xs
xsm
sm
md
lg

ตรวจโควิด-19 ประกันสังคมมีสิทธิไหมครับ?

เผยแพร่:   โดย: กิตตินันท์ นาคทอง



กิตตินันท์ นาคทอง Facebook.com/kittinanlive

การแถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดสมุทรสาคร ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2563 ถือเป็นวันช็อกโลกของใครหลายคน รวมทั้งผู้เขียนซึ่งเป็นชาวสมุทรสาครด้วย

ช่วงเวลานั้นไปทำข่าวที่ต่างจังหวัด แม้ว่าทางจังหวัดที่ไป จะทำแบบสอบถามแล้วว่าร่างกายยังปกติ ไม่มีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ไม่ได้สูญเสียการรับรสหรือการได้กลิ่น แต่ระหว่างชมการแถลงข่าวก็มีความวิตกกังวลอยู่บ้าง

ต้องขอบคุณทางผู้จัดงานที่เข้าใจสถานการณ์ และแนะนำให้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทันทีเมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ เพื่อความสบายใจของผู้ร่วมทริปทุกคน โดยทางผู้จัดงานจะช่วยค่าใช้จ่ายให้ จึงได้มีโอกาสไปตรวจโควิด-19 ครั้งแรกในชีวิต

โดยปกติแล้ว การตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 จะมีอยู่วิธีหลักๆ ได้แก่ ตรวจสารพันธุกรรมของไวรัสด้วยวิธี Realtime PCR (RT PCR) โดยการใช้ไม้สอดจมูก (Nasal Swab) ซึ่งเป็นวิธีที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำ

วิธีการนี้ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป เพราะสามารถตรวจจับเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งทางเดินหายใจส่วนบน ส่วนล่าง ในรูปแบบของสารพันธุกรรมได้ในปริมาณน้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อเป็น เชื้อตาย หรือซากเชื้อ ตรวจจับได้หมด

แต่ข้อเสียคือ แม้จะทราบผลภายใน 3-5 ชั่วโมง แต่เนื่องจากในขณะนี้มีผู้เข้ารับการตรวจเป็นจำนวนมาก ทำให้ทราบผลได้ช้า อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่สูง ยิ่งถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายอย่างต่ำอยู่ที่ 4-5 พันบาทต่อครั้ง

อีกอย่างหนึ่ง คือ การตรวจภูมิคุ้มกันด้วยชุดทดสอบแบบรวดเร็ว หรือ Rapid Test โดยการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว ที่แม้จะทราบผลเร็วสมชื่อ และมีราคาถูกกว่า แต่จะได้ผลดีในกรณีหลังมีอาการป่วย 5-7 วัน หรือได้รับเชื้อมาแล้ว 10-14 วัน

หากตรวจก่อนหน้านั้นผลที่ออกมาจะเป็นลบ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่พบเชื้อโควิด-19 เพราะภูมิคุ้มกันยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งโดยปกติธรรมชาติของร่างกายเมื่อได้รับเชื้อผ่านไปสักระยะ ร่างกายก็จะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อสู้กับเชื้อโรค


หลังนั่งเครื่องบินจากต่างจังหวัดกลับถึงกรุงเทพฯ ในช่วงเย็น และถึงบ้านในตอนค่ำ เช้าวันต่อมาจึงตัดสินใจไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง เพราะโรงพยาบาลเอกชนปิดรับการตรวจแล้วตั้งแต่เมื่อเย็นที่ผ่านมา

อีกทั้งเทียบกันแล้ว ค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลของรัฐถูกกว่าโรงพยาบาลเอกชนประมาณ 1,000-1,500 บาท แม้อีกด้านหนึ่งจะมีบริการตรวจฟรีตามสิทธิ แต่เพื่อความรวดเร็วจึงชำระเงินเอง ซึ่งที่นี่จะเป็นแบบวันสตอปเซอร์วิสแยกส่วนต่างหาก

หลังจากลงนามในใบยินยอม ชำระเงิน รับชุดตรวจที่มีชื่อตนเองแล้ว ไม่นานนักก็เข้ารับการตรวจในห้องความดันลบ ผู้เขียนยืนที่หน้าฉากกระจกกั้น เจ้าหน้าที่สวมถุงมือเข้ามาเก็บตัวอย่าง โดยการแกะไม้สอดจมูกแล้วสอดจมูกลึกเข้าไป

หลายคนกังวลว่า เวลาโดนไม้สอดเข้าไปในโพรงจมูกจะเจ็บหรือไม่ บอกตามตรงว่าเจ็บไม่มาก ออกแนวเจ็บจี๊ดเพียงไม่กี่วินาที ต่างจากการฉีดยาและเจาะเลือดที่เจ็บกว่า แถมอย่างหลังยังได้แผลเล็กๆ จากการเจาะกลับไปด้วย

ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ออกจากห้องความดันลบ แล้วกลับบ้านได้ รอรับผลการตรวจ ซึ่งทางโรงพยาบาลจะให้เลือกระหว่างมารับผลด้วยตัวเอง หรือจะให้ส่งผ่านทางไลน์ของโรงพยาบาล ซึ่งผู้เขียนเลือกอย่างหลังเพราะสะดวกกว่า

ช่วงที่เครียดและกดดันที่สุด ก็คือช่วงที่รอผลการตรวจ เพราะถึงแม้ว่าเราจะผ่านการดูแลตัวเองอย่างดี การ์ดไม่ตกในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็เกิดภาวะที่ต้องลุ้นว่าจะติดหรือไม่ เกิดความวิตกกังวลแทบจะไม่เป็นอันทำอะไร

เมื่อได้รับแจ้งว่า ขณะนี้มีผู้เข้ารับการตรวจเป็นจำนวนมาก อาจจะได้รับผลการตรวจช้ากว่า 24 ชั่วโมง อย่างช้าที่สุดอยู่ที่ 2-3 วัน ก็ยิ่งกดดันว่าผลการตรวจจะเป็นบวกหรือไม่ อีกทั้งเป็นช่วงที่ไม่อยากอยู่ใกล้ใคร เพราะไม่อยากพลาดไปถึงผู้อื่น

11 โมงเช้าของอีกวันหนึ่ง ทางโรงพยาบาลโทรศัพท์แจ้งว่า ผลการตรวจปกติ ให้รอรับผลทางไลน์ ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาจึงได้รับผลการตรวจเป็นสำเนาไฟล์ PDF ซึ่งทางผู้จัดงานบอกว่ารู้สึกสบายใจขึ้น และว่าตื่นเต้นดี ถ้าผลออกมาแฮปปี้

มีคนสงสัยว่า ถ้าผลการตรวจเป็นบวกจะทำอย่างไร ทราบว่าทางโรงพยาบาลจะโทรศัพท์แจ้งไปยังสาธารณสุขจังหวัด แล้วจะนำผู้ติดเชื้อไปกักตัวที่โรงพยาบาล ก่อนจะค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดเพื่อเข้ารับการตรวจเพิ่มเติม

ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทางโรงพยาบาลจะรักษาอาการให้หายขาด จากนั้นจะกักตัวอีกระยะหนึ่งเพื่อสังเกตอาการ หากร่างกายแข็งแรงปกติ มีภูมิคุ้มกันที่ดี จึงจะจำหน่ายผู้ป่วย และอนุญาตให้กลับบ้านได้

ทราบมาว่า โรงพยาบาลแต่ละแห่งจะคิดค่าใช้จ่ายในการตรวจเชื้อโควิด-19 แบบ Realtime PCR ไม่เหมือนกัน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ค่าตรวจผ่านห้องปฏิบัติการ กับค่าใบรับรองแพทย์ เข้าใจว่าเนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานแตกต่างกันไป


การตรวจโควิด-19 แบบชำระเงินเอง ถูกที่สุดอยู่ที่สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ถนนพหลโยธิน ตรงข้ามวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ บางเขน ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,500 บาทต่อราย ที่ผ่านมามีหลายคนบอกต่อให้ไปตรวจที่นี่ เพราะค่าใช้จ่ายถูกกว่า

แต่ในสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ ถ้ามาจากพื้นที่เสี่ยงอย่างเช่นสมุทรสาคร และอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง สามารถเข้ารับการตรวจได้ฟรี อย่างเพื่อนที่เป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ยังไปเข้ารับการตรวจที่สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี

ที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร ก็ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ฟรีเช่นกัน แต่ต้องรอผลการตรวจประมาณ 2-3 วัน ทราบว่าผู้สื่อข่าวที่ไปทำข่าวติดตามผู้ว่าฯ สมุทรสาครในวันนั้น พอทราบว่าผู้ว่าฯ ติดโควิด-19 ก็แห่เข้ารับการตรวจเช่นเดียวกัน

แม้ว่าการตรวจโควิด-19 ครั้งนี้ผู้จัดงานจะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย แต่หากนึกสภาพตนเองหากต้องชำระเงินเองจริงๆ จะมีอะไรมาช่วยได้บ้าง เพราะค่าใช้จ่ายนับพันบาท เทียบกับมนุษย์เงินเดือนและคนหาเช้ากินค่ำถือว่าไม่ใช่น้อยๆ

นึกถึง "ประกันสังคม" ที่ถูกหักจากเงินเดือนเป็นประจำ จะช่วยอะไรได้บ้าง ทราบมาว่าหากผู้ประกันตนเข้ารับการตรวจ แล้วพบว่าผลเป็นบวก รักษาเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ฟรี ในสถานพยาบาลตามสิทธิที่เป็นคู่สัญญา 242 แห่งทั่วประเทศ

หรือหากเจ็บป่วยฉุกเฉิน ไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิได้ สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก่อนก็ได้เช่นกัน อีกทั้งกรณีหยุดพักรักษาตัวตามคำสั่งแพทย์ ยังได้รับเงินทดแทน 50% ของค่าจ้าง

แต่ถ้าไม่ได้มีอาการใดๆ ไม่มีไข้ ไอ เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่ได้รับรส แต่ไม่แน่ใจว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือไปในสถานที่เสี่ยงหรือไม่ ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลเพื่อความสบายใจ สุดท้ายประชาชนยังต้องชำระเงินเอง

ภาพ : MGR PHOTO
อยากให้สำนักงานประกันสังคมพิจารณาว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้สิทธิผู้ประกันตนตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ฟรี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เหมือนกับตรวจสุขภาพประจำปีฟรี ปีละ 1 ครั้ง ซึ่งหลายคนไม่ทราบ หรือทราบก็มีน้อยคนนักที่ใช้บริการ

หรืออย่างน้อยถ้าแต่ละโรงพยาบาลมีต้นทุนการตรวจโควิด-19 ไม่เหมือนกัน ก็ช่วยออกค่าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้เหมือนกับสิทธิรักษาทางทันตกรรม 900 บาทต่อปีก็ยังดี เหมือนกับให้ส่วนลดหรือช่วยผู้ประกันตนออกค่าตรวจไปในตัว

อาจจะมีคนเห็นแย้งว่า เดี๋ยววัคซีนก็จะมาในช่วงกลางปีนี้แล้ว แต่บอกตามตรงว่า จะแน่ใจได้อย่างไรว่าวัคซีนที่ได้รับจะเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานเสียภาษีเงินได้ให้รัฐทุกปี แต่เข้าถึงสวัสดิการน้อยกว่าผู้อื่น

ในบรรดาของขวัญปีใหม่ที่สำนักงานประกันสังคมนำเสนอออกมา มีแต่ของขวัญที่ไม่อยากได้ เช่น เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร ค่าคลอดบุตร ค่าฝากครรภ์ ที่คนโสด ไม่มีเมีย ไม่มีลูก คงไม่ได้ใช้ ทำไมไม่มีอะไรที่ผู้ประกันตนอย่างเราจับต้องได้จริง

ประกันสังคมมีเงินกองทุนตั้ง 2 ล้านล้านบาท เอามาช่วยค่าใช้จ่ายผู้ประกันตน 16 ล้านคน ตรวจโควิด-19 ฟรี หรือออกให้บางส่วนได้บ้าง ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น