ตร.จับคาหนังคาเขา 4 โจรลักนอตเสาไฟฟ้าแรงสูงขนาด 500,000 โวลต์ มูลค่าเสียหาย 10 ล้าน อ้างเงินขาดมือไม่มีเที่ยว เผยแหล่งปล่อยขายให้กับร้านขายของเก่า ตั้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะทำให้เสียทรัพย์
วันนี้ (8 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่สน.หนองจอก พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.3 พ.ต.อ.นักรบ สุดใจ รอง ผบก.น.3 พ.ต.อ.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล ผกก.สน.หนองจอก และนายสุธน บุญประสงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเขตนครหลวง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายหมัก (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นายแม้ว (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นายโอ๊ค (นามสมมติ) อายุ 17 ปี และ น.ส.เดีย (นามสมมติ) อายุ 17 ปี พร้อมของกลางน็อตโลหะขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.8 ซม.ยาว 10 ซม.ทั้งตัวผู้และตัวเมียรวม 56 ตัว กุญแจเลื่อนยาวประมาณ 1 ฟุต 2 ตัว เหล็กเจาะรูสำหรับติดเสา 5 ชิ้น น้ำมันเครื่องใส่ขวดพลาสติก 1 ขวด ถุงมือสีขาว 1 ข้าง รองเท้าแตะ 1 คู่ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 100 สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน รมย-631 กทม. รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 125 สีเขียวอ่อน-ดำ หมายเลขทะเบียนป้ายเหลือง กทร-106 กทม. และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ดรีม สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ขกต-389 กทม.
พล.ต.ต.อนันต์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 และ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ต้องหาจำนวน 5 คนได้เข้าไปไขนอตเสาไฟฟ้าแรงสูง ขนาด 500,000 โวลต์ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่บริเวณทุ่งนาหลังหมู่บ้านพรปรีชาการเกษตร ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก โดยวันแรกได้เข้าไปไขน็อตยึดเสาต้นที่ 1 จากนั้นวันรุ่งขึ้นได้พากันไขน็อตที่เสาเหลืออีก 3 ต้น พร้อมทั้งถอดเอาเหล็กแผ่นยึดเสาออกไปด้วย จึงทำให้เสาไฟฟ้าล้มพังครืนลงมาเพราะเสาไม่มีตัวยึด เจ้าหน้าที่ กฟผ.ต้องใช้เวลาในการตั้งเสากลับคืนอย่างเดิมถึง 5 วัน มูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นพบว่ามีรอยล้อรถจักรยานยนต์ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นยานพาหนะที่คนร้ายใช้อยู่ในบริเวณจุดเกิดเหตุด้วย จึงกระจายกำลังลงพื้นที่เพื่อหาเบาะแสของกลุ่มคนร้าย จนกระทั่งมาพบกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 5 คน อยู่ใกล้บ่อน้ำที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งมีรถจอดอยู่ด้วยจึงเชิญตัวมาสอบปากคำ
พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 5 คนอ้างว่าได้เข้ามาเล่นน้ำที่บ่อน้ำ และได้เห็นกลุ่มคนร้ายขับรถกระบะมาไขนอตของเสาไฟฟ้าไปจึงปล่อยตัวไป ก่อนที่จะเรียกกลับมาสอบปากคำอีกครั้ง เนื่องจากยังสงสัยในคำให้การที่วกวนของกลุ่มผู้ต้องหาอยู่ ประกอบกับเจ้าหน้าที่ยังพบอุปกรณ์ประเภทไขควงและกุญแจอยู่ที่รถจักรยานยนต์ของกลุ่มผู้ต้องหาด้วย แต่ปรากฏว่า 1 ในผู้ต้องหาได้หลบหนีไปแล้ว
พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวต่อว่า หลังจากสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 คนอีกครั้งก็ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุลักนอตเสาไฟฟ้าไปเอง เพราะอยากมีเงินใช้และจะหาเงินไปเที่ยวเตร่ จึงผลัดกันขี่รถวนมาขโมยน็อตเสาไฟฟ้ากัน จากนั้นก็นำไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าในราคา 1,400 บาท เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ ทำให้เสียทรัพย์ซึ่งสิ่งที่ใช้ในการส่งพลังงานไฟฟ้า น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ประชาชน หลังจากนี้จะได้นำตัวผู้ต้องหาส่งสถานพินิจบ้านเมตตา และจะได้เร่งติดตามตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 1 คน มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน นายสุธน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมาก็มีการขโมยนอตเสาไฟฟ้าแรงสูงอย่างนี้ทั่วประเทศ แต่ว่าไม่ถึงกับทำให้เสาไฟฟ้าล้มลงแบบนี้ ซึ่งทาง กฟผ.ได้มีการป้องกันไว้ล่วงหน้าแล้วจึงทำให้กระแสไฟฟ้าใน กทม.ไม่ดับ ถ้าหากไม่มีการป้องกันไว้ล่วงหน้าจะส่งผลกระทบถึงการตัดไฟฟ้าทั่วประเทศ เพราะกระแสไฟฟ้าที่ส่งผ่านเสานี้มาก 1 ใน 3 ของประเทศ อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า หากพบผู้ใดมีพฤติการเช่นนี้ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันที เพื่อเป็นการช่วยเหลือและเป็นหูเป็นตากันอีกแรง และอยากจะขอความร่วมมือให้ช่วยกันดูแลรักษา เพาระหากว่าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกอาจจะส่งผลกระทบร้ายแรงกว่านี้ก็ได้