พ่อค้าขายรองเท้ามือสองหน้ารามฯ วิ่งโรเข้าแจ้งความถูกทหารยศ “พันตรี” สังกัด กอ.รมน.ฉ้อโกง รับปากทวงหนี้ให้แต่ต้องเสียค่าใช้จ่าย 5,000 บาท หลงเชื่อโอนเงินให้กลับหายตัวไม่ยอมติดต่อ ตร.ระบุคดีหมดอายุความแนะนำให้ไปฟ้องศาลแพ่งกับต้นสังกัด
วันนี้ (13 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น. นายอรรถพล บิลมาศ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ที่ 11 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช อาชีพขายรองเท้ามือสองหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง เดินทางเข้าพบ ร.ต.ต.เมธี มณีวงศ์ พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.หัวหมาก เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ พ.ต.ไชยา บัวขาว ทหารสังกัด กอ.รมน.ในข้อหาฉ้อโกง พร้อมนำสลิปโอนเงินมามอบให้เป็นหลักฐานด้วย
โดย นายอรรถพล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เพื่อนได้แนะนำให้รู้จักกับ พ.ต.ไชยา จึงปรับทุกข์ถึงเรื่องที่ญาติแฟนถูกลูกหนี้เบี้ยวเงินที่กู้ยืมไปจำนวน 6 แสนบาทให้ฟัง พ.ต.ไชยาจึงอาสาช่วยเหลือติมตามหนี้ให้ พร้อมทั้งขอดูหนังสือสัญญาการกู้เงิน โดยสามีของลูกหนี้ซึ่งเป็นทหารใน จ.ฉะเชิงเทรา เป็นผู้ค้ำประกัน ต่อมา พ.ต.ไชยา ได้มามาพบที่ห้องพักย่านรามคำแหง ก่อนอ้างว่ามีพรรคพวกเป็นผู้บังคับบัญชาทหารที่ค้ำประกันอยู่ และได้ประสานให้เพื่อนไปเคลียร์ให้ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวน 5,000 บาทเป็นค่าเดินทาง ต่อมาวันที่ 15 ก.ย.50 แฟนสาวได้โอนเงินเข้าบัญชีชื่อบัญชี ไชยา บัวขาว จำนวน 5,000 บาท
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า จากนั้นได้โทร.ถามความคืบหน้ากับ พ.ต.ไชยา มาตลอด แต่เจ้าตัวอ้างว่ากำลังดำเนินการอยู่ให้รออีกหน่อย ต่อมาก็ได้โทร.ถามอีกแต่กลับอ้างว่าติดราชการ จนเมื่อช่วงต้นเดือน ธ.ค.ถึง ม.ค. พ.ต.ไชยา กลับไม่รับสายและตัดสายทิ้งตลอดจึงมั่นใจว่าถูกหลอกลวงแน่นอนแล้วจึงเข้าแจ้งความดังกล่าว
“เขาชอบโทรศัพท์คุยกับทหารและตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้ฟังต่อหน้าหลายครั้ง ผมหลงเชื่อจนถูกหลอกลวงดังกล่าว ที่มาแจ้งความไม่ใช่เพราะเสียดายเงิน แต่ไม่อยากให้เขาไปทำกับคนอื่นอีก” นายอรรถพล กล่าว
ด้าน ร.ต.ต.เมธี กล่าวว่า เบื้องต้นไม่สามารถรับแจ้งความเอาผิดทางอาญาต่อ พ.ต.ไชยาได้เพราะคดีหมดอายุความแล้ว จึงได้แนะนำไปฟ้องร้องต่อศาลแพ่ง หรือร้องเรียนผู้บังคับบัญชา ของ พ.ต.ไชยา อีกที
วันนี้ (13 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น. นายอรรถพล บิลมาศ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ที่ 11 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช อาชีพขายรองเท้ามือสองหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง เดินทางเข้าพบ ร.ต.ต.เมธี มณีวงศ์ พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.หัวหมาก เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ พ.ต.ไชยา บัวขาว ทหารสังกัด กอ.รมน.ในข้อหาฉ้อโกง พร้อมนำสลิปโอนเงินมามอบให้เป็นหลักฐานด้วย
โดย นายอรรถพล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เพื่อนได้แนะนำให้รู้จักกับ พ.ต.ไชยา จึงปรับทุกข์ถึงเรื่องที่ญาติแฟนถูกลูกหนี้เบี้ยวเงินที่กู้ยืมไปจำนวน 6 แสนบาทให้ฟัง พ.ต.ไชยาจึงอาสาช่วยเหลือติมตามหนี้ให้ พร้อมทั้งขอดูหนังสือสัญญาการกู้เงิน โดยสามีของลูกหนี้ซึ่งเป็นทหารใน จ.ฉะเชิงเทรา เป็นผู้ค้ำประกัน ต่อมา พ.ต.ไชยา ได้มามาพบที่ห้องพักย่านรามคำแหง ก่อนอ้างว่ามีพรรคพวกเป็นผู้บังคับบัญชาทหารที่ค้ำประกันอยู่ และได้ประสานให้เพื่อนไปเคลียร์ให้ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวน 5,000 บาทเป็นค่าเดินทาง ต่อมาวันที่ 15 ก.ย.50 แฟนสาวได้โอนเงินเข้าบัญชีชื่อบัญชี ไชยา บัวขาว จำนวน 5,000 บาท
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า จากนั้นได้โทร.ถามความคืบหน้ากับ พ.ต.ไชยา มาตลอด แต่เจ้าตัวอ้างว่ากำลังดำเนินการอยู่ให้รออีกหน่อย ต่อมาก็ได้โทร.ถามอีกแต่กลับอ้างว่าติดราชการ จนเมื่อช่วงต้นเดือน ธ.ค.ถึง ม.ค. พ.ต.ไชยา กลับไม่รับสายและตัดสายทิ้งตลอดจึงมั่นใจว่าถูกหลอกลวงแน่นอนแล้วจึงเข้าแจ้งความดังกล่าว
“เขาชอบโทรศัพท์คุยกับทหารและตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้ฟังต่อหน้าหลายครั้ง ผมหลงเชื่อจนถูกหลอกลวงดังกล่าว ที่มาแจ้งความไม่ใช่เพราะเสียดายเงิน แต่ไม่อยากให้เขาไปทำกับคนอื่นอีก” นายอรรถพล กล่าว
ด้าน ร.ต.ต.เมธี กล่าวว่า เบื้องต้นไม่สามารถรับแจ้งความเอาผิดทางอาญาต่อ พ.ต.ไชยาได้เพราะคดีหมดอายุความแล้ว จึงได้แนะนำไปฟ้องร้องต่อศาลแพ่ง หรือร้องเรียนผู้บังคับบัญชา ของ พ.ต.ไชยา อีกที
