xs
xsm
sm
md
lg

“แรมโบ้อีสาน” ตัวสั่น! ร้อง “เสรีพิศุทธ์” ลากคอคนร้ายวางบึ้มบ้าน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

“สุพร อัตถาวงศ์” เจ้าของฉายา “แรมโบ้อีสาน” เข้าร้องทุกข์กับ ผบ.ตร.ให้เร่งคลี่คลายคดีคนร้ายลอบวางระเบิดหน้าบ้าน จนตำรวจที่เชื่อว่า เป็นพวกฝ่ายตรงข้ามที่มาวางระเบิดเสียชีวิต เพราะระเบิดทำงานก่อน หลังเจ้าตัวถูกลอบยิงเจียนตายมาครั้งหนึ่งแล้ว

วันนี้ (14 ม.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น.นายสุพร อัตถาวงศ์ เจ้าของฉายาแรมโบ้อีสาน อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรค ทรท.111 คน ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง เดินทางเข้ายื่นหนังสือกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.เพื่อให้ดำเนินการติดตามความคืบหน้าของคดี หลังเกิดเหตุระเบิดที่หน้าสำนักงานเลขที่ 38 หมู่ 3 เขตเทศบาลตำบลเสิงสาง อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และแรงระเบิดส่งผลให้บ้านหลังดังกล่าวได้รับความเสียหายบริเวณหลังคา และหน้าต่างกระจกแตกหลายบาน เหตุเกิดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา

นายสุพร กล่าวว่า วันนี้ที่ตนเองเดินทางมา เพื่อให้ ผบ.ตร.ดำเนินการติดตามคดีให้ 2 คดีด้วยกัน โดยคดีแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา ตนเองถูกยิงได้รับบาดเจ็บ มีกระสุนฝังหลายแผล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน แต่ยังไม่สามารถหาตัวผู้บงการได้ จับได้เพียงมือปืน 2 คน และเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็เคยมาร้องเรียนถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์แล้วผ่านตัวแทน แต่ตำรวจพื้นที่ก็ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ที่จะสาวถึงผู้บงการ จนต้องดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานฟ้องร้องต่อศาลจังหวัดนครราชสีมาเอง โดยฟ้อง นายสมศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล และ นายวีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล สองพี่น้องในข้อหาจ้างวานฆ่า โดยศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 21 ม.ค.นี้ จึงอยากร้องขอให้ตำรวจส่วนกลางลงไปทำคดีเพื่อคลี่คลายคดีให้ได้

“เหตุการณ์ครั้งแรกผ่านไปได้ 6 เดือน คิดว่าคงไม่มีใครมาลอบสังหาร เหตุการณ์น่าจะยุติ เพราะครั้งแรกลอบสังหารไม่สำเร็จ จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ก็ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเป็นการลอบวางระเบิดที่บ้านพักของตนเอง โดยใช้ตำรวจในเครื่องแบบมาเตรียมวางระเบิดชนิดรุนแรง คาดว่า จะนำมาติดที่รถตนเองหวังเอาชีวิต แต่โชคดีที่ตนเองออกไปทานข้าวข้างนอก มีลูกน้องอยู่ในบ้าน แต่ระเบิดก็ระเบิดเสียก่อน ก่อนที่จะมีการติดตั้งสำเร็จ” นายสุพร กล่าว

นายสุพร กล่าวต่อว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ตนหวาดกลัวมาก เพราะตำรวจที่อยู่ในเครื่องแบบทำเสียเอง ขวัญกำลังใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตนเองเคยดำรงตำแหน่ง ส.ส.เลขานุการรัฐมนตรีมาหลายสมัยยังถูกคุกคามแบบนี้ ประชาชนคนธรรมดาจะอยู่อย่างไร จึงมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้จัดชุดสืบสวนจากส่วนกลางลงไปทำงานจับกุมคนร้ายมาลงโทษ การที่คนทำเป็นตำรวจด้วยก็จะทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสื่อมเสีย ต้องหาให้ได้ว่าใครที่สามารถจ้างตำรวจมาเป็นโจรได้ เรื่องนี้เป็นขบวนการที่ลึกลับซับซ้อน คนบงการมีอิทธิพลด้านการเงินและการเมือง ไม่เชื่อว่าตำรวจในพื้นที่จะให้ความเป็นธรรม ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้พูดคุยกับตำรวจในพื้นที่ ทั้ง ผบช. ผบก.จะมีคุยก็กับรอง ผบก.และหัวหน้าชุดปฏิบัติงานเท่านั้น

นายสุพร กล่าวว่า วันนี้นำหลักฐานเป็นหนังสือเร่งรัดการจับกุมผู้บงการมาลงโทษ เพราะเชื่อว่าเหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์ผู้บงการ หรือกลุ่มที่ทำเป็นกลุ่มเดียวกัน พร้อมนำหลักฐานภาพถ่ายในที่เกิดเหตุมาด้วย ส่วนเรื่องการขอกำลังมาดูแลความปลอดภัยนั้น ได้พูดคุยกับ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.แล้ว ทาง พล.ต.อ.วงกต ยินดีที่จะส่งตำรวจส่วนกลางไปดูแล ซึ่งเรื่องนี้คงต้องคุยกันอีกครั้งถ้าตนเองลงไปในพื้นที่ก็จะขอกำลังดูแล แต่ถ้าไม่ลงไปในพื้นที่ก็คงไม่ต้อง

“ผมเองรู้ว่าผู้บงการเป็นใคร ตำรวจในพื้นที่ก็รู้เป็นอดีตนักการเมืองระดับชาติของพรรคไทยรักไทย อยู่ในบ้านเลขที่ 111 เป็นนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ในเมืองโคราช แต่ตอนนี้อยู่คนละพรรคกันแล้ว ที่พูดไม่กลัวโดนฟ้อง เพราะไม่ได้เอ่ยชื่อใคร ส่วนประเด็นที่มีการลอบฆ่าผมนั้นเป็นประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งเรื่องธุรกิจ และความขัดแย้งส่วนตัว ซึ่งมีปัญหากันมานานมาก ผมจบแล้วแต่เขายังไม่จบ เคยแม้กระทั่งเซ็นสัญญาต่อหน้านายสุวัจน์ ลิปตพัภลภ” นายสุพร กล่าว

นายสุพร กล่าวต่อว่า สำหรับ ด.ต.ดำเนิน เมสูงเนิน ผบ.หมู่ สภ.สูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุนั้นมีพยานหลายปากเห็นว่าเป็นคนติดตามอดีตนักการเมืองชื่อดังคนที่มีปัญหากันอยู่ ซึ่งพยานเป็นอดีต ผกก.อดีต ส.ส.อดีตคุณนายอดีต ผกก.ยืนยันได้ และตนเองก็เคยเห็น ด.ต.ดำเนิน ติดตามอดีตนักการเมืองคนนี้ครั้งหนึ่ง ส่วนคดีตอนนี้ทราบว่าตำรวจทราบว่ามือวางระเบิดใช้รถเก๋งโตโยต้า วีออส สีดำ ทราบหมายเลขทะเบียนแล้ว ส่วนคนขับรถหนีไปหลังเกิดเหตุอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวอยู่ มีพยานเป็นชาวบ้านแถวนั้นเห็น

“หลังเกิดเหตุยังไม่กล้าเข้าพื้นที่ เพราะเชื่อว่ามีครั้งที่ 2 ก็ต้องมีครั้งที่ 3 และฝ่ายตรงข้ามก็ข่มขู่อยู่ตลอดจะเอาชีวิต ตอนนี้บอกได้แค่ว่าอยู่ในประเทศไทย ก่อนเกิดเหตุทีมงานก็เตือนให้ระวังตัวอยู่ตลอด เพราะฝ่ายตรงกันข้ามขู่จะจัดการตนเองให้ได้ แต่ตนเองก็ไม่พบว่ามีใครมาติดตามก่อนเกิดเหตุ จะมีก็มาขับรถวนไปวนมาบริเวณบ้านขับรถตามหลังเมื่อเข้าพื้นที่ หลังเกิดเหตุก็มีผู้บริหารพรรคพลังประชาชนโทรมาให้กำลังใจไม่ให้ท้อ” นายสุพร กล่าว

ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เรื่องลอบยิงที่เกิดเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา พยายามกำชับให้ตำรวจติดตามคนร้าย ซึ่งตำรวจพื้นที่ก็ดำเนินการไป จับคนร้ายได้ 2 คน ส่วนตัวผู้บงการพยานหลักฐานที่มีอาจไปไม่ถึง ซึ่งไม่ใช่ประเด็นที่น่าห่วงถ้ามีพยานหลักฐานเพิ่มเข้ามาก็สามารถดำเนินการได้ ซึ่งจะตั้งชุดสืบสวนพิเศษมาทำงานให้ ส่วนเรื่องการไปฟ้องต่อศาลเองนั้นศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องก็ยังไม่รู้ว่ามีมูลหรือไม่มีมูล ซึ่งถ้ามีขอมูลหลักฐานก็ให้ตำรวจดำเนินการได้ คิดว่าเรื่องนี้คงไม่จบแค่นี้

ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ส่วนคดีที่ 2 ก็เชื่อว่า นายสมพร เป็นคนดีทำให้แคล้วคลาดมาได้ก็อย่าได้ประมาท ซึ่งคดีนี้จะให้ผู้บังคับบัญชาระกับ ตร.ลงไปดูแล แต่ยังไม่รู้ว่าจะมอบหมายให้ใครต้องดูข้อมูลรายละเอียดก่อน ซึ่งจะตั้งคณะทำงานเป็น 2 ชุด ใช้ตำรวจส่วนกลางลงไปทำงานเพื่อดูแลทั้งสองคดีแยกกันทำงาน ส่วน ด.ต.ดำเนิน ที่เสียชีวิตในจุดเกิดเหตุจะใช่คนที่เอาระเบิดไปวางหรือไม่นั้นต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน เพราะเหตุเกิดได้ไม่นาน ส่วนเรื่องอิทธิพลในพื้นที่ก็ไม่มีปัญหากับการทำงานของตำรวจ เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงเวลาที่การเมืองยังไม่นิ่งจะมีมาตรการป้องกันเหตุรุนแรงที่เกิดจากความขัดแย้งด้านการเมืองอย่างไร ผบ.ตร.กล่าวว่า เราก็ใช้มาตรการปกติ ดูแลทุกพื้นที่ พื้นที่ไหนดูว่าจะมีความขัดแย้งสูงก็ให้ตำรวจส่วนกลางลงไปช่วยเป็นกำลังสนับสนุน ส่วนพื้นที่ไหนที่ปกติก็ให้ภูธรภาครับผิดชอบไป
นายสุพร เข้ายื่นหนังสือและหลักฐานกับผบ.ตร.
โชว์ภาพถ่ายเหยื่อที่ถูกบึ้ม
ชี้แจงสาเหตุต่างๆของที่มา
ยืนร้องขอความเป็นธรรม เหมือนลูกนกลูกกา ไม่เหมือนครั้งสวมบทแรมโบ้เมื่ออยู่ในสภาฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น