย) เมื่อเวลา 09.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในโรงพยาลบาลเมโย ที่นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความส่วนตัวของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ช่วยราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้ารับการรักษาตัว เนื่องจากถูกลอบทำร้ายหลังจากว่าความที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกเมื่อวานนี้ โดยเมื่อเวลา 09.30 น.พล.ต.ท.ถาวรศักดิ์ เทพชาตรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อมอบกระเช้าดอกไม้และให้กำลังใจแก่นายอนันตชัย จากนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ส่งตัวแทนนำกระเช้าดอกไม้มาเยี่ยมทนายความส่วนตัว เนื่องจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ต้องเดินทางไปที่ศาลแพ่งก่อน โดยมีนามบัตรแนบมากับกระเช้าดอกไม้เขียนว่า “เปี๊ยกน้องรัก อย่าเพิ่งเสียกำลังใจ รักษาตัวให้ดี แล้วพี่จะจัดการให้”
ต่อมาเวลาประมาณ 10.00 น.พล.ต.ต.อภิชาติ เชื้อเทศ ผบก.น.6 ได้เดินทางมาเยี่ยมนายอนันตชัย พร้อมกับกล่าวให้กำลังใจและอวยพรให้หายเร็วๆ ขณะเดียวกัน ยังมีเพื่อนทนายความทยอยกันเดินทางมาเยี่ยมอย่างไม่ขาดสาย จากนั้นสภาทนายความส่งตัวแทนมาเยี่ยมนายอนันตชัย พร้อมบอกว่าทางสภาทนายความจะให้ความช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลบุตรสาวที่ป่วยเป็นเบาหวานประเภทหนึ่ง ตับอ่อนไม่ทำงาน และพร้อมที่จะช่วยเหลือในการทำหน้าที่ทนายอย่างเต็มที่เกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น รวมทั้งกล่าวยกย่องนายอนันตชัยว่าได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว
นายอนันตชัย กล่าวว่า ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว แพทย์ได้การผ่าตัดนิ้วก้อยและดามเหล็กให้แล้ว ซึ่งตนยังรู้สึกเจ็บบริเวณแผลที่ผ่าตัดอยู่เล็กน้อย และรู้สึกหน้ามืดเวียนหัวเวลาลุกขึ้นนั่ง และรู้สึกอยากจะอาเจียน สำหรับเรื่องอาวุธที่คนร้ายใช้ทำร้ายตนเองนั้นไม่ขอยืนยันว่าเป็นอาวุธมีด แต่แพทย์ระบุว่าเป็นของมีคม เนื่องจากบาดแผลมีลักษณะฉีกขาด และที่นิ้วก้อยคล้ายกับถูกของมีคม ปกติแล้วตนจะแขวนพระหลวงปู่สุข แต่ในวันที่เกิดเหตุตนเปลี่ยนไปแขวนพระสมเด็จวัดระฆังซึ่งเป็นพระที่ นายชานนท์ จันทร์เพ็ญศรี พี่ชายของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มอบให้
นายอนันตชัย กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุเมื่อวานนี้ตอนเย็นยังมีคนโทรศัพท์มาข่มขู่จะทำร้ายคนในครอบครัวด้วย โดยเฉพาะน้องฟ้าใส และน้องเหนือเมฆ ลูกสาวและลูกชายของตน โดยภรรยาตนได้จดข้อความที่ถูกข่มขู่เอาไว้ มีใจความว่า “บทที่ 1 มึงจงระวังตัวไว้ด้วย และระวังให้ดีลูกมึงอีก 2 คน ไอ้เหนือเมฆเหนือเหี้ยอีกด้วย มึงทำกับกูไว้มากนัก เล่นกับกูไม่เลิก ระวังตัวไอ้เหนือเมฆ ฟ้าใส” นอกจากนี้ ยังได้โทรศัพท์เข้าไปยังเบอร์โทรศัพท์ของนายองอาจ สุทธินนท์ ลูกน้องของตน
ต่อมาแพทย์ได้นำตัว นายอนันตชัย ออกจากห้องไอซียูไปพักรักษาตัวที่ห้องหมายเลข 503 โดยที่มี นายมะโน ทองปาน ที่ปรึกษาสมาคมนักข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทยได้เดินทางเข้ามาเยี่ยมอาการ พร้อมกับกล่าวว่า นายอนันตชัย เป็นคนดี หากเป็นคนเกเรตนคงไม่มาเยี่ยม ถือว่าครั้งนี้นายอนันตชัยได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว แต่การก่อเหตุของคนร้ายในครั้งนี้อุกอาจมาก ขนาดทนายความยังโดนขนาดนี้ ถ้าเป็นประชาชนจะอยู่ได้อย่างไร
ด้าน นางทิพย์พยา ไชยเดช กล่าวว่า เรื่องที่สามีถูกทำร้ายตนได้บอกให้น้องฟ้าใสทราบแล้ว ซึ่งน้องฟ้าใสก็บอกว่าไม่กลัว พร้อมที่จะยืนหยัดอยู่ข้างพ่อเสมอ จะเอาพ่อเป็นแบบอย่าง และจะเป็นกำลังใจให้พ่อหายเร็วๆ เพื่อสู้ต่อไป
กระทั่งเวลา 12.30 น.วันเดียวกัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเยี่ยม นายอนันตชัย ที่ห้อง 503 พร้อมมอบกระเช้าดอกไม้ และซองเงินสดจำนวนหนึ่ง เพื่อช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลโดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกหดหู่ที่บ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป และมีไอ้พวกอันธพาลกล้าละเมิดอำนาจศาล ทำร้ายทนายความถึงในเขตศาล ขณะที่ตนดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ก็พยายามใช้กฎหมายทำการปราบปรามพวกผู้มีอิทธิพล แต่กระบวนการศาลล่าช้า ใช้เวลานานทำให้คนผิดไม่ถูกลงโทษเสียที ใครดีใครชั่วก็รู้กันอยู่แล้วน่าจะรีบจัดการกันไป ส่วนคนร้ายก็คงจะไประบุผ่านสื่อไม่ได้ว่าเป็นใครเป็นหน้าที่ของรักษาการ ผบ.ตร.ที่จะต้องสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ไอ้พวกนี้เป็นไม้แก่ดัดยาก มันเป็นสันดานไปแล้ว อยากให้ช่วยกันเอาคนไม่ดีไปลงโทษให้ได้
ด้านความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.อาคม จันทนลาช ผกก.สน.พหลโยธิน กล่าวว่า ตอนนี้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ไปแล้วจำนวน 3 ปาก และอยู่ระหว่างการสเก็ตช์ภาพคนร้ายตามคำให้การของพยาน ซึ่งคนร้ายมีลักษณะรูปร่างสันทัด อายุประมาณ 20 ปี ตัดผมทรงสกินเฮด สวมเสื้อยืดคอวีสีฟ้า นุ่งกางเกงยีน คาดว่าภาพสเก็ตช์น่าจะออกได้ภายในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ จากนั้นตนก็จะให้พนักงานสอบสวนทำการขออำนาจศาลออกหมายจับในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสในทันที สำหรับสาเหตุขณะนี้เพ่งเล็งไปที่การจ้างวานมาจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี ซึ่งตัวผู้เสียหายเองก็ยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องกับใคร แต่สงสัยว่าอาจจะเกิดจากเรื่องงานที่ต้องว่าความให้ผู้ใหญ่
พ.ต.อ.อาคม กล่าวต่อว่า เราต้องหาตัวให้ได้ว่าคนร้ายเป็นใคร เป็นนักเลงกลุ่มใด ละแวกไหน เอาข้อมูลให้ใกล้ตัวที่สุด ซึ่งขณะนี้ผู้บังคับบัญชาได้มอบหมายให้ ศส.บช.น.เจ้าหน้าที่ กก.สืบสวน บก.น.2 และ ฝ่ายสืบสวน สน.พหลโยธิน ออกหาข่าวในพื้นที่อย่างเร่งด่วนแล้ว ส่วนเรื่องที่ทางผู้เสียหายถูกชายลึกลับโทรศัพท์เข้าไปคุกคามที่สำนักงาน ตอนนี้เรากำลังแกะรอยจากเบอร์โทรศัพท์ต้นทางอยู่ แต่ต้องรอดูต่อไปว่าจะทำได้มากแค่ไหน หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนคงจะต้องเรียกตัว “ปอประตูน้ำ” กับ “เสธ.แดง” มาสอบปากคำด้วยเพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายแสดงความบริสุทธิ์ใจ ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัยให้ผู้บาดเจ็บ ขณะนี้ตนได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนแบ่งกำลังออกเป็น 4 ผลัด ผลัดละ 2 นาย ไปคอยอารักขาให้ตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว และหากผู้บาดเจ็บต้องการจะให้ไปดูแลให้ที่บ้านด้วยก็สามารถที่จะร้องขอมาได้
“การก่อเหตุในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ เชื่อว่า คนร้ายน่าจะมีมากกว่า 1 คน โดยคนร้ายน่าจะแบ่งกำลังกันดูต้นทาง ชี้เป้าหมาย และระบุตัวผู้ก่อเหตุมาก่อน จากการศึกษาแผนประทุษกรรมในครั้งนี้คล้ายว่าคนร้ายทั้งหมดมีการวางแผนเส้นทางการหลบหนีมาเป็นอย่างดี หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ศาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทราบว่าขณะนี้ก็กำลังทำการประชุมกันอยู่ว่า จะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการรักษาความปลอดภัยภายในเขตของศาลให้มีมากขึ้น ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นปัจจุบันก็มีประจำการอยู่แล้ว แต่หากทางศาลต้องการให้ส่งกำลังเพิ่ม ก็ยินดี” พ.ต.อ.อาคม กล่าว
ด้าน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกกล่าวว่า หากพนักงานสอบสวนจะเชิญตัวไปให้ปากคำ ก็พร้อมที่จะไปอยู่แล้ว โดยพนักงานสอบสวนจะต้องมีหมายเรียกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้ หากพนักงสานสอบสวน จะเรียกตนไปให้ปากคำ เพื่อยืนยันในความบริสุทธิ์ใจนั้น พนักงานสอบสวนจะต้องเรียกพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ไปด้วย เนื่องจากมีคดีความที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปฟ้องร้องในช่วงเช้า ก่อนที่ทนายความจะถูกทำร้ายในวันเดียวกัน และนอกเหนือจากพล.ต.อ.พัชรวาทแล้ว ยังจะต้องเรียกตัว พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต ผบ.ตร.ที่เคยมีเรื่องฟ้องร้องกัน รวมทั้ง พล.ต.อ.วสิฏฐ เดชกุญชร ซึ่งถูกฟ้องที่ จ.ปัตตานี ด้วย
วันนี้ (4 เม.ย) เมื่อเวลา 09.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในโรงพยาลบาลเมโย ที่นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความส่วนตัวของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ช่วยราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้ารับการรักษาตัว เนื่องจากถูกลอบทำร้ายหลังจากว่าความที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกเมื่อวานนี้ โดยเมื่อเวลา 09.30 น.พล.ต.ท.ถาวรศักดิ์ เทพชาตรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อมอบกระเช้าดอกไม้และให้กำลังใจแก่นายอนันตชัย จากนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ส่งตัวแทนนำกระเช้าดอกไม้มาเยี่ยมทนายความส่วนตัว เนื่องจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ต้องเดินทางไปที่ศาลแพ่งก่อน โดยมีนามบัตรแนบมากับกระเช้าดอกไม้เขียนว่า “เปี๊ยกน้องรัก อย่าเพิ่งเสียกำลังใจ รักษาตัวให้ดี แล้วพี่จะจัดการให้”
ต่อมาเวลาประมาณ 10.00 น.พล.ต.ต.อภิชาติ เชื้อเทศ ผบก.น.6 ได้เดินทางมาเยี่ยมนายอนันตชัย พร้อมกับกล่าวให้กำลังใจและอวยพรให้หายเร็วๆ ขณะเดียวกัน ยังมีเพื่อนทนายความทยอยกันเดินทางมาเยี่ยมอย่างไม่ขาดสาย จากนั้นสภาทนายความส่งตัวแทนมาเยี่ยมนายอนันตชัย พร้อมบอกว่าทางสภาทนายความจะให้ความช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลบุตรสาวที่ป่วยเป็นเบาหวานประเภทหนึ่ง ตับอ่อนไม่ทำงาน และพร้อมที่จะช่วยเหลือในการทำหน้าที่ทนายอย่างเต็มที่เกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น รวมทั้งกล่าวยกย่องนายอนันตชัยว่าได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว
นายอนันตชัย กล่าวว่า ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว แพทย์ได้การผ่าตัดนิ้วก้อยและดามเหล็กให้แล้ว ซึ่งตนยังรู้สึกเจ็บบริเวณแผลที่ผ่าตัดอยู่เล็กน้อย และรู้สึกหน้ามืดเวียนหัวเวลาลุกขึ้นนั่ง และรู้สึกอยากจะอาเจียน สำหรับเรื่องอาวุธที่คนร้ายใช้ทำร้ายตนเองนั้นไม่ขอยืนยันว่าเป็นอาวุธมีด แต่แพทย์ระบุว่าเป็นของมีคม เนื่องจากบาดแผลมีลักษณะฉีกขาด และที่นิ้วก้อยคล้ายกับถูกของมีคม ปกติแล้วตนจะแขวนพระหลวงปู่สุข แต่ในวันที่เกิดเหตุตนเปลี่ยนไปแขวนพระสมเด็จวัดระฆังซึ่งเป็นพระที่ นายชานนท์ จันทร์เพ็ญศรี พี่ชายของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มอบให้
นายอนันตชัย กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุเมื่อวานนี้ตอนเย็นยังมีคนโทรศัพท์มาข่มขู่จะทำร้ายคนในครอบครัวด้วย โดยเฉพาะน้องฟ้าใส และน้องเหนือเมฆ ลูกสาวและลูกชายของตน โดยภรรยาตนได้จดข้อความที่ถูกข่มขู่เอาไว้ มีใจความว่า “บทที่ 1 มึงจงระวังตัวไว้ด้วย และระวังให้ดีลูกมึงอีก 2 คน ไอ้เหนือเมฆเหนือเหี้ยอีกด้วย มึงทำกับกูไว้มากนัก เล่นกับกูไม่เลิก ระวังตัวไอ้เหนือเมฆ ฟ้าใส” นอกจากนี้ ยังได้โทรศัพท์เข้าไปยังเบอร์โทรศัพท์ของนายองอาจ สุทธินนท์ ลูกน้องของตน
ต่อมาแพทย์ได้นำตัว นายอนันตชัย ออกจากห้องไอซียูไปพักรักษาตัวที่ห้องหมายเลข 503 โดยที่มี นายมะโน ทองปาน ที่ปรึกษาสมาคมนักข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทยได้เดินทางเข้ามาเยี่ยมอาการ พร้อมกับกล่าวว่า นายอนันตชัย เป็นคนดี หากเป็นคนเกเรตนคงไม่มาเยี่ยม ถือว่าครั้งนี้นายอนันตชัยได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว แต่การก่อเหตุของคนร้ายในครั้งนี้อุกอาจมาก ขนาดทนายความยังโดนขนาดนี้ ถ้าเป็นประชาชนจะอยู่ได้อย่างไร
ด้าน นางทิพย์พยา ไชยเดช กล่าวว่า เรื่องที่สามีถูกทำร้ายตนได้บอกให้น้องฟ้าใสทราบแล้ว ซึ่งน้องฟ้าใสก็บอกว่าไม่กลัว พร้อมที่จะยืนหยัดอยู่ข้างพ่อเสมอ จะเอาพ่อเป็นแบบอย่าง และจะเป็นกำลังใจให้พ่อหายเร็วๆ เพื่อสู้ต่อไป
กระทั่งเวลา 12.30 น.วันเดียวกัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเยี่ยม นายอนันตชัย ที่ห้อง 503 พร้อมมอบกระเช้าดอกไม้ และซองเงินสดจำนวนหนึ่ง เพื่อช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลโดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกหดหู่ที่บ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป และมีไอ้พวกอันธพาลกล้าละเมิดอำนาจศาล ทำร้ายทนายความถึงในเขตศาล ขณะที่ตนดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ก็พยายามใช้กฎหมายทำการปราบปรามพวกผู้มีอิทธิพล แต่กระบวนการศาลล่าช้า ใช้เวลานานทำให้คนผิดไม่ถูกลงโทษเสียที ใครดีใครชั่วก็รู้กันอยู่แล้วน่าจะรีบจัดการกันไป ส่วนคนร้ายก็คงจะไประบุผ่านสื่อไม่ได้ว่าเป็นใครเป็นหน้าที่ของรักษาการ ผบ.ตร.ที่จะต้องสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ไอ้พวกนี้เป็นไม้แก่ดัดยาก มันเป็นสันดานไปแล้ว อยากให้ช่วยกันเอาคนไม่ดีไปลงโทษให้ได้
ด้านความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.อาคม จันทนลาช ผกก.สน.พหลโยธิน กล่าวว่า ตอนนี้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ไปแล้วจำนวน 3 ปาก และอยู่ระหว่างการสเก็ตช์ภาพคนร้ายตามคำให้การของพยาน ซึ่งคนร้ายมีลักษณะรูปร่างสันทัด อายุประมาณ 20 ปี ตัดผมทรงสกินเฮด สวมเสื้อยืดคอวีสีฟ้า นุ่งกางเกงยีน คาดว่าภาพสเก็ตช์น่าจะออกได้ภายในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ จากนั้นตนก็จะให้พนักงานสอบสวนทำการขออำนาจศาลออกหมายจับในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสในทันที สำหรับสาเหตุขณะนี้เพ่งเล็งไปที่การจ้างวานมาจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี ซึ่งตัวผู้เสียหายเองก็ยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องกับใคร แต่สงสัยว่าอาจจะเกิดจากเรื่องงานที่ต้องว่าความให้ผู้ใหญ่
พ.ต.อ.อาคม กล่าวต่อว่า เราต้องหาตัวให้ได้ว่าคนร้ายเป็นใคร เป็นนักเลงกลุ่มใด ละแวกไหน เอาข้อมูลให้ใกล้ตัวที่สุด ซึ่งขณะนี้ผู้บังคับบัญชาได้มอบหมายให้ ศส.บช.น.เจ้าหน้าที่ กก.สืบสวน บก.น.2 และ ฝ่ายสืบสวน สน.พหลโยธิน ออกหาข่าวในพื้นที่อย่างเร่งด่วนแล้ว ส่วนเรื่องที่ทางผู้เสียหายถูกชายลึกลับโทรศัพท์เข้าไปคุกคามที่สำนักงาน ตอนนี้เรากำลังแกะรอยจากเบอร์โทรศัพท์ต้นทางอยู่ แต่ต้องรอดูต่อไปว่าจะทำได้มากแค่ไหน หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนคงจะต้องเรียกตัว “ปอประตูน้ำ” กับ “เสธ.แดง” มาสอบปากคำด้วยเพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายแสดงความบริสุทธิ์ใจ ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัยให้ผู้บาดเจ็บ ขณะนี้ตนได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนแบ่งกำลังออกเป็น 4 ผลัด ผลัดละ 2 นาย ไปคอยอารักขาให้ตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว และหากผู้บาดเจ็บต้องการจะให้ไปดูแลให้ที่บ้านด้วยก็สามารถที่จะร้องขอมาได้
“การก่อเหตุในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ เชื่อว่า คนร้ายน่าจะมีมากกว่า 1 คน โดยคนร้ายน่าจะแบ่งกำลังกันดูต้นทาง ชี้เป้าหมาย และระบุตัวผู้ก่อเหตุมาก่อน จากการศึกษาแผนประทุษกรรมในครั้งนี้คล้ายว่าคนร้ายทั้งหมดมีการวางแผนเส้นทางการหลบหนีมาเป็นอย่างดี หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ศาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทราบว่าขณะนี้ก็กำลังทำการประชุมกันอยู่ว่า จะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการรักษาความปลอดภัยภายในเขตของศาลให้มีมากขึ้น ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นปัจจุบันก็มีประจำการอยู่แล้ว แต่หากทางศาลต้องการให้ส่งกำลังเพิ่ม ก็ยินดี” พ.ต.อ.อาคม กล่าว
ด้าน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกกล่าวว่า หากพนักงานสอบสวนจะเชิญตัวไปให้ปากคำ ก็พร้อมที่จะไปอยู่แล้ว โดยพนักงานสอบสวนจะต้องมีหมายเรียกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้ หากพนักงสานสอบสวน จะเรียกตนไปให้ปากคำ เพื่อยืนยันในความบริสุทธิ์ใจนั้น พนักงานสอบสวนจะต้องเรียกพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ไปด้วย เนื่องจากมีคดีความที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปฟ้องร้องในช่วงเช้า ก่อนที่ทนายความจะถูกทำร้ายในวันเดียวกัน และนอกเหนือจากพล.ต.อ.พัชรวาทแล้ว ยังจะต้องเรียกตัว พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต ผบ.ตร.ที่เคยมีเรื่องฟ้องร้องกัน รวมทั้ง พล.ต.อ.วสิฏฐ เดชกุญชร ซึ่งถูกฟ้องที่ จ.ปัตตานี ด้วย