ถ้าจะถามว่า พฤติกรรมของผู้ช่วยนักบินที่ “แซว” อดีตนายกฯ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าเป็น “เหยื่อ” และพูดเล่นกันด้วยรหัสว่า จะเอาเครื่องบินโหม่งโลกนั้น ผิดหรือไม่
ก็คงต้องยอมรับอย่างตรงๆ ว่ามันก็ผิด เพราะนักบินเป็นอาชีพที่จะต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสาร และเป็นช่วงเวลาก่อนเครื่องขึ้น ในทางวิชาชีพจึงถือได้ว่าเป็นการไม่ทำตามระเบียบขั้นตอนเพื่อความปลอดภัย
แต่ถามว่า ผิดมากไหม ก็คงไม่มากนัก อยู่ในระดับพักงานตักเตือนก็คงพอ จะให้ถึงกับถูกไล่ออกหมดอนาคตเพราะพูดเล่นแค่สองสามคำ อันนี้ก็เกินไป ซึ่งทางสายการบินต้นสังกัดก็ดำเนินการลงโทษได้ตามสมควรแล้วและถือเป็นการตัดสินใจที่ดี ไม่บ้าไปตามที่พวกเสื้อแดงกระเหี้ยนกระหือรือเรียกร้องให้ไล่ออก
จะว่าไปนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เกิดเรื่อง “พูดเล่น” เอากับคนในครอบครัวนี้
คงยังจำได้ว่าครั้งหนึ่ง ลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ก็ไปขึ้นเครื่องบิน แล้วก็มีแอร์โฮสเตสมาโพสต์คุยกับเพื่อนอยู่เหมือนกันว่า อยากเอากาแฟสาดหน้า
สรุปว่าแอร์ท่านนั้นก็ต้องลาออกไป เพราะถูกกระแสกดดัน
เรื่องนี้มันก็มีเรื่องน่าคิดเพิ่มเติมออกไป นอกจากประเด็นเรื่องความเป็นมืออาชีพของนักบินและลูกเรือ ซึ่งต้องยอมรับว่า วิชาชีพนี้จะต้องมี “มาตรฐานทางการปฏิบัติ” หรือ Code of Conduct ที่เคร่งครัด การทำผิดมาตรฐานนี้ ก็ถือว่ามีความผิด
แต่ส่วนหนึ่งที่นักบินและผู้ช่วยท่านนั้น หรือรวมถึงแอร์โฮสเตสแสดงออกมา นั่นก็แสดงให้เห็นว่า บุคคลในตระกูลนี้เป็นที่ไม่พึงปรารถนาอย่างไร
ไม่พึงปรารถนาจนอาชีพที่จะต้องมีมาตรฐานการปฏิบัติงานที่เข้มงวด ยังเผลอแสดงความไม่พอใจจนเป็นเหตุผิดวินัยขึ้นมาได้
ในตอนนี้ คุณยิ่งลักษณ์ อาจจะกำลัง “เดินสาย” เยี่ยมตามจังหวัดต่างๆ เพื่อให้แฟนๆ มาต้อนรับ
นัยว่าเป็นการ “วัดพลัง” ด้วย “เลี้ยงกระแส” ด้วย แหย่ คสช.เบาๆ ด้วย ซึ่งทาง คสช.ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่ใช่กิจกรรมทางการเมืองเสียทีเดียว
คุณยิ่งลักษณ์อาจจะอยู่ท่ามกลางวงล้อม ท่ามกลางการห้อมล้อมของบรรดา “แฟนๆ” ก็อาจจะเผลอไผล คิดไปได้ว่าตัวเองเป็นที่รักของประชาชน
แต่ก็เป็นเพียง “ประชาชน” ของคุณ ประชาชนที่ยังคงเชื่อหรือยังติดหลงอยู่ใน “การตลาด” ทางการเมืองของพวกคุณเท่านั้น
ประชาชนที่อาจจะได้ผลดีจากนโยบายประชานิยมบ้าง หรือเชื่อลมๆ แล้งๆ ว่าเศรษฐกิจแย่เพราะทหาร แต่ถ้าพรรคเดิมอำนาจเก่ากลับมาละก็ ทุกอย่างจะดีกว่านี้
แต่ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศยังเกลียดชังพวกคุณ รวมไปถึงลูกหลานวงศ์ตระกูลด้วย
ไม่ใช่เฉพาะไปขึ้นเครื่องบินหรอก เผลอๆ ไปเดินตลาดที่ไหนที่ไม่ใช่เขตฐานเสียง หรือไม่มีการ “จัดตั้ง” พาคนมามอบดอกไม้ ก็รับรองว่า อาจจะโดนอะไรที่มากกว่าแค่ที่นักบินและผู้ช่วย “แซว” แน่ๆ
อันนี้ก็คิดไปถึงสังคมญี่ปุ่นที่เคยอ่านมาในหนังสือนะครับ คือในญี่ปุ่นนี่ สิ่งที่อาชญากรกลัวที่สุด ไม่ใช่การถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย (ซึ่งกฎหมายเขาก็เข้มงวดจริงจังพอสมควร โทษร้ายแรงก็ยังมีการประหารชีวิตอยู่ เป็นไม่กี่ประเทศที่เจริญแล้วที่มีโทษประหารชีวิต และยังไม่มีแนวคิดจะยกเลิก)
ที่อาชญากรในญี่ปุ่นกลัวก็คือ การถูกลงโทษทางสังคม หรือ Social Sanction คล้ายๆ อย่างนี้แหละครับ
ในญี่ปุ่น อาชญากรประเภทฆ่าคนตาย (หรือบางทีแค่ขับรถประมาท ชนคนอื่นตาย) นี่ ตัวติดคุกไปแล้ว แต่คนข้างหลังนี่อยู่กันไม่ได้เลยนะครับ
บ้านหรือที่พักอาศัย ก็จะถูกชาวบ้านเอากระดาษเขียนคำสาปแช่งมาติดไว้บ้าง ปาก้อนหินใส่บ้าง
ญาติพี่น้องแทบจะต้องออกมากราบขอโทษสังคม บางทีก็ต้องเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล ย้ายบ้านหนีกันเลย เพราะสังคมไม่ยอมรับญาติพี่น้องของอาชญากร
เพราะเหตุนี้ ทำให้ญี่ปุ่นมีอัตราการก่ออาชญากรรมต่ำ ถ้าจะมีก็อาจจะเป็นพวกจิตบกพร่องหรือปัญหาอื่นๆ ซึ่งก็จะเป็นเรื่องที่ต้องศึกษากัน
ประเทศไทยเรา ระบบการลงโทษทางสังคมเช่นนี้ก็มีให้เห็นแล้ว อย่างน้อยก็กับตระกูลนี้
คิดดูนะครับ ว่ามันจะเป็นอย่างไร ถ้าเราร่วมมือกันจริงจัง ไม่ต้อนรับ ไม่ให้บริการ คนในตระกูลนี้ ต่อให้มีเงินเท่าไร เราก็ไม่ขายของให้
ถ้าทุกคนทำได้อย่างนี้ ก็ไม่แน่นะครับ ต่อไปใครคิดโกงบ้านโกงเมือง ต้องคิดให้หนัก เพราะไม่ใช่แค่ตัวเองติดคุกเท่านั้น แต่ญาติโยมพี่น้องก็อยู่ในสังคมไม่ได้ ด้วยมาตรการลงโทษทางสังคม
สุดท้าย เรื่องที่จะขอฝากไว้ คือคำถามที่หลายคนสงสัยว่า แล้วไลน์กลุ่มของนักบินมัน “หลุด” ออกไปได้อย่างไร เพราะนี่ไม่ใช่สเตตัสเฟซบุ๊กที่ใครไปเห็นแล้วจะแคปหน้าจอมาประจานกันได้ง่ายๆ
ก็เชื่อว่า ในกลุ่มนั้นน่าจะมี “หนอน” ครับ
“หนอน” ที่ยังรัก ยังศรัทธาในอำนาจเก่า หรือจงรักภักดีกับเครือข่ายตระกูลนั้นอยู่ ซึ่งเราก็ยากที่จะรู้นะครับ ว่าเพื่อนของเราในเฟซบุ๊ก หรือคนในกลุ่มไลน์ ใครจะเป็นหนอนปะปนอยู่ บางครั้งถ้าเราพลาด พวกนี้จะดูดข้อมูลความลับของพวกเราไปไขในที่แจ้ง
เราไม่มีทางรู้ง่ายๆ ว่าใครเป็นหนอน เพราะการชื่นชอบชื่นชมในเครือข่ายระบอบทักษิณ อาจจะเกิดได้กับทุกคน ทุกสาขาอาชีพ ทุกสถาบันการศึกษา
อย่าคิดง่ายๆ ว่า “มีแต่คนระดับเดียวกับพวกเรา คงไม่มีใครเป็นหนอน”
ก็ต้องระวังกันไว้ครับ ข้อมูลอะไรที่เขาอาจจะเอาไปใช้ประโยชน์ทิ่มแทงเราได้ เก็บไว้พูดปากต่อปาก กับเฉพาะคนที่ไว้ใจได้ดีกว่า.
ก็คงต้องยอมรับอย่างตรงๆ ว่ามันก็ผิด เพราะนักบินเป็นอาชีพที่จะต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสาร และเป็นช่วงเวลาก่อนเครื่องขึ้น ในทางวิชาชีพจึงถือได้ว่าเป็นการไม่ทำตามระเบียบขั้นตอนเพื่อความปลอดภัย
แต่ถามว่า ผิดมากไหม ก็คงไม่มากนัก อยู่ในระดับพักงานตักเตือนก็คงพอ จะให้ถึงกับถูกไล่ออกหมดอนาคตเพราะพูดเล่นแค่สองสามคำ อันนี้ก็เกินไป ซึ่งทางสายการบินต้นสังกัดก็ดำเนินการลงโทษได้ตามสมควรแล้วและถือเป็นการตัดสินใจที่ดี ไม่บ้าไปตามที่พวกเสื้อแดงกระเหี้ยนกระหือรือเรียกร้องให้ไล่ออก
จะว่าไปนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เกิดเรื่อง “พูดเล่น” เอากับคนในครอบครัวนี้
คงยังจำได้ว่าครั้งหนึ่ง ลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ก็ไปขึ้นเครื่องบิน แล้วก็มีแอร์โฮสเตสมาโพสต์คุยกับเพื่อนอยู่เหมือนกันว่า อยากเอากาแฟสาดหน้า
สรุปว่าแอร์ท่านนั้นก็ต้องลาออกไป เพราะถูกกระแสกดดัน
เรื่องนี้มันก็มีเรื่องน่าคิดเพิ่มเติมออกไป นอกจากประเด็นเรื่องความเป็นมืออาชีพของนักบินและลูกเรือ ซึ่งต้องยอมรับว่า วิชาชีพนี้จะต้องมี “มาตรฐานทางการปฏิบัติ” หรือ Code of Conduct ที่เคร่งครัด การทำผิดมาตรฐานนี้ ก็ถือว่ามีความผิด
แต่ส่วนหนึ่งที่นักบินและผู้ช่วยท่านนั้น หรือรวมถึงแอร์โฮสเตสแสดงออกมา นั่นก็แสดงให้เห็นว่า บุคคลในตระกูลนี้เป็นที่ไม่พึงปรารถนาอย่างไร
ไม่พึงปรารถนาจนอาชีพที่จะต้องมีมาตรฐานการปฏิบัติงานที่เข้มงวด ยังเผลอแสดงความไม่พอใจจนเป็นเหตุผิดวินัยขึ้นมาได้
ในตอนนี้ คุณยิ่งลักษณ์ อาจจะกำลัง “เดินสาย” เยี่ยมตามจังหวัดต่างๆ เพื่อให้แฟนๆ มาต้อนรับ
นัยว่าเป็นการ “วัดพลัง” ด้วย “เลี้ยงกระแส” ด้วย แหย่ คสช.เบาๆ ด้วย ซึ่งทาง คสช.ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่ใช่กิจกรรมทางการเมืองเสียทีเดียว
คุณยิ่งลักษณ์อาจจะอยู่ท่ามกลางวงล้อม ท่ามกลางการห้อมล้อมของบรรดา “แฟนๆ” ก็อาจจะเผลอไผล คิดไปได้ว่าตัวเองเป็นที่รักของประชาชน
แต่ก็เป็นเพียง “ประชาชน” ของคุณ ประชาชนที่ยังคงเชื่อหรือยังติดหลงอยู่ใน “การตลาด” ทางการเมืองของพวกคุณเท่านั้น
ประชาชนที่อาจจะได้ผลดีจากนโยบายประชานิยมบ้าง หรือเชื่อลมๆ แล้งๆ ว่าเศรษฐกิจแย่เพราะทหาร แต่ถ้าพรรคเดิมอำนาจเก่ากลับมาละก็ ทุกอย่างจะดีกว่านี้
แต่ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศยังเกลียดชังพวกคุณ รวมไปถึงลูกหลานวงศ์ตระกูลด้วย
ไม่ใช่เฉพาะไปขึ้นเครื่องบินหรอก เผลอๆ ไปเดินตลาดที่ไหนที่ไม่ใช่เขตฐานเสียง หรือไม่มีการ “จัดตั้ง” พาคนมามอบดอกไม้ ก็รับรองว่า อาจจะโดนอะไรที่มากกว่าแค่ที่นักบินและผู้ช่วย “แซว” แน่ๆ
อันนี้ก็คิดไปถึงสังคมญี่ปุ่นที่เคยอ่านมาในหนังสือนะครับ คือในญี่ปุ่นนี่ สิ่งที่อาชญากรกลัวที่สุด ไม่ใช่การถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย (ซึ่งกฎหมายเขาก็เข้มงวดจริงจังพอสมควร โทษร้ายแรงก็ยังมีการประหารชีวิตอยู่ เป็นไม่กี่ประเทศที่เจริญแล้วที่มีโทษประหารชีวิต และยังไม่มีแนวคิดจะยกเลิก)
ที่อาชญากรในญี่ปุ่นกลัวก็คือ การถูกลงโทษทางสังคม หรือ Social Sanction คล้ายๆ อย่างนี้แหละครับ
ในญี่ปุ่น อาชญากรประเภทฆ่าคนตาย (หรือบางทีแค่ขับรถประมาท ชนคนอื่นตาย) นี่ ตัวติดคุกไปแล้ว แต่คนข้างหลังนี่อยู่กันไม่ได้เลยนะครับ
บ้านหรือที่พักอาศัย ก็จะถูกชาวบ้านเอากระดาษเขียนคำสาปแช่งมาติดไว้บ้าง ปาก้อนหินใส่บ้าง
ญาติพี่น้องแทบจะต้องออกมากราบขอโทษสังคม บางทีก็ต้องเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล ย้ายบ้านหนีกันเลย เพราะสังคมไม่ยอมรับญาติพี่น้องของอาชญากร
เพราะเหตุนี้ ทำให้ญี่ปุ่นมีอัตราการก่ออาชญากรรมต่ำ ถ้าจะมีก็อาจจะเป็นพวกจิตบกพร่องหรือปัญหาอื่นๆ ซึ่งก็จะเป็นเรื่องที่ต้องศึกษากัน
ประเทศไทยเรา ระบบการลงโทษทางสังคมเช่นนี้ก็มีให้เห็นแล้ว อย่างน้อยก็กับตระกูลนี้
คิดดูนะครับ ว่ามันจะเป็นอย่างไร ถ้าเราร่วมมือกันจริงจัง ไม่ต้อนรับ ไม่ให้บริการ คนในตระกูลนี้ ต่อให้มีเงินเท่าไร เราก็ไม่ขายของให้
ถ้าทุกคนทำได้อย่างนี้ ก็ไม่แน่นะครับ ต่อไปใครคิดโกงบ้านโกงเมือง ต้องคิดให้หนัก เพราะไม่ใช่แค่ตัวเองติดคุกเท่านั้น แต่ญาติโยมพี่น้องก็อยู่ในสังคมไม่ได้ ด้วยมาตรการลงโทษทางสังคม
สุดท้าย เรื่องที่จะขอฝากไว้ คือคำถามที่หลายคนสงสัยว่า แล้วไลน์กลุ่มของนักบินมัน “หลุด” ออกไปได้อย่างไร เพราะนี่ไม่ใช่สเตตัสเฟซบุ๊กที่ใครไปเห็นแล้วจะแคปหน้าจอมาประจานกันได้ง่ายๆ
ก็เชื่อว่า ในกลุ่มนั้นน่าจะมี “หนอน” ครับ
“หนอน” ที่ยังรัก ยังศรัทธาในอำนาจเก่า หรือจงรักภักดีกับเครือข่ายตระกูลนั้นอยู่ ซึ่งเราก็ยากที่จะรู้นะครับ ว่าเพื่อนของเราในเฟซบุ๊ก หรือคนในกลุ่มไลน์ ใครจะเป็นหนอนปะปนอยู่ บางครั้งถ้าเราพลาด พวกนี้จะดูดข้อมูลความลับของพวกเราไปไขในที่แจ้ง
เราไม่มีทางรู้ง่ายๆ ว่าใครเป็นหนอน เพราะการชื่นชอบชื่นชมในเครือข่ายระบอบทักษิณ อาจจะเกิดได้กับทุกคน ทุกสาขาอาชีพ ทุกสถาบันการศึกษา
อย่าคิดง่ายๆ ว่า “มีแต่คนระดับเดียวกับพวกเรา คงไม่มีใครเป็นหนอน”
ก็ต้องระวังกันไว้ครับ ข้อมูลอะไรที่เขาอาจจะเอาไปใช้ประโยชน์ทิ่มแทงเราได้ เก็บไว้พูดปากต่อปาก กับเฉพาะคนที่ไว้ใจได้ดีกว่า.
