คนร้ายกระหน่ำยิงหนุ่ม พนง.ติดป้ายโฆษณาดับคา จยย.ขณะออกจากซอยไปรับแม่แฟนสาวไปซื้อของสดมาทำอาหารขาย ตร.เชื่อคนร้ายเป็นคนรู้จักมาดักรอ จากนั้นมีปากเสียงก่อนลงมือซัลโวผู้ตายดับ
วันนี้ (11 ก.พ.) เมื่อเวลา 03.00 น. ร.ต.ท.กิตตินันท์ ศรีม่วง ร้อยเวร สน.บางเสาธง รับแจ้งเหตุยิงกันตายภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 แยกซอยร่มเย็น แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กทม. จึงประสานแพทย์นิติเวช เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ไปร่วมตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุห่างจากปากซอยประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นที่เปลี่ยวและมืด พบศพนายกิตติพงษ์ ทรัพย์แสงส่ง อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 ม.6 แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กทม. สภาพศพนอนหงายคร่อมจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า นูโว สีดำ หมายเลขทะเบียน รกษ-570 กรุงเทพมหานคร สวมเสื้อแจ็กเกตสีเหลือง นุ่งกางเกงขาสามส่วนสีเขียว มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม.เข้าที่กกหู 1 นัด และกลางหลัง 2 นัด ใกล้กันพบปลอกกระสุนปืนขนาดเดียวกันตกอยู่ 2 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นางสวาท อยู่คง อายุ 50 ปี ให้การว่า ผู้ตายเป็นแฟนของ น.ส.รัชนก อยู่คง อายุ 23 ปี บุตรสาวของตน มีอาชีพเป็นช่างติดตั้งป้ายโฆษณาอยู่ที่บริษัท พี.เจ.ดีไซน์ จำกัด ส่วนตนและลูกสาวเปิดร้านขายอาหารตามสั่งอยู่ภายในแยกซอยชัยสงวน ซึ่งอยู่ถัดจากซอยที่เกิดเหตุเพียงไม่กี่ซอย ทุกคืนเวลา 02.00 น.ผู้ตายจะขับจักรยานยนต์ออกจากบ้านซึ่งอยู่ท้ายซอยที่เกิดเหตุไปยังบ้านของตนเพื่อขับรถกระบะพาตนไปตลาดพรานนกซื้อของสดมาทำอาหารขาย แต่คืนนี้รู้สึกผิดสังเกตเพราะตนรอจนถึงเวลา 02.00 น.แล้วแต่ผู้ตายก็ยังไม่มา กระทั่งได้รับแจ้งว่าผู้ตายถูกยิงเสียชีวิตแล้ว ทั้งนี้ สำหรับผู้ตายได้คบหาดูใจกับลูกสาวของตนได้ 4 ปีแล้ว และกำลังจะแต่งงานกันในเดือน มิ.ย.นี้ แต่กลับมาถูกยิงเสียชีวิตเสียก่อน ส่วนเรื่องสาเหตุที่ผ่านมาผู้ตายเป็นคนดีเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนร่วมงาน และไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร จึงไม่ทราบว่าสาเหตุที่ถูกสังหารมาจากเรื่องใด
เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าสาเหตุของการสังหารน่าจะมาจากเรื่องความแค้นส่วนตัว ขณะเดียวกัน เชื่อว่าผู้ตายน่าจะรู้จักกับคนร้าย และคนร้ายน่าจะมาดักรอที่จุดเกิดเหตุ เนื่องจากพิจารณาจากที่เกิดเหตุพบว่าผู้ตายน่าจะถูกยิงขณะที่จอดรถคุยกับคนร้าย นอกจากนี้ ก่อนเกิดเหตุมีคนได้ยินเสียงผู้ตายตะโกนด่าทอกับคนร้ายจากนั้นได้ยิงเสียงปืนดังขึ้น ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้เชิญคนใกล้ชิดมาสอบปากคำเพื่อหาสาเหตุ และประสานฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสของร้ายเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
