“ดีเอสไอ” รวบผู้จัดการทั่วไปบริษัท ไทยรับเบอร์ซิตี้ หลังพบหลักฐานร่วมกันบุกรุกแผ้วถางป่าสบกก กว่า 900 ไร่ เตรียมขยายผลคดีบุกรุกอีกกว่า 10,000 ไร่ และควานตัวผู้ต้องหาที่เหลืออีก 6 คน
วันนี้ (17 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายภิญโญ ทองชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ และ พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ผู้อำนวยการส่วนคดีอาญาพิเศษ 2 สำนักคดีอาญาพิเศษ ดีเอสไอ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมและตรวจค้นบริษัท ไทยรับเบอร์ซิตี้ จำกัด กรณีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าสบกก ตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จำนวน 918 ไร่ 92.875 ตารางวา ประเมินมูลค่าความเสียหายที่รัฐได้รับครั้งนี้เป็นเงิน 62,648,193 บาท
นายภิญโญ กล่าวว่า คดีนี้ดีเอสไอรับสำนวนมาจากจังหวัดเชียงราย เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่ามีกลุ่มอิทธิพลข่มขู่และวิ่งเต้นเพื่อล้มคดี ทั้งนี้ จากการสืบสวนสอบสวน ดีเอสไอมีพยานหลักฐานชัดเจนว่ามีการบุกรุกแผ้วถางป่าสงวนแห่งชาติ จึงได้นำหมายจับศาลอาญาเข้าจับกุม นายสมพงษ์ ศรีสุพจนางกูร อายุ 50 ปี ผู้จัดการทั่วไปบริษัท ไทยรับเบอร์ ซิตี้ จำกัด สาขาจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นผู้ต้องหา 1 ใน 7 คนตามหมายจับของศาลอาญา และได้นำหมายค้นบริษัท ไทยรับเบอร์ซิตี้ จำกัด ทั้งสาขาสมุทรปราการ และเชียงราย ผลการตรวจค้น ยึดเอกสารจำนวนมากมาตรวจสอบ โดยพนักงานสอบสวนจะเร่งสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาสั่งคดีภายในเดือนมกราคมนี้ ส่วนนายสมพงษ์นั้นได้นำตัวมาควบคุมไว้เพื่อสอบปากคำ ในเบื้องต้นให้การเป็นประโยชน์ถึงการเข้าไปในพื้นที่ป่าสบกกเพื่อปลูกยางพารา แต่ยังคงปฏิเสธว่าไม่ได้บุกรุกป่าสงวน
ด้าน พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า ดีเอสไอได้เข้าตรวจสอบการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสบกก พบว่ามีการบุกรุกเป็นบริเวณกว้างกว่า 10,000 ไร่ การจับกุมบริษัท ไทยรับเบอร์ซิตี้ จำกัด เป็นเพียงคดีแรกหลังตรวจสอบพบมีการบุกรุกป่ากว่า 900 ไร่ เพื่อเข้าไปปลูกยางพารา ยอมรับว่า คดีนี้มีผู้อิทธิพลอยู่เบื้องหลัง เพราะหลังรับคดีป่าสบกกเข้าเป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 3 ต.ค. 50 มีคำสั่งย้ายนางวันดี อินทร ปลัดอำเภอเชียงแสน ไปเป็นปลัดอำเภอเวียงชัย ทั้งที่นายวันดี เป็นผู้ทำประโยชน์ให้ต่อพื้นที่มาตลอด นอกจากนี้ยังมีการข่มขู่เรื่อยมา ล่าสุดเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา มีบุคคลอ้างตัวเป็นมือปืนโทรศัพท์เข้าไปข่มขู่นางวันดี ซึ่งนางวันดีได้เข้าแจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จังหวัดเชียงรายแล้ว หากพบว่ากลุ่มคนร้ายมีพฤติการณ์จะทำร้ายร่างกายนายวันดี ดีเอสไอจะส่งชุดเจ้าหน้าที่คุ้มครองพยานเข้าไปดูแล
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า สำหรับบริษัทไทยรับเบอร์ซิตี้ จำกัด ทำธุรกิจค้าขายน้ำยางพารา และมีบริษัทย่อยๆ อีกหลายแห่ง ดีเอสไอกำลังเร่งตรวจสอบกับกรมทะเบียนการค้าเพื่อให้ได้รายละเอียดของผู้ถือหุ้นของกลุ่มบริษัท ไทยรับเบอร์ฯ ว่ามีนายทุนต่างชาติรายใดเข้ามาถือหุ้นบ้าง สำหรับผู้ต้องหาตามหมายจับที่อยู่ระหว่างการติดตามตัวอีก 6 ราย ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่เป็นนายหน้าขายที่ดิน เจ้าหน้าที่ในบริษัท ไทยรับเบอร์ฯ และผู้ที่ให้เช่ารถแบ็กโฮเข้าไปแผ้วถางป่าสบกก
สำหรับคดีนี้ นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร้องขอให้ดีเอสไอสอบสวนการเข้าไปบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสบกก ฝั่งขวา โดยหลักฐานเบื้องต้นพบว่ามีนายทุนต่างชาติอยู่เบื้องหลังการกระทำความผิด มีการวางแผนเป็นขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การซื้อที่ดิน โดยให้นายหน้าเข้าไปกว้านซื้อที่ดินจากราษฎรที่เข้าไปบุกรุกที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติดังกล่าว จากนั้นได้จ้างวานใช้กลุ่มเจ้าของรถแบ็คโฮให้แผ้วถางทำลายป่า เพื่อปลูกสวนยางพารา ขณะนี้ดีเอสไอมีคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าดำเนินการแผ้วถางหรือปลุกยางพาราในที่ดินแปลงดังกล่าวแล้ว หากพบมีการฝ่าฝืน กลุ่มผู้ต้องหาจะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติม เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นเขตป่าสงวนจึงไม่สามารถนำมาออกเอกสารสิทธิได้
วันนี้ (17 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายภิญโญ ทองชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ และ พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ผู้อำนวยการส่วนคดีอาญาพิเศษ 2 สำนักคดีอาญาพิเศษ ดีเอสไอ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมและตรวจค้นบริษัท ไทยรับเบอร์ซิตี้ จำกัด กรณีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าสบกก ตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จำนวน 918 ไร่ 92.875 ตารางวา ประเมินมูลค่าความเสียหายที่รัฐได้รับครั้งนี้เป็นเงิน 62,648,193 บาท
นายภิญโญ กล่าวว่า คดีนี้ดีเอสไอรับสำนวนมาจากจังหวัดเชียงราย เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่ามีกลุ่มอิทธิพลข่มขู่และวิ่งเต้นเพื่อล้มคดี ทั้งนี้ จากการสืบสวนสอบสวน ดีเอสไอมีพยานหลักฐานชัดเจนว่ามีการบุกรุกแผ้วถางป่าสงวนแห่งชาติ จึงได้นำหมายจับศาลอาญาเข้าจับกุม นายสมพงษ์ ศรีสุพจนางกูร อายุ 50 ปี ผู้จัดการทั่วไปบริษัท ไทยรับเบอร์ ซิตี้ จำกัด สาขาจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นผู้ต้องหา 1 ใน 7 คนตามหมายจับของศาลอาญา และได้นำหมายค้นบริษัท ไทยรับเบอร์ซิตี้ จำกัด ทั้งสาขาสมุทรปราการ และเชียงราย ผลการตรวจค้น ยึดเอกสารจำนวนมากมาตรวจสอบ โดยพนักงานสอบสวนจะเร่งสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาสั่งคดีภายในเดือนมกราคมนี้ ส่วนนายสมพงษ์นั้นได้นำตัวมาควบคุมไว้เพื่อสอบปากคำ ในเบื้องต้นให้การเป็นประโยชน์ถึงการเข้าไปในพื้นที่ป่าสบกกเพื่อปลูกยางพารา แต่ยังคงปฏิเสธว่าไม่ได้บุกรุกป่าสงวน
ด้าน พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า ดีเอสไอได้เข้าตรวจสอบการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสบกก พบว่ามีการบุกรุกเป็นบริเวณกว้างกว่า 10,000 ไร่ การจับกุมบริษัท ไทยรับเบอร์ซิตี้ จำกัด เป็นเพียงคดีแรกหลังตรวจสอบพบมีการบุกรุกป่ากว่า 900 ไร่ เพื่อเข้าไปปลูกยางพารา ยอมรับว่า คดีนี้มีผู้อิทธิพลอยู่เบื้องหลัง เพราะหลังรับคดีป่าสบกกเข้าเป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 3 ต.ค. 50 มีคำสั่งย้ายนางวันดี อินทร ปลัดอำเภอเชียงแสน ไปเป็นปลัดอำเภอเวียงชัย ทั้งที่นายวันดี เป็นผู้ทำประโยชน์ให้ต่อพื้นที่มาตลอด นอกจากนี้ยังมีการข่มขู่เรื่อยมา ล่าสุดเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา มีบุคคลอ้างตัวเป็นมือปืนโทรศัพท์เข้าไปข่มขู่นางวันดี ซึ่งนางวันดีได้เข้าแจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จังหวัดเชียงรายแล้ว หากพบว่ากลุ่มคนร้ายมีพฤติการณ์จะทำร้ายร่างกายนายวันดี ดีเอสไอจะส่งชุดเจ้าหน้าที่คุ้มครองพยานเข้าไปดูแล
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า สำหรับบริษัทไทยรับเบอร์ซิตี้ จำกัด ทำธุรกิจค้าขายน้ำยางพารา และมีบริษัทย่อยๆ อีกหลายแห่ง ดีเอสไอกำลังเร่งตรวจสอบกับกรมทะเบียนการค้าเพื่อให้ได้รายละเอียดของผู้ถือหุ้นของกลุ่มบริษัท ไทยรับเบอร์ฯ ว่ามีนายทุนต่างชาติรายใดเข้ามาถือหุ้นบ้าง สำหรับผู้ต้องหาตามหมายจับที่อยู่ระหว่างการติดตามตัวอีก 6 ราย ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่เป็นนายหน้าขายที่ดิน เจ้าหน้าที่ในบริษัท ไทยรับเบอร์ฯ และผู้ที่ให้เช่ารถแบ็กโฮเข้าไปแผ้วถางป่าสบกก
สำหรับคดีนี้ นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร้องขอให้ดีเอสไอสอบสวนการเข้าไปบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสบกก ฝั่งขวา โดยหลักฐานเบื้องต้นพบว่ามีนายทุนต่างชาติอยู่เบื้องหลังการกระทำความผิด มีการวางแผนเป็นขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การซื้อที่ดิน โดยให้นายหน้าเข้าไปกว้านซื้อที่ดินจากราษฎรที่เข้าไปบุกรุกที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติดังกล่าว จากนั้นได้จ้างวานใช้กลุ่มเจ้าของรถแบ็คโฮให้แผ้วถางทำลายป่า เพื่อปลูกสวนยางพารา ขณะนี้ดีเอสไอมีคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าดำเนินการแผ้วถางหรือปลุกยางพาราในที่ดินแปลงดังกล่าวแล้ว หากพบมีการฝ่าฝืน กลุ่มผู้ต้องหาจะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติม เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นเขตป่าสงวนจึงไม่สามารถนำมาออกเอกสารสิทธิได้