“วัฒนา อัศวเหม” ล่องหนไม่มาให้ปากคำคดีออกโฉนดที่ดินคลองด่าน ส่งทนายยื่นใบรับรองแพทย์ต่อศาล ระบุ มีอาการสับสนเฉียบพลันและเกิดภาวะสูญเสียความจำชั่วคราวขอเลื่อนให้ปากคำ ขณะที่ศาลไต่สวนพยานครบ 4 ปาก ย้ำ ไต่สวนนัดต่อไป 8 เม.ย.เก้าโมงครึ่ง
วันนี้ (2 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืององค์คณะผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนพยานจำเลยครั้งแรก คดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ 157 ในการใช้อำนาจข่มขู่ หรือชักจูงใจให้ผู้อื่นร่วมออกโฉนดที่ดิน 1,900 ไร่ ทับที่คลองสาธารณะประโยชน์ และที่เทขยะมูลฝอยซึ่งเป็นที่สงวนหวงห้าม เพื่อนำไปขายให้กรมควบคุมมลพิษเพื่อก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยทนายความนายวัฒนา ได้ยื่นคำร้องพร้อมใบรับรองแพทย์ ต่อศาล ระบุว่า นายวัฒนา จำเลย มีอาการสับสนเฉียบพลันและเกิดภาวะสูญเสียความจำชั่วคราว ขณะนี้รักษาอาการอยู่ที่ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ระหว่างวันที่ 1-2 เม.ย.ด้วยการเอกซเรย์ตรวจสมองด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อยืนยันว่า นายวัฒนา จะเกิดภาวะเส้นเลือดอุดตันในสมองด้วยหรือไม่ จึงมาศาลไม่ได้ ศาลรับคำร้องไว้ และให้ทนายความจำเลย นำพยานปากอื่นขึ้นไต่สวนแทน ประกอบด้วย นายมั่น พัธโนทัย รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที),นายศิริพันธ์ ไพโรจน์บริบูรณ์ อดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ( คพ.), พ.อ.ชินรัตน์ รัตนจิตเกษม ที่ปรึกษา กรรมาธิการวิสามัญ และอนุกรรมการตรวจสอบโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน และนายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ศาลนัดไต่สวนพยานจำเลยปากต่อไปในวันที่ 8 เม.ย.นี้ เวลา 09.30 น.
โดยการไต่สวนทนายความจำเลย พยายามซักถามพยานเกี่ยวกับการใช้อำนาจทางการเมืองกลั่นแกล้งนายวัฒนาให้ตกเป็นจำเลยในคดีนี้ ซึ่งนายมั่น ตอบคำถามทนายจำเลยย้ำว่า นายวัฒนา ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจทางการเมืองกลั่นแกล้งนายวัฒนาจำเลย และนายประชา โพธิพิพิธ หรือ กำนันเซี๊ยะ ซึ่งเป็นอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้ง นายสมชาย คุณปลื้ม หรือ กำนันเป๊าะ อดีตนายกเทศมนตรีตำบาลแสนสุข จ.ชลบุรี บิดา นายสนธยา คุณปลื้ม อดีต ส.ส.พรรคชาติไทย ให้ถูกดำเนินคดีอาญา เพื่อหวังผลทางการเมืองบีบให้พรรคการเมืองอื่นรวมกับพรรคไทยรักไทย และเมื่อ ปี 2547 พ.ต.ท.ทักษิณ เคยสั่งให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย ส.ส.ไทยรักไทย ( อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย) ติดต่อผ่าน นายพินิจ จารุสมบัติ (อดีตรองนายกรัฐมนตรี) ให้นัดพบนายวัฒนา ที่ห้องอาหารหูฉลาม สกาล่า ที่ศูนย์การค้าสยามด้วย ซึ่ง นายวัฒนา เล่าให้พยานฟังว่า ต้องการให้นายวัฒนา ส่งผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ แบบแบ่งเขตทั้ง 2 เขต รวมทั้งแบบปาร์ตี้ลิสต์ด้วย และให้ ส.สงสมุทรปาการรวมเป็นพรรคเดียวกันทั้งหมด และอยากให้นายวัฒนา แยกตัวมาจาก พล.ต.สนั่น ขจรประสาสน์ (รองนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคชาติไทยขณะนี้) แต่นายวัฒนา ปฏิเสธไปว่า การทำอย่างนั้นไม่ถูกต้องเพระจะกลายเป็นเผด็จการรัฐสภา ซึ่งนายภูมิธรรม ย้อนกลับนายวัฒนาว่า คดีคลองด่านยังไม่พออีกหรือ
ขณะที่พยานปาก นายศิริพันธ์ ไพโรจน์บริบูรณ์ อดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งเป็นผู้ลงนามสัญญาซื้อขายที่ดินโครงการดังกล่าว ตอบคำถามทนายความจำเลยเกี่ยวกับการทำสัญญาซื้อขายที่ดินว่า ดำเนินการตามกำหมายทุกขั้นตอน ซึ่งการซื้อขายและเลือกที่ดินดำเนินโครงการ จะมีคณะกรรมการตรวจรับดูแลอยู่ ซึ่งโครงการก่อสร้างนั้นเกิดจากการศึกษาก่อนที่จะมีกรมควบคุมมลพิษตั้งขึ้นเมื่อ ปี 2536 และดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้องมาโดยตลอดโดยโครงการมีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการก่อสร้างดำเนินมาได้ประมาณ 98% แต่ภายหลังถูกยกเลิกในรัฐบาลชุด พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งการสั่งยุติโครงการส่งผลให้รัฐสูญเสียเงินกว่าปีละกว่า 1,000 ล้านบาท จากการที่ต้องมีการชำระผลตอบแทน 13%
ภายหลังศาลไต่สวนพยานทั้ง 4 ปากเสร็จสิ้นแล้ว ศาลนัดไต่สวนพยานจำเลยปากต่อไปในวันที่ 8 เม.ย.นี้ เวลา 09.30 น.โดยศาลสั่งกำชับให้ทนายความนำตัว นายวัฒนา มาไต่สวนตามที่ทนายความแถลงต่อศาลว่านายวัฒนาจะเดินทางมาศาลในวันที่ 8 เม.ย.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวันนัดไต่สวนพยานจำเลยนั้น คงเหลืออีก 3 นัด คือวันที่ 8, 11 และ 17 เม.ย.นี้ โดยนายไพบูลย์ โพธิ์น้อย ทนายความนายวัฒนา ระบุว่า ฝ่ายจัดเลยเตรียมพยานไต่สวนคดีนี้ทั้งสิ้น 16 ปาก ซึ่งฝ่ายจำเลยจะพยายามนพยานมาไต่สวนให้ได้ครบตามที่ยื่นบัญชีพยานต่อศาลไว้ มีการชำระผลตอบแทน 13%