เจ้าสัวชาวมาเลย์ เข้าพบตำรวจกองปราบ ขอให้ช่วยตามบุตรชายที่หนีออกจากบ้านเมื่อ 30 ปี ก่อนให้ด้วย โดยมั่นใจ อาศัยอยู่ในเมืองไทย แต่ไม่ทราบเป็นตายร้ายดีประการใด บอกจุดประสงค์ ขอพบหน้าก่อน จะได้นอนตายตาหลับ
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น.นายเจ่า เข่า (MR.CHOW KAW) อายุ 80 ปี สัญชาติมาเลเซีย เจ้าของสวนปาล์ม และโรงงานผลิตน้ำมันปาล์ม ในประเทศมาเลเซีย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ณรงค์ อำภาภัย พนักงานสอบสวน (สบ 2) ฝป.10 บก.ป.เพื่อให้ช่วยติดตามหาตัว นายเจ่า ชัน ฉ่อย (MR.CHOW CHAN CHOI) บุตรชาย อายุ 49 ปี สัญชาติมาเลเซีย ซึ่งเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยเมื่อ 30 ปีที่แล้ว โดยนำเอกสารข้อมูลและรูปถ่ายของ นายเจ่า ชัน ฉ่อย มอบให้พนักงานสอบสวนไว้ด้วย
นายเจ่า เข่า ให้การว่า ตนมีลูกทั้งหมด 5 คน โดย นายเจ่า ชัน ฉ่อย เป็นลูกคนที่ 2 ทั้งนี้ เมื่อสมัยวัยรุ่น นายเจ่า ชัน ฉ่อย มีนิสัยเกเรมา ก่อนทะเลาะกับคนในครอบครัวจึงหนีออกจากบ้านโดยไม่กลับมาอีกเลยเป็นเวลาถึง 30 ปี ที่ผ่านมา ตนทราบเพียงว่าบุตรชายเดินทางเข้ามาทำงานโรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศไทย แต่ก็ไม่รู้ว่าบุตรชายมีความเป็นอยู่อย่างไร ก่อนหน้านี้บุตรชายเคยส่งจดหมายติดต่อกับน้าสาว 2 ครั้ง แต่เป็นเวลากว่า 20 ปีมาแล้ว โดยบุตรชายไม่ได้บอกที่อยู่ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
“ผมคิดถึงบุตรชายคนนี้มาก อายุผมก็มากแล้ว อยากทราบความเป็นอยู่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือเป็นตายร้ายดีอย่างไร และขอพบหน้าบุตรชายอีกครั้งก่อนตาย จะได้นอนตายตาหลับ อย่างไรก็ตาม หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสบุตรชายตนจะมอบเงินให้จำนวน 10,000 บาท ด้วย” นายเจ่า เข่า กล่าว
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น.นายเจ่า เข่า (MR.CHOW KAW) อายุ 80 ปี สัญชาติมาเลเซีย เจ้าของสวนปาล์ม และโรงงานผลิตน้ำมันปาล์ม ในประเทศมาเลเซีย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ณรงค์ อำภาภัย พนักงานสอบสวน (สบ 2) ฝป.10 บก.ป.เพื่อให้ช่วยติดตามหาตัว นายเจ่า ชัน ฉ่อย (MR.CHOW CHAN CHOI) บุตรชาย อายุ 49 ปี สัญชาติมาเลเซีย ซึ่งเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยเมื่อ 30 ปีที่แล้ว โดยนำเอกสารข้อมูลและรูปถ่ายของ นายเจ่า ชัน ฉ่อย มอบให้พนักงานสอบสวนไว้ด้วย
นายเจ่า เข่า ให้การว่า ตนมีลูกทั้งหมด 5 คน โดย นายเจ่า ชัน ฉ่อย เป็นลูกคนที่ 2 ทั้งนี้ เมื่อสมัยวัยรุ่น นายเจ่า ชัน ฉ่อย มีนิสัยเกเรมา ก่อนทะเลาะกับคนในครอบครัวจึงหนีออกจากบ้านโดยไม่กลับมาอีกเลยเป็นเวลาถึง 30 ปี ที่ผ่านมา ตนทราบเพียงว่าบุตรชายเดินทางเข้ามาทำงานโรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศไทย แต่ก็ไม่รู้ว่าบุตรชายมีความเป็นอยู่อย่างไร ก่อนหน้านี้บุตรชายเคยส่งจดหมายติดต่อกับน้าสาว 2 ครั้ง แต่เป็นเวลากว่า 20 ปีมาแล้ว โดยบุตรชายไม่ได้บอกที่อยู่ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
“ผมคิดถึงบุตรชายคนนี้มาก อายุผมก็มากแล้ว อยากทราบความเป็นอยู่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือเป็นตายร้ายดีอย่างไร และขอพบหน้าบุตรชายอีกครั้งก่อนตาย จะได้นอนตายตาหลับ อย่างไรก็ตาม หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสบุตรชายตนจะมอบเงินให้จำนวน 10,000 บาท ด้วย” นายเจ่า เข่า กล่าว
