“สมพงษ์” สั่ง ศตส.เชียงราย คุมเข้มงานปรามปรามยาเสพติด หลังพบข้อมูล ว้าเพิ่มกำลังการผลิตยาบ้า ยาไอซ์ เฮโรอีน วอนองค์กรสิทธิมนุษยชนช่วยปราบยา อย่าเอาแต่เรื่องสิทธิอย่างเดียว
วันนี้ (16 มี.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางมาตรวจเยี่ยมการแก้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และมอบนโยบายการปราบปรามยาเสพติดแก่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เอาชนะยาเสพติด (ศตส.) จ.เชียงราย ว่า อยากเห็นงานปราบปรามยาเสพติดเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากครึ่งหนึ่งของยาเสพติดที่ถูกลำเลียงไปยังภาคต่างๆ ของประเทศมาจาก จ.เชียงราย โดยเฉพาะพื้นที่ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัด ถือเป็นพื้นที่เป้าหมายที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นแนวชายแดนที่ติดกับแหล่งปลูกฝิ่นและโรงงานผลิตเฮโรอีนในฝั่งพม่า ในส่วน จ.แม่ฮ่องสอนเป็นอีกเป้าหมายที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นทางผ่านสำคัญในการลำเลียงยาเสพติดลงไปยังภาคต่างๆ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ผลผลิตฝิ่นและยาบ้าในประเทศเพื่อนบ้านมีปริมาณมาก ทำให้ยาเสพติดทะลักเข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้น ขณะที่เส้นทางและวิธีการลำเลียงเปลี่ยนรูปแบบให้แนบเนียนมากขึ้น จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามเข้มงวดการหาข่าวและตั้งด่านตรวจสกัดยาเสพติด
นายสมพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนจับตาการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการฆ่าตัดตอน และการประกาศสงครามกับยาเสพติดในประเทศไทย ว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ว่านโยบายการปราบปรามยาเสพติดจะเป็นอย่างไร และเชื่อว่ายูเอ็นก็ยังไม่รู้เช่นกัน โดยในวันที่ 21 มี.ค.นี้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห้งชาติ และจะประกาศสงครามกับยาเสพติดรอบใหม่แน่นอน
“องค์กรสิทธิมนุษยชนต้องช่วยเราบ้าง ต้องเบาๆ หน่อย หรือว่าจะส่งเสริมให้ค้ายาเสพติด อย่า เอาแต่สิทธิมนุษยชนอย่างเดียวแล้วปล่อยให้ยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง” นายสมพงษ์กล่าว
รายงานข่าวเปิดเผยว่า กลุ่มที่ผลิตยาเสพติดทั้งยาบ้าและยาไอซ์รายใหญ่ยังเป็นกลุ่มว้า เนื่องจากว้าถูกรัฐบาลพม่ากดดันอย่างหนัก มีการทลายแหล่งผลิตซีดีเถื่อนของว้าหลายครั้ง ทำให้ว้าต้องเพิ่มกำลังการผลิตยาบ้า ยาไอซ์ และเฮโรอีน สูงขึ้นอีกกว่า 10% โดยกลุ่มว้าได้เปลี่ยนวิธีการผลิตและลำเลียงเพื่อหลบเลี่ยงการตั้งกำลังตรวจสกัดยาเสพติดของทางการพม่า โดยจะไม่ผลิตยาเสพติดในดินแดนว้า แต่จะลำเลียงผงยาเสพติดส่งมาให้ชนกลุ่มน้อยตามแนวตะเข็บชายแดนอัดเม็ด และจะขนออกจากพม่าผ่านเข้าไปยังประเทศลาว ก่อนจะส่งเข้าประเทศไทย จากการสืบสวนเชิงลึกพบว่า นายทุนจากนอกพื้นที่เป็นผู้สั่งซื้อยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน และว่าจ้างคนในพื้นที่ จ.เชียงราย ที่มีความชำนาญด้านเส้นทางลำเลียงเป็นผู้ขนยาเสพติดโดยซุกซ่อนยาเสพติดไว้ในร่างกาย ยานพาหนะ ถังน้ำมัน หรือซ่อนไว้ในสัมภาระ เมื่อพ้นออกจากพื้นที่จังหวัดชายแดนที่เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังตั้งด่านตรวจสกัด ยาเสพติดจะถูกส่งต่อให้ขบวนการค้ายาเสพติดลำเลียงต่อไปยังจังหวัดอื่นๆ