“สมพงษ์” หยอดขอเป็นกาวใจสานสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ

“รมว.ยุติธรรม” ขอเป็นกาวใจสานสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ แนะควรมีการพูดจากันอย่างตรงไปตรงมาในระดับรัฐบาลกับรัฐบาล เปรียบเหมือนเป็นฝาแฝด เพื่องานจะได้มีศักยภาพ กำชับ DSI เร่งสางคดีอุ้มฆ่านักธุรกิจซาอุฯ ก่อนคดีจะขาดอายุความในปี 2552 แย้มมีลู่ทางการสอบสวนใหม่ แต่คงไม่ใช่ข้อมูลเก่าของป๋าลอที่เคยให้การไว้และอัยการสั่งไม่ฟ้องมาประกอบการพิจารณาระดับศาล

วันนี้ (25 มี.ค.) เมื่อเวลา 07.15 น.ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานจัดงานวันครบรอบการสถาปนา 116 ปี กระทรวงยุติธรรม โดยกิจกรรมในช่วงเช้ามีการถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ 9 รูป และในช่วงบ่ายเป็นการมอบโล่ข้าราชการพลเรือนดีเด่นให้แก่ข้าราชการ และลูกจ้างประจำในสังกัดกระทรวงยุติธรรม

ทั้งนี้ นายสมพงษ์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการสอบสวนคดีสำคัญในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า ได้กำชับให้ดีเอสไอจัดลำดับคดีที่มีความสำคัญ โดยการสืบสวนสอบสวนอย่างจริงจังจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง เช่น คดีความที่เกี่ยวพันกับประเทศซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากในช่วงระยะเวลา 18-19 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุฯ ห่างเหินกัน ทั้งที่ 2 ประเทศน่าจะเป็นประเทศที่ควบคู่เป็นฝาแฝด เพราะอีกประเทศหนึ่งต้องการผลผลิตจากบ้านเรา และบ้านเราก็ต้องการผลผลิตจากบ้านเขา หาก 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน พูดจากันในระดับรัฐบาลกับรัฐบาล ประชาชนกับประชาชน จะทำให้ความก้าวหน้าของ 2 ประเทศนี้รุดหน้าไปมาก ตนจึงตั้งใจเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหา ไม่ใช่พอมาเป็นรัฐมนตรียุติธรรมแล้วก็รื้อมาที พอจบก็หายไป ชุดใหม่เข้ามาก็รื้อกันใหม่

“ทั้งฝ่ายซาอุฯ และฝ่ายไทยต่างทราบดีว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีสาเหตุจากอะไร จึงอยากให้แก้ไขตรงนี้ เมื่อสอบสวนแล้วต้องบอกเขาไปว่าเราทำได้หรือไม่ได้อย่างไร จะได้ให้รู้กันไป มันจะได้จบเสียที ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องบอกไปว่า เพื่อนเราทำได้แค่นี้ ไม่ใช่พอมีรัฐมนตรีใหม่ก็คว้าขึ้นมาแก้ไข” นายสมพงษ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าสอบปากคำ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ จำเลยคดีเพชรซาอุฯ ในเรือนจำกลางบางขวาง นายสมพงษ์ กล่าวว่า ดีเอสไอได้รายงานข้อมูลบางส่วนให้ตนรับทราบบ้างแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนเรื่องกรอบเวลาในการสืบสวนสอบสวนนั้น คงไม่สามารถไปตีกรอบการทำงานได้ว่าจะต้องเสร็จภายใน 3 วัน หรือ 5 วัน เพราะงานสืบสวนต้องค่อยๆแกะรอย บางครั้งก็ขึ้นอยู่กับฟ้าดินเหมือนกัน บางวันฝนตกก็ออกไม่ได้ ร้อนเกินไปก็ไม่ไหว

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ข้อมูลที่ดีเอสไอได้รับจาก พล.ต.ท.ชลอ โดยเฉพาะรายละเอียดเกี่ยวกับการหายตัวของนักธุรกิจชาวซาอุฯ ซึ่งมีเนื้อหาพาดพิงว่ามีกลุ่มนายตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการถูกทำให้หายตัวดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเก่า ซึ่งอาจไม่เป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนมากนัก เพราะข้อมูลดังกล่าวกรมตำรวจเคยนำเสนอต่ออัยการแล้ว ต่อมาอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากไม่มีใครพบศพนักธุรกิจซาอุฯ จึงไม่สามารถดำเนินคดีฐานฆ่าคนตายได้ ดังนั้นการรื้อฟื้นคดีขึ้นสอบสวนครั้งใหม่ก่อนคดีจะขาดอายุความในปี 2552 นั้น ดีเอสไอจะไม่สอบสวนไปตามแนวทางการสอบสวนเดิมที่มุ่งเอาผิดกับชุดปฏิบัติการของตำรวจที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำตัวนักธุรกิจชาวซาอุฯ ไปแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะสืบสวนสอบสวนเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่านักธุรกิจชาวซาอุฯ ถูกทำให้หายตัวไปอย่างไร โดยขณะนี้ดีเอสไอได้เร่งหาตัวพยานขณะเกิดเหตุเมื่อ 18 ปีที่ผ่านมาให้เข้ามาเป็นพยานในคดีนี้