กองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นห่วงสุขภาพตำรวจจราจร “รองภาณุ” สั่งเร่งตรวจสุขภาพให้ หวั่นเป็นอุปสรรคในการทำงาน พบในปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่ไขมันทะลัก
วันนี้ (15 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ได้ประสานความร่วมมือกับแผนกชีวเคมี คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ตรวจสุขภาพให้แก่ตำรวจจราจรซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตาม สน.ต่างๆ กว่า 3,000 นาย เริ่มตรวจตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการดูแลสุขภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ปฎิบัติงานอยู่ในพื้นที่ให้พร้อมปฎิบัติอยู่เสมอ จากรายงานของปีที่ผ่านๆ มา ผลการตรวจเลือดตำรวจจราจรพบว่า ส่วนใหญ่จะเป็นโรคเกี่ยวกับไขมันในเส้นเลือดสูง โรคคอเลสเตอรอล โรคตับ และการได้ยิน เป็นต้น ส่วนโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจพบน้อยลง ทั้งนี้จะทยอยตรวจแต่ละ สน.คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 เดือน ซึ่งผลการตรวจแต่ละคนก็จะมีการทำประวัติบันทึกเก็บไว้เพื่อเปรียบเทียบผลการตรวจในปีถัดไป
รอง ผบช.น.กล่าวยอมรับว่า ตำรวจจราจรไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย และขาดการพักผ่อน เนื่องจากต้องปฏิบัติหน้าที่เกือบตลอดทั้งวันทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย และในปีนี้จะเพิ่มการสุ่มตรวจ สน.พื้นที่ชั้นใน 7 แห่ง ได้แก่ สน.พญาไท สน.จักรวรรดิ สน.พลับพลาไชย 2 สน.ลุมพินี สน.ทองหล่อ สน.ปทุมวัน และ สน.ทุ่งมหาเมฆ โดยสุ่มตรวจตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป เพื่อตรวจหาสารตะกั่วตกค้างในร่างกายอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2548 สมัยที่ พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัติ ดำรงตำแหน่ง ผบช.น.ได้จัดโครงการ “โอ้โห ตำรวจ 40 นิ้ว(รอบเอวนะจ๊ะ)” ที่ให้ตำรวจจราจรลดน้ำหนักและลดรอบเอว ซึ่งได้ผลเกินคาดเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ จากผู้เข้าร่วมโครงการ 83 คน สามารถลดน้ำหนักและรอบเอวได้ถึง 82 คน จากนั้นได้สานต่อโครงการ “ลดยาวชัวร์(ครัวที่บ้าน)” ให้ภรรยาตำรวจจราจรรู้จักหลักโภชนาการ เพื่อไม่ให้กลับมาตุ๊ต๊ะตุ้ยนุ้ยอีกครั้ง แต่ก็มาเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีกจนได้
วันนี้ (15 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ได้ประสานความร่วมมือกับแผนกชีวเคมี คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ตรวจสุขภาพให้แก่ตำรวจจราจรซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตาม สน.ต่างๆ กว่า 3,000 นาย เริ่มตรวจตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการดูแลสุขภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ปฎิบัติงานอยู่ในพื้นที่ให้พร้อมปฎิบัติอยู่เสมอ จากรายงานของปีที่ผ่านๆ มา ผลการตรวจเลือดตำรวจจราจรพบว่า ส่วนใหญ่จะเป็นโรคเกี่ยวกับไขมันในเส้นเลือดสูง โรคคอเลสเตอรอล โรคตับ และการได้ยิน เป็นต้น ส่วนโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจพบน้อยลง ทั้งนี้จะทยอยตรวจแต่ละ สน.คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 เดือน ซึ่งผลการตรวจแต่ละคนก็จะมีการทำประวัติบันทึกเก็บไว้เพื่อเปรียบเทียบผลการตรวจในปีถัดไป
รอง ผบช.น.กล่าวยอมรับว่า ตำรวจจราจรไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย และขาดการพักผ่อน เนื่องจากต้องปฏิบัติหน้าที่เกือบตลอดทั้งวันทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย และในปีนี้จะเพิ่มการสุ่มตรวจ สน.พื้นที่ชั้นใน 7 แห่ง ได้แก่ สน.พญาไท สน.จักรวรรดิ สน.พลับพลาไชย 2 สน.ลุมพินี สน.ทองหล่อ สน.ปทุมวัน และ สน.ทุ่งมหาเมฆ โดยสุ่มตรวจตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป เพื่อตรวจหาสารตะกั่วตกค้างในร่างกายอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2548 สมัยที่ พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัติ ดำรงตำแหน่ง ผบช.น.ได้จัดโครงการ “โอ้โห ตำรวจ 40 นิ้ว(รอบเอวนะจ๊ะ)” ที่ให้ตำรวจจราจรลดน้ำหนักและลดรอบเอว ซึ่งได้ผลเกินคาดเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ จากผู้เข้าร่วมโครงการ 83 คน สามารถลดน้ำหนักและรอบเอวได้ถึง 82 คน จากนั้นได้สานต่อโครงการ “ลดยาวชัวร์(ครัวที่บ้าน)” ให้ภรรยาตำรวจจราจรรู้จักหลักโภชนาการ เพื่อไม่ให้กลับมาตุ๊ต๊ะตุ้ยนุ้ยอีกครั้ง แต่ก็มาเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีกจนได้
