xs
xsm
sm
md
lg

4 จนท.ราชทัณฑ์เฮ! ยกฟ้องคดีข่มขืนผู้ต้องหาใต้ถุนศาล

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องคดีผู้ต้องหาหญิงฟ้องถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์รุมข่มขืน เนื่องจากเหตุเกิดในเวลากลางวันใต้ถุนศาล แล้วผู้เสียหายไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือ อีกทั้งเข้าแจ้งความหลังถูกข่มขืนแล้วถึง 29 วัน ส่วนจำเลยทั้งหมดก็ให้การปฏิเสธ

วันนี้ (30 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง นายปริญญา แดงสาย, นายประพุทธิ์ วงเวียน, นายชัยยศ พรหมทอง และนายพิเชษฐ์ ฉิวเฉื่อย เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงฯ โดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 28 ก.พ.2549 บรรยายความผิดสรุปว่า

จำเลยทั้งสี่เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม จำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 3 จำเลยที่ 2 มีตำแหน่งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 2 จำเลยที่ 3 มีตำแหน่งเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ 3 และจำเลยที่ 4 มีตำแหน่งเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ 4 ในขณะจำเลยทั้งสี่ปฏิบัติหน้าที่ประจำอยู่ในฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังประจำศาลอาญา และเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายมีหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขังหรือผู้ต้องหาขึ้นห้องพิจารณาคดีของศาล เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2548 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันควบคุมตัว น.ส.วิภา บุตรแวว ผู้เสียหาย อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในฐานความผิดมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครอง และมีคำสั่งให้ขัง นางสาววิภา บุตรแวว ผู้เสียหาย ไว้มีกำหนด 12 วัน ต่อมาภายหลังจากศาลอาญาได้มีคำสั่งดังกล่าวข้างต้น จำเลยทั้งสี่ได้ควบคุมผู้ต้องหาไปควบคุมไว้ที่ห้องขังใต้ถุนศาลอาญา จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยจำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย โดยใช้มือล็อกหรือขัดแขนของผู้เสียหายมาทางด้านหลัง แล้วใช้ผ้าปิดหน้าผู้เสียหายไว้ หลังจากนั้นจำเลยคนหนึ่งได้กระทำชำเรานางสาววิภา บุตรแวว ผู้เสียหายจนสำเร็จความความใคร่ เหตุเกิดที่ห้องควบคุมประจำศาลอาญา แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 285, 83

จำเลยทั้ง 4 นำสืบว่า ในวันเกิดเหตุทำหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องขังไปห้องพิจารณาคดี ไม่มีหน้าที่ควบคุมตัวผู้เสียหาย และไม่เคยเห็นหน้าผู้เสียหายมาก่อน

พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้ง 4 ข่มขืนผู้เสียหายตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีผู้เสียหายเบิกความเป็นพยานว่า ในเวลา 12.00 น.วันเกิดเหตุ ระหว่างถูกควบคุมตัวไปในห้องขังใต้ถุนศาลอาญาผ่านทางห้องโถงกว้าง มีแสงสว่างจากหลอดไฟนีออน เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นายหนึ่งได้ส่งตัวผู้เสียหายให้จำเลยที่ 1 เพื่อนำตัวไปคุมขังไว้ในห้องผู้ต้องขังหญิง แต่ระหว่างทางจำเลยที่ 1 ได้จับมือไพล่หลัง พร้อมดันตัวไปติดผนัง ก่อนที่จำเลยที่ 2-4 จะเข้ามารุมล้อมรอบตัว ได้นำผ้ามาปิดตาไว้จากนั้นได้ดึงกางเกงของผู้เสียหายลงมาและกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ หลังจากนั้นได้นำผ้าที่ปิดตาไว้ออก เห็นเพียงจำเลยที่ 1, 3 และ 4 ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว

ศาลเห็นว่า แม้โจทก์จะมีผู้เสียหายมาเบิกความก็ตาม แต่จุดที่เกิดเหตุเป็นสถานที่เป็นห้องโถง มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นั่งอยู่ 7-8 คน โดยผู้เสียหายตอบคำถามค้านทนายจำเลยว่า ระหว่างที่ถูกข่มขืนไม่มีใครเข้าห้ามปราม และไม่ได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ จนจำเลยที่ 3 นำผ้ามาปิดตา หากผู้เสียหายร้องตะโกนขอความช่วยเหลือย่อมกระทำได้ ซึ่งผิดวิสัยของคนทั่วไป เมื่อตกอยู่ในอันตรายย่อมร้องขอความช่วยเหลือให้รอดพ้นจากอันตรายนั้น ขณะที่ผู้เสียหายเองได้นำเรื่องดังกล่าวมาเล่าให้บุคคลใกล้ชิดฟัง 6 วันหลังจากเกิดเหตุ และได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน หลังเกิดเหตุเป็นเวลา 29 วัน แม้ว่าผู้เสียหายจะไม่รู้จักและมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยทั้ง 4 ก็ตาม แต่คำเบิกความของผู้เสียหายมีข้อพิรุธสงสัยว่า ผู้เสียหายถูกจำเลยทั้ง 4 ข่มขืนจริงหรือไม่ ยังมีเหตุน่าสงสัยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นความจริงหรือไม่ อีกทั้งจำเลยทั้ง 4 ยังให้การปฏิเสธมาโดยตลอด ว่าวันเกิดเหตุไม่พบเห็นผู้เสียหาย พยานโจทก์ที่นำสืบมายังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้ง 4 กระทำผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จนายพิเชษฐ์ จำเลยที่ 4 กล่าวสั้นๆ ว่ารู้สึกดีใจที่ศาลพิพากษายกฟ้อง ตอนนี้ยังปฏิบัติหน้าที่ในกรมราชทัณฑ์อยู่ ส่วนจะฟ้องกลับผู้เสียหายและพนักงานสอบสวนหรือไม่นั้น คงต้องปรึกษากับทางผู้บังคับบัญชาก่อน

สำหรับบรรยากาศการฟังคำพิพากษาในวันนี้มีภรรยาของพวกจำเลยและญาติ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ประมาณ 40 คนมาร่วมฟังคำพิพากษา ภายหลังศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง เพื่อนร่วมงานต่างเข้าไปแสดงความยินดีด้วยการจับมือ โอบกอด และพูดให้กำลังใจ โดยจำเลยทั้ง 4 คนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้ม



กำลังโหลดความคิดเห็น