เกิดเหตุไฟรั่วลงปั้นจั่นตอกเสาคอนกรีตก่อสร้างเขื่อนของ กทม.ดูดสองคุณยายเคราะห์ร้ายดับคาที่หนึ่ง อีกรายสาหัส เบื้องต้นคาดชาวบ้านแอบพ่วงสายไฟใช้แล้วเกิดไปพันกับตัวปั้นจั่นจนเกิดเหตุน่าสลดใจขึ้น
วันนี้ (23 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. ร.ต.ท.ชาญวิทย์ ละออเอี่ยม ร้อยเวร สน.บึงกุ่ม รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกไฟดูดเสียชีวิตและบาดเจ็บ ภายในซอยเสรีไท 57 หมู่บ้านสหกรณ์ ซอยย่อย 48/2 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 810/26 ม.4 พบศพ นางประไพ กองหิรัญ อายุ 62 ปี สภาพศพสวมเสื้อคอกระเช้าสีขาว สวมผ้าถุงลายสีฟ้า บริเวณลำตัวเขียวช้ำ เนื่องจากถูกไฟฟ้าดูด นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือ นางอุดม จันตบุตร อายุ 60 ปี ถูกนำส่ง รพ.นพรัตน์ราชธานี แล้ว
สอบถาม นายประสาร สุภาพ อายุ 69 ปี สามีผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนและภรรยานั่งคุยกันอยู่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งที่หน้าบ้านกำลังมีการก่อสร้างเขื่อน จากนั้นก็เห็นนางอุดม เพื่อนบ้านเดินเท้าเปล่ามาบริเวณที่มีไม้พาดและรางปั้นจั่น จากนั้นก็ล้มและตกลงไประหว่างร่องไม้ ตนและภรรยาจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ โดยที่ไม่รู้ว่า นางอุดม ถูกไฟฟ้าดูด จนกระทั่งเข้าไปช่วยจึงรู้ ตนจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน เพื่อหยิบผ้าขนหนูและออกมาช่วยดึงตัวนางอุดม แต่เมื่ออกมาก็พบว่า ภรรยานอนแน่นิ่ง ลำตัวพาดอยู่บนรางปั้นจั่น จึงตะโกนบอกคนงานที่กำลังก่อสร้างให้ช่วยตัดกระแสไฟ
ด้าน นายหรั่ง น่าชม อายุ 32 ปี หัวหน้าคนงานก่อสร้างของบริษัท จงเจริญ จำกัด กล่าว่า ตนได้รับมอบหมายจาก กทม.ให้มาก่อสร้างเขื่อน โดยในวันนี้ก็มาทำงานเวลาประมาณ 08.00 น.ตามปกติ ขณะที่กำลังใช้ปั้นจั่นขนาดกลาง สูงประมาณ 15 เมตร ตอกเสาริมเขื่อน ก็ได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือ ตนจึงรีบดับกระแสไฟทันที
“สาเหตุน่าจะมาจากขณะที่ปั้นจั่นกำลังตอกเสาคอนกรีตอยู่ สายไฟขนาดประมาณ 5 มม.ที่ชาวบ้านแอบพ่วงใช้ ซึ่งพาดอยู่ริมเขื่อนเกิดไปพันกับตัวปั้นจั่น แล้วเกิดการเสียดสีกันระหว่างสายไฟกับรางเหล็ก ทำให้เกิดรอยรั่ว จนกระแสไฟฟ้ารั่วผ่านไปตามรางปั้นจั่น เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้เคราะห์ร้ายทั้งสองรายสัมผัสถูกรางเหล็กพอดี ทำให้ถูกไฟดูด” นายหรั่ง กล่าว
เบื้องต้นเจ้าหนาที่ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหาแก่ผู้ใด เนื่องจากต้องนำตัวคนงานทั้งหมดไปสอบปากคำอย่างละเอียดที่ สน.บึงกุ่ม เสียก่อนว่า เหตุที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากความประมาทของผู้ใด จากนั้น จึงจะแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง
