xs
xsm
sm
md
lg

10 แกนนำบุกสภามอบตัว! แจ้ง 5 ข้อหาฉกรรจ์

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ม็อบให้กำลังใจ “10 แกนนำ “ แนวร่วมภาคประชาชนบุก บช.น.ปราศัยหน้าทางเข้า ยืนยันปีนรั้วรัฐสภายุติบทบาท สนช. ทำเพื่อประเทศชาติ พร้อมมอบดอกกุหลาบแดง 10 แกนนำแนวร่วมภาคประชาชน ปีนรั้วบุกสภา ตบเท้ามอบตัวรับทราบ 5 ข้อหาฉกรรจ์ ออกโรงแถลงการณ์ “ตำรวจกลั่นแกล้งไม่มีความชอบธรรม” ประกาศกร้าวเคลื่อนพลบุก สตช. พบ “เสรีพิศุทธ์” ยกเลิกดำเนินคดี “จอน อึ๊งภากรณ์” พร้อมพวก ด้านทนายส่วนตัวแนะให้ปากคำเฉพาะประวัติส่วนตัว โบ้ยไม่พูดถึงพฤติการณ์ทางคดีรอให้การในชั้นศาล

วันนี้ (22 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ระหว่างรอการเข้ามอบตัวของ 10 แกนนำแนวร่วมภาคประชาชนที่ปลุกระดมสั่งการให้กลุ่มผู้ชุมนุมปีนรั้วบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาขัดขวางการพิจารณากฎหมายของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ภายหลังคณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงนครบาลได้รวบรวมพยานหลักฐานในความผิดชัดเจนนำไปสู่การออกหมายเรียก “นายจอน อึ๊งภากรณ์ “ ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) พร้อมพวก 10 คนมาสอบปากคำแจ้งข้อกล่าวหาว่า พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น.ในฐานะประธานคณะทำงานด้านการสอบสวนพร้อมทีมงานได้จัดเตรียมสถานที่ไว้พร้อมแล้วสำหรับการสอบปากคำโดยใช้ห้องประชุมชั้น 2 อาคารกองบัญชาการตำรวจนครบาลมีการติดตั้งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เครื่องใช้ไว้พร้อมเพรียง ขณะเดียวกัน ได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ไว้ 1 กองร้อย 150 นายดูแลความสงบเรียบร้อยจัดระเบียบกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมาให้กำลังใจให้อยู่ในขอบเขตที่วางไว้

โดยบรรยากาศบริเวณหน้าประตูทางเข้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลมีบรรดาผู้ชุมนุมทยอยกันเดินทางมาปักหลักพร้อมโบกธงสัญลักษณ์ไปมาและปราศรัยถึงบทบาทหน้าที่และการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาว่า ทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองแต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกลั่นแกล้งรังแก

ต่อมาแกนนำกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรีพร้อมด้วยคณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชน สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ สภาเครือข่ายองค์กรณ์ประชาชนแห่งประเทศไทย เครือข่ายสลัม 4 ภาค และสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยออกแถลงการณ์เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยุติการดำเนินคดีเอาผิดกับ 10 แกนนำที่ทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนจากเหตุการณ์การชุมนุมปืนรั้วบุกเข้าไปในในอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าการออกหมายเรียกและดำเนินคดีกล่าวโทษของตำรวจนครบาลต่อบุคคลทั้ง 10 คน ประกอบด้วย นายจอน อึ๊งภากรณ์ นายไพโรจน์ พลเพชร นายศิริชัย ไม้งาม นายสาวิทย์ แก้วหวาน น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง นายอำนาจ พละมี นายนัชเซอร์ ยีหมะ นายอนิรุตน์ ชาวสนิท และนายพิชิต ชัยมงคล นั้นไม่มีความชอบธรรมทั้งที่ทั้งหมดเสียสละเพื่อประเทศชาติ แต่ถูกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองออกหมายเรียกแจ้งข้อหาฉกรรจ์

ทั้งที่เป็นการชุมนุมที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตยในการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนพยายามหยุดยั้งไม่ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติออกกฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างรุนแรงไม่ต่างจากการก่ออาชญากรรมต่อความเป็นมนุษย์ ฉะนั้น แกนนำทั้ง 10 คนไม่ใช่ผู้กระทำความผิดจึงไม่จำเป็นต้องรับโทษ

ต่อมาเวลา 10.00 น. แกนนำผู้ชุมนุมทั้ง 10 คนเดินทางมาถึงได้พบปะพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่รออยู่ด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมทำพิธีมอบดอกกุหลาบสีแดงให้กำลังใจและร่วมกันร้องเพลงปลุกใจให้ร่วมกันฟันฝ่าไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคปัญหาต่างๆ และตะโกนร้องไชโยๆ สู้ๆๆ จากนั้นนายจอนพร้อมแกนนำรวม 10 คนที่ถูกออกหมายเรียกและกองเชียร์อีก 10 คนได้เดินเข้ามาในอาคารกองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อมอบตัวให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก โดยทุกคนมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส โดย พล.ต.ต.วิทยา โกสิยะสถิต รอง ผบช.น. รักษาการ ผบก.น.1 ทำหน้าที่อำนวยการดูแลความสงบเรียบร้อยได้ขอร้องให้ผู้ชุมนุมที่เหลืออยู่รอการสอบปากคำอยู่บริเวณด้านนอกอย่างสงบ โดยให้งดใช้เครื่องขยายเสียงอย่างเด็ดขาด ซึ่งผู้ชุมนุมต่างให้ความร่วมมือดี

ด้าน นายนิติพร ล้ำเหลือ ทนายความ 10 แกนนำผู้ชุมนุม กล่าวว่า นายจอนพร้อมพวกที่ถูกหมายเรียกพร้อมให้ปากคำในรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวทั้งหมดตามที่พนักงานสอบสวนจะซักถาม ส่วนพฤติการณ์ทางคดีตามข้อกล่าวหาต่างๆ นั้นผู้ถูกกล่าวหาจะไม่ขอพูดถึงและจะขอให้การในชั้นศาลภายหลัง

น.ส.วิไล แซ่เตีย ประธานคณะกรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวว่า หลังจากเสร็จสิ้นการสอบปากคำแล้วกลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. เรียกร้องให้พิจารณาทบทวนยกเลิกข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนตำรวจนครบาลทั้งหมดเนื่องจากไม่มีความชอบธรรม และหากมีการดำเนินคดีถึงที่สุดแล้วนั้นผู้นำองค์กรดังกล่าวจะได้รับโทษติดคุกเป็นเวลาหลายปีและจะมีผลกระทบต่อองค์กรและสังคมตามมาในภายหลัง

ต่อมา พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมภาคประชาชนปีนรั้วบุกรุกเข้าไปในอาคารรัฐสภายุติบทบาทการพิจารณากฎหมายของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ระดมทีมมพนักงานสอบสวนจาก สน.ดุสิต สน.สามเสน และ สน.พื้นที่ บก.น.1 รวม 20 นายแยกสอบปากคำนายจอน อึ้งภากรณ์ พร้อมพวกรวม 10 คน ดำเนินคดี 5 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันบุกรุกตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้กำลังประทุษร้าย 2.มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และไม่ยอมเลิกกระทำเมื่อพนักงานสั่งให้เลิกการกระทำ 3.ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องไม่กระทำการหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น 4.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย 5.ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ท่ามกลางบรรยากาศที่เคร่งเครียดโดยตั้งโต๊ะเรียงรายแยกสอบปากคำโดยรอบ
และเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพในเบื้องต้นเท่านั้น

พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.ตรวจความเรียบร้อยการสอบสวนพร้อมชี้แจงกับ 10 แกนนำผู้ชุมนุมว่า ตำรวจทุกนายมีหน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบ ตนเองเข้าใจดีว่าผู้ที่ถูกดำเนินคดีครั้งนี้ทั้งหมดนั้นมีความหวังดีต่อประเทศชาติ และต้องเข้าใจว่าตำรวจทำตามกฎหมายทำตามหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยในสังคม ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร พร้อมยืนยันให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานที่หลักฐานที่ปรากฏ ใครถูกผิดก็ว่าไปตามนั้น

ด้าน พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ซึ่งเดินทางมาควบคุมการปฏิบัติหน้าที่สอบสวนของคณะทำงานสอบสวนนครบาล กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว จากการสอบสวนเบื้องต้นทุกคนให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้กระทำความผิดและขอยื่นเรื่องให้การเพิ่มเติมถัดไปอีก 15 วันซึ่งพนักงานสอบสวนก็อนุมัติ ส่วนจะมีการสั่งฟ้องใครหรือไม่นั้นต้องพิจารณาไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ และต้องสอบสวนไปก่อนในชั้นนี้ยังไม่มีการเชื่อมโยงไปถึงบุลคคลอื่น ส่วนจะมีการดำเนินคดีกับบุคคลอื่นหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณา

ขณะที่ นายจอน อึ๊งภากรณ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) กล่าวว่า เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำลงไปถือเป็นการกระทำที่สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญและไม่ได้เป็นการทำร้ายใครทำโดยสิทธิตามกฎหมาย และเข้าใจการทำงานของตำรวจดีที่ตำรวจต้องทำตามหน้าที่ และขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเพราะพวกเราทั้งหมดไม่มีเจตนาทำความผิดตามข้อกล่าวหาทั้ง 5 ข้อหานั้น แต่สิ่งที่ทำไปเพื่อปกป้องประโยชน์ของสังคมและประเทศชาติโดยรวม
จอน อึ๊งภากรณ์ เข้ารับทราบข้อกล่าวหา
มีม็อบมาให้กำลังเพียบ
ม็อบให้กำลังใจ บริเวณหน้าบช.น.

กำลังโหลดความคิดเห็น