รับฟ้องคดีมรดกหมื่นล้าน ตระกูล “พลางกูร” หลานสาวฟ้องคุณยายกับญาติผู้ใหญ่ ทำเอกสารเท็จโอนหุ้นพ่อแม่ที่เสียชีวิตมูลค่ากว่า 60 ล้าน ศาลนัดสืบพยานโจทก์ปากแรก 21 เม.ย.นี้
วันนี้ (16 ม.ค.) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลนัดฟังคำสั่งคดีที่ น.ส.วินิตา เลขวณิช อายุ 23 ปี ทายาทนายบรรเจิด พลางกูร อดีตอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เจ้าของมรดกหลายหมื่นล้านบาท เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางสมลักษณ์ พลางกูร ภรรยาของ ดร.บรรเจิด กับพวกซึ่งเป็นลูกหลานของ ดร.บรรเจิด เป็นจำเลยที่ 1-6 ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานลงในเอกสารมหาชน ที่มุ่งใช้เป็นพยานหลักฐานและลักทรัพย์รับของโจร รวม 3 ข้อหา
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพยานโจทก์ที่นำขึ้นเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องมีมูลจึงมีคำสั่งศาลประทับรับฟ้องคดีไว้เพื่อมีพิพากษาต่อไป โดยให้นัดสืบพยานโจทก์ปากแรกใน วันที่ 21 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
ภายหลัง น.ส.ฐิติมา พลางกูร ซึ่งเป็นป้าของ น.ส.วินิตา เปิดเผยว่า คดีนี้หลานสาวได้ฟ้องจำเลยทั้ง 6 เป็นคดีอาญาและเป็นส่วนหนึ่งของคดีความทั้งหมดหลายสำนวน โดยที่ตนมาเป็นพยานโจทก์ให้เพื่อช่วยเหลือให้หลานทั้งสองคน คือ น.ส.วินิตา และนายวราชัย เลขวณิช เรียกร้องสิทธิที่พึงมีพึงได้ต่อมรดก แทนนางต้องใจ พลางกูร มารดาของเด็กทั้งสองซึ่งเป็นทายาทผู้สืบสันดานของ ดร.บรรเจิด และมีสิทธิ์รับมรดกตกทอดจากกองมรดกกว่า 2 หมื่นล้านบาท
น.ส.ฐิติมา กล่าวต่อว่า คดีสำนวนนี้ตนได้เบิกความเป็นพยานปากที่ 2 โดยยืนยันต่อศาลว่าตระกูลพลางกูรมีทรัพย์สินส่วนหนึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ย่านเทศบาลเมืองพัทยา จ.ชลบุรี รวมกว่า 200 โฉนดมูลค่าในปัจจุบันกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยมีทายาทพลางกูรเข้ามาบริหารในนามบริษัท หาดทรายทอง จำกัด แต่ปรากฏว่าทายาทที่เป็นจำเลยในคดีนี้รวม 6 คนได้มีการโอนถ่ายทรัพย์สินของบิดาและมารดาโจทก์ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการรถแก๊สระเบิดที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เมื่อปี 2533 โดยมีการทำเอกสารเท็จว่าคนทั้งสองโอนหุ้นให้พวกจำเลยไปเมื่อปี 2546 ซึ่งจะเห็นได้ว่าคนที่ตายไปเมื่อ 14 ปีก่อนจะมาโอนหุ้นให้คนอื่นได้อย่างไร โดยที่ลูกของคนตายไม่รู้เรื่องเลย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้หลานทั้งสองต้องสูญเสียสิทธิที่พึงมีพึงได้เป็นเงินไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีมรดกตระกูลพลางกูร ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 พ.ย.50 ที่ผ่านมา น.ส.วินิตา ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอภิรัชต์ พลางกูร และเครือญาติ ในข้อหาเดียวกันกับคดีนี้ และศาลได้นัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาท แต่ทางฝ่ายจำเลยไม่ยอมเจรจา นอกจากนี้ยังมีคดีนี้ น.ส.วินิตา ยื่นคำร้องคัดค้านนางสมลักษณ์ให้แต่งตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาทอีกด้วย
วันนี้ (16 ม.ค.) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลนัดฟังคำสั่งคดีที่ น.ส.วินิตา เลขวณิช อายุ 23 ปี ทายาทนายบรรเจิด พลางกูร อดีตอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เจ้าของมรดกหลายหมื่นล้านบาท เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางสมลักษณ์ พลางกูร ภรรยาของ ดร.บรรเจิด กับพวกซึ่งเป็นลูกหลานของ ดร.บรรเจิด เป็นจำเลยที่ 1-6 ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานลงในเอกสารมหาชน ที่มุ่งใช้เป็นพยานหลักฐานและลักทรัพย์รับของโจร รวม 3 ข้อหา
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพยานโจทก์ที่นำขึ้นเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องมีมูลจึงมีคำสั่งศาลประทับรับฟ้องคดีไว้เพื่อมีพิพากษาต่อไป โดยให้นัดสืบพยานโจทก์ปากแรกใน วันที่ 21 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
ภายหลัง น.ส.ฐิติมา พลางกูร ซึ่งเป็นป้าของ น.ส.วินิตา เปิดเผยว่า คดีนี้หลานสาวได้ฟ้องจำเลยทั้ง 6 เป็นคดีอาญาและเป็นส่วนหนึ่งของคดีความทั้งหมดหลายสำนวน โดยที่ตนมาเป็นพยานโจทก์ให้เพื่อช่วยเหลือให้หลานทั้งสองคน คือ น.ส.วินิตา และนายวราชัย เลขวณิช เรียกร้องสิทธิที่พึงมีพึงได้ต่อมรดก แทนนางต้องใจ พลางกูร มารดาของเด็กทั้งสองซึ่งเป็นทายาทผู้สืบสันดานของ ดร.บรรเจิด และมีสิทธิ์รับมรดกตกทอดจากกองมรดกกว่า 2 หมื่นล้านบาท
น.ส.ฐิติมา กล่าวต่อว่า คดีสำนวนนี้ตนได้เบิกความเป็นพยานปากที่ 2 โดยยืนยันต่อศาลว่าตระกูลพลางกูรมีทรัพย์สินส่วนหนึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ย่านเทศบาลเมืองพัทยา จ.ชลบุรี รวมกว่า 200 โฉนดมูลค่าในปัจจุบันกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยมีทายาทพลางกูรเข้ามาบริหารในนามบริษัท หาดทรายทอง จำกัด แต่ปรากฏว่าทายาทที่เป็นจำเลยในคดีนี้รวม 6 คนได้มีการโอนถ่ายทรัพย์สินของบิดาและมารดาโจทก์ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการรถแก๊สระเบิดที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เมื่อปี 2533 โดยมีการทำเอกสารเท็จว่าคนทั้งสองโอนหุ้นให้พวกจำเลยไปเมื่อปี 2546 ซึ่งจะเห็นได้ว่าคนที่ตายไปเมื่อ 14 ปีก่อนจะมาโอนหุ้นให้คนอื่นได้อย่างไร โดยที่ลูกของคนตายไม่รู้เรื่องเลย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้หลานทั้งสองต้องสูญเสียสิทธิที่พึงมีพึงได้เป็นเงินไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีมรดกตระกูลพลางกูร ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 พ.ย.50 ที่ผ่านมา น.ส.วินิตา ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอภิรัชต์ พลางกูร และเครือญาติ ในข้อหาเดียวกันกับคดีนี้ และศาลได้นัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาท แต่ทางฝ่ายจำเลยไม่ยอมเจรจา นอกจากนี้ยังมีคดีนี้ น.ส.วินิตา ยื่นคำร้องคัดค้านนางสมลักษณ์ให้แต่งตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาทอีกด้วย
