ศาลรับฟ้องแก๊งแชร์รถเช่า หลอกลวงเช่ารถราคาสูง อ้างนำไปให้หน่วยงานรัฐเช่า เหยื่อหลงเชื่อ 83 ราย ทั้งรถเก๋ง รถตู้ 138 คัน มูลค่ากว่า 148 ล้าน จำเลยปากแข็งไม่รับสารภาพ แต่ไม่ใช้สิทธิยื่นประกันตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำพิเศษธนบุรี
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน ถ.บรมราชชนนี พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญาธนบุรี 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท พาราไดซ์คาร์เร้นท์, นางธัญชนก ดีสันเทียะ อายุ 35 ปี นางจรินทร์ หรือ เก่ง เดชทวิรา อายุ 28 ปี นางสาวอำภา กาญจนกรัณย์ อายุ 28 ปี นายชววัฒน์ เกษมณี อายุ 24 ปี และ นางสาวนัชพร เพ็ญเขตวิทย์ อายุ 36 ปี เป็นจำเลยที่ 1-6 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สน.บางพลัด
คำฟ้องของโจทก์ยาว 50 หน้า ใจความสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 20 พ.ค.50 ถึง 30 ม.ค.51 จำเลยทั้ง 6 ร่วมกับพวกที่ยังหลบหนีมีเจตนาทุจริตร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง โดยประกาศโฆษณารับเช่ารถยนต์และชักชวนประชาชนทั่วไปทางวาจาว่าจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท พีแอนด์ทีซัพพอร์ต จำกัด ตั้งอยู่ย่านบางบอน กทม. และเป็นผู้จัดการของบริษัทจำเลยที่ 1 ตั้งอยู่ย่านบางพลัด กทม. จัดให้มีการประกอบธุรกิจเช่ารถยนต์สภาพใหม่จากบุคคลทั่วไป โดยให้ค่าตอบแทนเป็นค่าเช่าในอัตราสูงเพื่อนำไปให้หน่วยงานของรัฐ ส่วนราชการ บริษัทเอกชนต่างๆ ที่มีชื่อเสียง และจะมีบุคคลอื่นมาเช่าต่ออีกทอดหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อความเท็จและจำเลยทั้ง 6 กับพวกยังร่วมกันหลอกลวงว่าจำเลยกับพวกสามารถให้ค่าตอบแทนเป็นค่าเช่ารายวันและรายเดือนแล้วแต่สภาพรถยนต์ของแต่ละคันตลอดระยะเวลาการเช่า โดยผู้ให้เช่าต้องส่งมอบรถยนต์ให้แก่จำเลยโดยมีนางสุกัญญา เพชรกุล กับบุคคลอื่นรวม 83 คน หลงเชื่อนำรถยนต์จำนวน 138 คันเป็นรถยนต์, รถตู้ ราคาระหว่าง 1 ล้านถึง 1.5 ล้านบาท
ทั้งที่ความจริงแล้ว บริษัท พีแอนด์ทีซัพพอร์ต จำกัด ไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายและไม่มีส่วนราชการ บริษัทเอกชนที่มีชื่อเสียงมาเช่ารถตามที่จำเลยกับพวกกล่าวอ้างแต่อย่างใด และจำเลยทั้ง 6 ไม่มีเจตนาที่จะทำสัญญาเช่ารถยนต์ไปให้ส่วนราชการหรือเอกชนผู้มีชื่อเสียงไปเช่าต่ออีกทอดแต่อย่างใดการกระทำของพวกจำเลยเป็นแต่เพียงวิธีการเพื่อหลอกลวงประชาชนที่สนใจอยากได้ผลตอบแทนในอัตราสูง จึงหลงเชื่อคำกล่าวอ้างของพวกจำเลยจึงส่งมอบรถยนต์ให้จำเลยทั้งสิ้น 138 คัน รวมเป็นราคาทั้งสิ้น 148,016,550.57 บาท
ต่อเมื่อวันที่ 9 ก.พ.51 เจ้าพนักงานตำรวจ สน.บางพลัดได้จับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดไว้ได้และยึดแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ สมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ สมุดประจำรถยนต์ เครื่องหมายเสียภาษีประจำปีรถยนต์ กุญแจรถยนต์ เอกสารกรมธรรม์ รวมหลายรายการรวมทั้ง 151 รายการจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ส่วนรถยนต์มีผู้เสียหายมารับคืนไปแล้วจำนวน 8 คัน ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย ศาลประทับรับฟ้องเป็นคดีดำที่ 2735/51 ก่อนนัดวันแถลงเปิดคดีต่อไป
อย่างไรก็ดี เมื่อศาลสอบคำให้การจำเลยให้การปฏิเสธ แต่ไม่มีใครยื่นขอประกันตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษธนบุรี ต่อไป