ญาติบัณฑิตสาว ม.กรุงเทพ ฉกเพชร 1.3 ล้าน ติดต่อ ตร.สอบถามหลักทรัพย์ประกันตัว อ้างผู้ต้องหายังหาหลักทรัพย์มาประกันตัวไม่ได้ ทางญาติยันต้องการเจรจาไกล่เกลี่ยและชดใช้ค่าเสียหายคืนให้เจ้าของร้านเพชร ตร.ระบุเป็นคดีอาญายอมความไม่ได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล หากยอมความกันได้ ศาลอาจพิจารณาใช้เหตุผลดังกล่าวบรรเทาโทษ พร้อมออกหมายเรียกเจ้าของร้านจำนำสอบปากคำ หากพบมีเจตนารับซื้อเครื่องเพชรอาจแจ้งข้อหารับซื้อของโจร
วันนี้ (27 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.ต.ปิโยรส กัณหะสิริ สว.สส.สน.ลุมพินี กล่าวถึงความคืบหน้าคดี น.ส.นราทิพย์ ศรีวรนารถ อายุ 23 ปี บัณฑิตมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ผู้ต้องหาก่อเหตุฉกเครื่องเพชรมูลค่า 1.3 ล้านบาท ของนายจ้างไปจำนำว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาญาติของฝ่ายผู้ต้องหาได้ติดต่อกับ ร.ต.ท.พีรรัฐ โยมา รอง สว.สส.ทางโทรศัพท์ เพื่อสอบถามถึงหลักทรัพย์ที่ต้องใช้ในการประกันตัว โดยญาติของฝ่ายผู้ต้องหาอ้างว่าในวันนี้ น.ส.นราทิพย์ ไม่สามารถเดินทางเข้ามามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนได้เนื่องจากต้องหาหลักทรัพย์มาใช้ประกันตัว โดยมารดาของผู้ต้องหาสามารถใช้ตำแหน่งข้าราชการระดับ 7 มาประกันตัวบุตรสาวได้
พ.ต.ต.ปิโยรส กล่าวว่า ช่วงบ่ายผู้ต้องหาได้ส่งญาติเข้ามาสอบถามในส่วนของรายละเอียด และขั้นตอนการดำเนินการในการเข้ามอบตัวอีกครั้ง นอกจากนี้ ฝ่ายผู้ต้องหายืนยันว่าต้องการที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยกับฝ่ายผู้เสียหาย โดยยินยอมที่จะใช้ชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด ก่อนจะเดินทางเข้ามอบตัวกับทางพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม คดีนี้ถือเป็นคดีอาญาและไม่สามารถยอมความได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบปากคำทั้ง 2 ฝ่าย และสรุปสำนวนอัยการพิจารณาสั่งฟ้องตามกฎหมายเหมือนคดีทั่วไป ส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ทั้งนี้ หากทั้ง 2 ฝ่ายสามารถยอมความกันได้ศาลอาจพิจารณาใช้เหตุผลดังกล่าวบรรเทาโทษได้
พ.ต.ต.ปิโยรส กล่าวด้วยว่า ในส่วน นายประกิจ ตรวจมรรคา อายุ 55 ปี เจ้าของร้านรับจำนำณัชชา (กิ๊ฟ) ซึ่งรับจำนำเครื่องเพชรนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่เตรียมออกหมายเรียก เพื่อเชิญตัวมาสอบปากคำ และขอตรวจสอบใบอนุญาตรับซื้อของเก่า ซึ่งหากการสอบสวนพบว่านายประกิจมีเจตนาที่จะรับซื้อเครื่องเพชรดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่อาจต้องแจ้งข้อรับซื้อของโจรต่อไป
บัณฑิตสาวแสบฉกเพชร 1.3 ล้าน อ้างช่วยเพื่อนทำแท้ง-เคลียร์หนี้พนันบอล
วันนี้ (27 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.ต.ปิโยรส กัณหะสิริ สว.สส.สน.ลุมพินี กล่าวถึงความคืบหน้าคดี น.ส.นราทิพย์ ศรีวรนารถ อายุ 23 ปี บัณฑิตมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ผู้ต้องหาก่อเหตุฉกเครื่องเพชรมูลค่า 1.3 ล้านบาท ของนายจ้างไปจำนำว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาญาติของฝ่ายผู้ต้องหาได้ติดต่อกับ ร.ต.ท.พีรรัฐ โยมา รอง สว.สส.ทางโทรศัพท์ เพื่อสอบถามถึงหลักทรัพย์ที่ต้องใช้ในการประกันตัว โดยญาติของฝ่ายผู้ต้องหาอ้างว่าในวันนี้ น.ส.นราทิพย์ ไม่สามารถเดินทางเข้ามามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนได้เนื่องจากต้องหาหลักทรัพย์มาใช้ประกันตัว โดยมารดาของผู้ต้องหาสามารถใช้ตำแหน่งข้าราชการระดับ 7 มาประกันตัวบุตรสาวได้
พ.ต.ต.ปิโยรส กล่าวว่า ช่วงบ่ายผู้ต้องหาได้ส่งญาติเข้ามาสอบถามในส่วนของรายละเอียด และขั้นตอนการดำเนินการในการเข้ามอบตัวอีกครั้ง นอกจากนี้ ฝ่ายผู้ต้องหายืนยันว่าต้องการที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยกับฝ่ายผู้เสียหาย โดยยินยอมที่จะใช้ชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด ก่อนจะเดินทางเข้ามอบตัวกับทางพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม คดีนี้ถือเป็นคดีอาญาและไม่สามารถยอมความได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบปากคำทั้ง 2 ฝ่าย และสรุปสำนวนอัยการพิจารณาสั่งฟ้องตามกฎหมายเหมือนคดีทั่วไป ส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ทั้งนี้ หากทั้ง 2 ฝ่ายสามารถยอมความกันได้ศาลอาจพิจารณาใช้เหตุผลดังกล่าวบรรเทาโทษได้
พ.ต.ต.ปิโยรส กล่าวด้วยว่า ในส่วน นายประกิจ ตรวจมรรคา อายุ 55 ปี เจ้าของร้านรับจำนำณัชชา (กิ๊ฟ) ซึ่งรับจำนำเครื่องเพชรนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่เตรียมออกหมายเรียก เพื่อเชิญตัวมาสอบปากคำ และขอตรวจสอบใบอนุญาตรับซื้อของเก่า ซึ่งหากการสอบสวนพบว่านายประกิจมีเจตนาที่จะรับซื้อเครื่องเพชรดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่อาจต้องแจ้งข้อรับซื้อของโจรต่อไป
บัณฑิตสาวแสบฉกเพชร 1.3 ล้าน อ้างช่วยเพื่อนทำแท้ง-เคลียร์หนี้พนันบอล