ช่วงนี้ข่าวใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์หลักๆก็มีอยู่สองข่าว คือเรื่องธรรมกายกับประชามติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิดในการจัดการแก้ปัญหาใหญ่ทั้งสองนี้ ทีแรกก็อยากจะชวนคุยเรื่องประชามติ แต่คิดอีกที คุยเรื่องธรรมกายก่อน เพราะท่าทางงานนี้สนุกกว่าเยอะ
ผมเขียนเรื่องธัมมชโยมาก็เยอะแล้วละครับ เบื่อเหมือนกัน แต่ก็อดเขียนไม่ได้เพราะรู้สึกว่าช่วงนี้ทางธรรมกายออกมาแสดงฤทธิเดชลีลาหลายๆอย่าง ที่เหมือนดูหนังดราม่าผสมแอคชั่นไปไกลจนทนไม่ไหว ขอเขียนถึงอีกสักครั้งก็แล้วกัน
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่ผ่านมามีข่าววัดพระธรรมกายเสริมกำแพงคอนกรีตติดรั้วลวดหนามแบบรั้วทหาร ติดกล้องวงจรปิดตามต้นไม้เพิ่มเติมอีกจำนวนมาก เอาคอนเทนเนอร์ รถแบคโฮลไปจอดขวางภายในวัด อ้างว่าไว้ป้องกันมือที่สามที่จะเข้ามาก่อกวนสร้างสถานการณ์ภายในวัด เรียกว่าเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึก
เหตุผลเหมือนจะเข้าท่า แต่รับไม่ได้เอาซะเลยสำหรับคนห่มผ้าเหลืองเป็นพระและสถานที่ที่ควรปฏิบัติธรรม วัด หมายถึง สถานที่ทางพระพุทธศาสนา ซึ่งปกติมีพระอุโบสถ พระวิหาร พระเจดีย์ รวมทั้งมีพระภิกษุสงฆ์อยู่อาศัย หรือแปลอีกอย่างว่าการจำศีล ซึ่งวัด(วัตร) ตามนัยยะนี้จึงน่าจะหมายถึงสถานที่ซึ่งพระภิกษุสงฆ์ใช้เป็นที่จำศีลภาวนา หรือสถานที่ที่พระภิกษุสงฆ์ใช้ปฏิบัติภาระกิจที่พึงกระทำนั่นเอง นี่คือความหมายของวัดโดยทั่วไป
แน่ละ จานบินขนาดใหญ่สีทองอร่าม ไม่ใช่องค์ประกอบของวัด อีกทั้งยังไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรเลยกับวัดตามความหมายข้างต้น
กำแพงรั้วสองชั้นกั้นอาณาบริเวณวัดกว้างขวางที่เริ่มจาก 196 ไร่ แล้วขยายออกไปเป็นสองพันกว่าไร่ กวาดบังคับซื้อบังคับขอบังคับไล่จนถึงขั้นระรานชาวบ้าน
แม้กระทั่งโรงเรียนเด็กอนุบาลแสงเทียน โรงเรียนเล็กๆของชาวบ้านที่ไม่ยอมขายที่ดิน ก็ถูกกลั่นแกล้งด้วยวิธีเอาโลงศพไปวางใกล้ ปิดกั้นทางเข้าออกเอาแบคโฮลขุดรอบบ้านสูบน้ำสกปรกเข้าไปใส่ เรื่องนี้เคยเป็นข่าวดังเมื่อสิบกว่าปีก่อน แทบไม่น่าเชื่อว่าวัดจะทำอย่างนี้กับชาวบ้าน
ไม่เฉพาะในกรุงเทพฯ ธรรมกายยังมีที่ดินมหาศาลในต่างจังหวัด เชียงใหม่ ศรีษะเกษ กาญจนบุรี ชุมพร เรียกว่าทั่วทุกภาค รวมทั้งในต่างประเทศอีกหลายประเทศ ด้วยโครงการผ้าป่าที่ดิน มีคนเอาที่ดินมาถวายวัดมากมาย อยู่ในชื่อของเจ้าอาวาส และลูกศิษย์คนใกล้ชิด รวยขนาดมีสาขาวัดธรรมกายทั้งในอเมริกา ยุโรป และทั่วโลกอีก 40 สาขา
พุทธพาณิชย์ที่นี่ของเขาแรงจริงๆ ความมั่งคั่งรำรวยของธรรมกายล้นเหลือ ใครทำบุญมากได้ขึ้นสวรรค์ชั้นสูง ค้อนมงคลตอกประตูสวรรค์มีมูลค่าในการเช่าบูชา 350,000 บาทเลยทีเดียว สร้างพระพุทธรูปหลายรุ่น พระของขวัญรุ่นรวยโคตรๆ ซึ่งแหมกล้าตั้งชื่อขนาดนี้ไม่รู้มีของดีอะไรอยู่ในนั้น คนเช่าบูชาไปจะรวยไหมไม่รู้ แต่ทางวัดนี่รวยโคตรๆเห็นๆกันเลยทีเดียว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ธัมมชโย เคยถูกดำเนินคดีทำนองนี้ ปี 2541 เมื่อ 18 ปีก่อน เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย พระธัมมชโย เคยถูกอดีตพระลูกวัดแจ้งความข้อหายักยอกเงินและที่ดิน ที่ญาติโยมบริจาคให้ และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ใกล้ชิดสีกา และอวดอุตริมนุสธรรม และถูกกลุ่มพุทธศาสนิกชนชาวไทย เข้าแจ้งความต่อกองปราบปราม กล่าวหาว่าพระธัมมชโย ทำผิดกฎหมายอาญา ฐานหลอกลวงผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินและฉ้อโกงทรัพย์ที่มีผู้บริจาคให้วัดไปเป็นของตัวเองและพวก
คราวนั้น มหาเถรสมคม มีมติให้วัดพระธรรมกายปฏิบัติตามคำวินิจฉัย 4 ข้อของเจ้าคณะภาค 1 คือ ปรับปรุงแนวทางคำสอนของวัดพระธรรมกาย ว่า "นิพพานเป็นอนัตตา" ไม่ใช่ "อัตตา" และยุติการเรี่ยไรเงินนอกวัด และผู้เกี่ยวข้องพยายามให้ธัมมชโยคืนที่ดินและเงินบริจาคแก่วัดพระธรรมกายแต่ไม่สำเร็จ
กรมการศาสนาจึงได้แจ้งความต่อกองปราบปราม กล่าวโทษขอหายักยอกทรัพย์ในคดีอาญา ม.137, 147 และ 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยร่วมกันยักยอกทรัพย์และเงินบริจาคของวัดพระธรรมกาย จำนวน 6.8 ล้านบาท ไปซื้อที่ดินเขาพนมพา จ.พิจิตร และนำเงินอีกเกือบ 30 ล้าน ไปซื้อที่ดินกว่า 900 ไร่ ใน ต.หนองพระ จ.พิจิตร และที่ ต.ท่าข้าม อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ โดยโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกศิษย์
นอกจากนี้ ยังมีอดีตทนายความวัดพระธรรมกายและประชาชน ที่เคยเลื่อมใสศรัทธาในวัดพระธรรมกาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีพระธัมมชโย ฐานฉ้อโกงเงิน 35 ล้าน แยกเป็นคดีความทั้งหมด 5 คดี ในที่สุด สำนักงานอัยการสูงสุดมีความเห็นให้ฟ้อง เรื่องจึงเข้าสู่กระบวนการของศาล
ครั้งนั้น กองปราบปรามต้องนำกำลังคอมมานโดเข้าล้อมจับในวัดธรรมกาย แต่ต้องพบกับสาวกธรรมกายรวมตัวกันเป็นโล่มนุษย์ออกมาป้องกัน จนกองปราบปรามต้องถอนกลับ เจ้าคณะใหญ่หนกลางมีบัญชาว่า ถ้าไม่มามอบตัวต้องสึก ทำให้ธัมมชโยยอมมอบตัวและได้ประกันตัวทันที
เมื่อ 3 ตุลาคม 2542 อัยการสั่งฟ้องคดีนี้ ธัมมชโยอ้างป่วยไม่มามอบตัว อัยการต้องส่งแพทย์โรงพยาบาลตำรวจไปตรวจถึงวัด ปรากฏว่าอาการปกติ เดือนถัดมาจึงเข้ามอบตัวแล้วได้ประกันตัว มีการสอบพยานและการดำเนินพิจารณาคดีนี้ 7 ปีเต็ม ตั้งแต่ปี 2542-2547 เหลือสืบพยานจำเลยอีก 2 นัด ในวันที่ 23 กับ 24 สิงหาคม 2549 เท่านั้น แต่แล้ว 21 สิงหาคม 2549 นายพชร ยุติธรรมดำรง มีคำสั่งให้อัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ถอนฟ้อง ด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเช่นว่า ธัมมชโยกับพวกก็ได้มอบทรัพย์สิน ทั้งที่ดินและเงินกว่า 959 ล้านบาท คืนแก่วัดพระธรรมกายแล้ว
ฟังดูคล้ายๆ กันไหมครับ มาคราวนี้ เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ธัมมชโย ถูกดีเอสไอ ออกหมายเรียกข้อหา สมคบฟอกเงินและรับของโจร กรณีรับเช็คจากนายศุภชัย ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์และฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ธัมมชโยไม่มาตามหมายเรียก โชว์ภาพอ้างว่าป่วย ปกป้องกุฎิดาวดึงส์สวรรค์ของธัมมชโย พร้อมเสริมกำแพงวัดราวหอรบ จนในที่สุดศาลต้องออกหมายจับ
นอกจากนี้ ธรรมกายยังเดินเกมตอบโต้ด้วยการเคลื่อนไหวของมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศยื่นหนังสือร้องความเป็นธรรม ยื่นเรื่องต่อปปช. ศูนย์ดำรงธรรม และแจ้งความดำเนินคดีผู้เขียนข้อความในโซเชียลมีเดีย
ถึงตอนนี้ คงจะได้เห็นกันละครับว่า ธัมมชโยจะหนีคดี หรือตั้งป้อมสู้ หรือเข้ามอบตัว อันที่จริงผมว่าธัมมชโยเข้ามอบตัว ประกันตัว สู้คดี พิสูจน์ความจริงกันในศาล ซึ่งว่ากันไปอีกยาว ถ้าคิดว่าไม่ผิดก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไร
สำหรับรัฐบาล ผมว่านายกฯ พูดเกือบทุกวัน ต้องทำตามกฎหมาย ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเท่าเทียมกัน ถ้ารัฐบาลที่มีอำนาจขนาดนี้ไม่ดำเนินการคดีนี้ตามกฎหมาย ก็อย่าหวังว่ารัฐบาลไหนจะทำได้ พิสูจน์ให้ชาวบ้านเห็นสิครับว่ารัฐบาลเอาจริงกับคดีฟอกเงินรับของโจรยักยอกทรัพย์ฉ้อโกง เพราะเป็นเหตุให้ชาวบ้านจำนวนมากตกเป็นเหยื่อเสียหายเดือดร้อนสิ้นเนื้อประดาตัว มิฉะนั้นแล้ว การหลอกลวงยักยอกฉ้อโกงโดยใช้วัดบังหน้าแบบนี้ ซึ่งยังมีอีกมาก ก็จะลำพองผยองทำกันต่อไป
ประชาชนอย่างเรา ก็คงต้องตามดูละครับว่า เรื่องนี้จะเป็นมวยล้มต้มคนดู อย่างที่เคยเป็นมาแล้วหรือไม่
ผมเขียนเรื่องธัมมชโยมาก็เยอะแล้วละครับ เบื่อเหมือนกัน แต่ก็อดเขียนไม่ได้เพราะรู้สึกว่าช่วงนี้ทางธรรมกายออกมาแสดงฤทธิเดชลีลาหลายๆอย่าง ที่เหมือนดูหนังดราม่าผสมแอคชั่นไปไกลจนทนไม่ไหว ขอเขียนถึงอีกสักครั้งก็แล้วกัน
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่ผ่านมามีข่าววัดพระธรรมกายเสริมกำแพงคอนกรีตติดรั้วลวดหนามแบบรั้วทหาร ติดกล้องวงจรปิดตามต้นไม้เพิ่มเติมอีกจำนวนมาก เอาคอนเทนเนอร์ รถแบคโฮลไปจอดขวางภายในวัด อ้างว่าไว้ป้องกันมือที่สามที่จะเข้ามาก่อกวนสร้างสถานการณ์ภายในวัด เรียกว่าเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึก
เหตุผลเหมือนจะเข้าท่า แต่รับไม่ได้เอาซะเลยสำหรับคนห่มผ้าเหลืองเป็นพระและสถานที่ที่ควรปฏิบัติธรรม วัด หมายถึง สถานที่ทางพระพุทธศาสนา ซึ่งปกติมีพระอุโบสถ พระวิหาร พระเจดีย์ รวมทั้งมีพระภิกษุสงฆ์อยู่อาศัย หรือแปลอีกอย่างว่าการจำศีล ซึ่งวัด(วัตร) ตามนัยยะนี้จึงน่าจะหมายถึงสถานที่ซึ่งพระภิกษุสงฆ์ใช้เป็นที่จำศีลภาวนา หรือสถานที่ที่พระภิกษุสงฆ์ใช้ปฏิบัติภาระกิจที่พึงกระทำนั่นเอง นี่คือความหมายของวัดโดยทั่วไป
แน่ละ จานบินขนาดใหญ่สีทองอร่าม ไม่ใช่องค์ประกอบของวัด อีกทั้งยังไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรเลยกับวัดตามความหมายข้างต้น
กำแพงรั้วสองชั้นกั้นอาณาบริเวณวัดกว้างขวางที่เริ่มจาก 196 ไร่ แล้วขยายออกไปเป็นสองพันกว่าไร่ กวาดบังคับซื้อบังคับขอบังคับไล่จนถึงขั้นระรานชาวบ้าน
แม้กระทั่งโรงเรียนเด็กอนุบาลแสงเทียน โรงเรียนเล็กๆของชาวบ้านที่ไม่ยอมขายที่ดิน ก็ถูกกลั่นแกล้งด้วยวิธีเอาโลงศพไปวางใกล้ ปิดกั้นทางเข้าออกเอาแบคโฮลขุดรอบบ้านสูบน้ำสกปรกเข้าไปใส่ เรื่องนี้เคยเป็นข่าวดังเมื่อสิบกว่าปีก่อน แทบไม่น่าเชื่อว่าวัดจะทำอย่างนี้กับชาวบ้าน
ไม่เฉพาะในกรุงเทพฯ ธรรมกายยังมีที่ดินมหาศาลในต่างจังหวัด เชียงใหม่ ศรีษะเกษ กาญจนบุรี ชุมพร เรียกว่าทั่วทุกภาค รวมทั้งในต่างประเทศอีกหลายประเทศ ด้วยโครงการผ้าป่าที่ดิน มีคนเอาที่ดินมาถวายวัดมากมาย อยู่ในชื่อของเจ้าอาวาส และลูกศิษย์คนใกล้ชิด รวยขนาดมีสาขาวัดธรรมกายทั้งในอเมริกา ยุโรป และทั่วโลกอีก 40 สาขา
พุทธพาณิชย์ที่นี่ของเขาแรงจริงๆ ความมั่งคั่งรำรวยของธรรมกายล้นเหลือ ใครทำบุญมากได้ขึ้นสวรรค์ชั้นสูง ค้อนมงคลตอกประตูสวรรค์มีมูลค่าในการเช่าบูชา 350,000 บาทเลยทีเดียว สร้างพระพุทธรูปหลายรุ่น พระของขวัญรุ่นรวยโคตรๆ ซึ่งแหมกล้าตั้งชื่อขนาดนี้ไม่รู้มีของดีอะไรอยู่ในนั้น คนเช่าบูชาไปจะรวยไหมไม่รู้ แต่ทางวัดนี่รวยโคตรๆเห็นๆกันเลยทีเดียว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ธัมมชโย เคยถูกดำเนินคดีทำนองนี้ ปี 2541 เมื่อ 18 ปีก่อน เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย พระธัมมชโย เคยถูกอดีตพระลูกวัดแจ้งความข้อหายักยอกเงินและที่ดิน ที่ญาติโยมบริจาคให้ และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ใกล้ชิดสีกา และอวดอุตริมนุสธรรม และถูกกลุ่มพุทธศาสนิกชนชาวไทย เข้าแจ้งความต่อกองปราบปราม กล่าวหาว่าพระธัมมชโย ทำผิดกฎหมายอาญา ฐานหลอกลวงผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินและฉ้อโกงทรัพย์ที่มีผู้บริจาคให้วัดไปเป็นของตัวเองและพวก
คราวนั้น มหาเถรสมคม มีมติให้วัดพระธรรมกายปฏิบัติตามคำวินิจฉัย 4 ข้อของเจ้าคณะภาค 1 คือ ปรับปรุงแนวทางคำสอนของวัดพระธรรมกาย ว่า "นิพพานเป็นอนัตตา" ไม่ใช่ "อัตตา" และยุติการเรี่ยไรเงินนอกวัด และผู้เกี่ยวข้องพยายามให้ธัมมชโยคืนที่ดินและเงินบริจาคแก่วัดพระธรรมกายแต่ไม่สำเร็จ
กรมการศาสนาจึงได้แจ้งความต่อกองปราบปราม กล่าวโทษขอหายักยอกทรัพย์ในคดีอาญา ม.137, 147 และ 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยร่วมกันยักยอกทรัพย์และเงินบริจาคของวัดพระธรรมกาย จำนวน 6.8 ล้านบาท ไปซื้อที่ดินเขาพนมพา จ.พิจิตร และนำเงินอีกเกือบ 30 ล้าน ไปซื้อที่ดินกว่า 900 ไร่ ใน ต.หนองพระ จ.พิจิตร และที่ ต.ท่าข้าม อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ โดยโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกศิษย์
นอกจากนี้ ยังมีอดีตทนายความวัดพระธรรมกายและประชาชน ที่เคยเลื่อมใสศรัทธาในวัดพระธรรมกาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีพระธัมมชโย ฐานฉ้อโกงเงิน 35 ล้าน แยกเป็นคดีความทั้งหมด 5 คดี ในที่สุด สำนักงานอัยการสูงสุดมีความเห็นให้ฟ้อง เรื่องจึงเข้าสู่กระบวนการของศาล
ครั้งนั้น กองปราบปรามต้องนำกำลังคอมมานโดเข้าล้อมจับในวัดธรรมกาย แต่ต้องพบกับสาวกธรรมกายรวมตัวกันเป็นโล่มนุษย์ออกมาป้องกัน จนกองปราบปรามต้องถอนกลับ เจ้าคณะใหญ่หนกลางมีบัญชาว่า ถ้าไม่มามอบตัวต้องสึก ทำให้ธัมมชโยยอมมอบตัวและได้ประกันตัวทันที
เมื่อ 3 ตุลาคม 2542 อัยการสั่งฟ้องคดีนี้ ธัมมชโยอ้างป่วยไม่มามอบตัว อัยการต้องส่งแพทย์โรงพยาบาลตำรวจไปตรวจถึงวัด ปรากฏว่าอาการปกติ เดือนถัดมาจึงเข้ามอบตัวแล้วได้ประกันตัว มีการสอบพยานและการดำเนินพิจารณาคดีนี้ 7 ปีเต็ม ตั้งแต่ปี 2542-2547 เหลือสืบพยานจำเลยอีก 2 นัด ในวันที่ 23 กับ 24 สิงหาคม 2549 เท่านั้น แต่แล้ว 21 สิงหาคม 2549 นายพชร ยุติธรรมดำรง มีคำสั่งให้อัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ถอนฟ้อง ด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเช่นว่า ธัมมชโยกับพวกก็ได้มอบทรัพย์สิน ทั้งที่ดินและเงินกว่า 959 ล้านบาท คืนแก่วัดพระธรรมกายแล้ว
ฟังดูคล้ายๆ กันไหมครับ มาคราวนี้ เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ธัมมชโย ถูกดีเอสไอ ออกหมายเรียกข้อหา สมคบฟอกเงินและรับของโจร กรณีรับเช็คจากนายศุภชัย ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์และฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ธัมมชโยไม่มาตามหมายเรียก โชว์ภาพอ้างว่าป่วย ปกป้องกุฎิดาวดึงส์สวรรค์ของธัมมชโย พร้อมเสริมกำแพงวัดราวหอรบ จนในที่สุดศาลต้องออกหมายจับ
นอกจากนี้ ธรรมกายยังเดินเกมตอบโต้ด้วยการเคลื่อนไหวของมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศยื่นหนังสือร้องความเป็นธรรม ยื่นเรื่องต่อปปช. ศูนย์ดำรงธรรม และแจ้งความดำเนินคดีผู้เขียนข้อความในโซเชียลมีเดีย
ถึงตอนนี้ คงจะได้เห็นกันละครับว่า ธัมมชโยจะหนีคดี หรือตั้งป้อมสู้ หรือเข้ามอบตัว อันที่จริงผมว่าธัมมชโยเข้ามอบตัว ประกันตัว สู้คดี พิสูจน์ความจริงกันในศาล ซึ่งว่ากันไปอีกยาว ถ้าคิดว่าไม่ผิดก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไร
สำหรับรัฐบาล ผมว่านายกฯ พูดเกือบทุกวัน ต้องทำตามกฎหมาย ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเท่าเทียมกัน ถ้ารัฐบาลที่มีอำนาจขนาดนี้ไม่ดำเนินการคดีนี้ตามกฎหมาย ก็อย่าหวังว่ารัฐบาลไหนจะทำได้ พิสูจน์ให้ชาวบ้านเห็นสิครับว่ารัฐบาลเอาจริงกับคดีฟอกเงินรับของโจรยักยอกทรัพย์ฉ้อโกง เพราะเป็นเหตุให้ชาวบ้านจำนวนมากตกเป็นเหยื่อเสียหายเดือดร้อนสิ้นเนื้อประดาตัว มิฉะนั้นแล้ว การหลอกลวงยักยอกฉ้อโกงโดยใช้วัดบังหน้าแบบนี้ ซึ่งยังมีอีกมาก ก็จะลำพองผยองทำกันต่อไป
ประชาชนอย่างเรา ก็คงต้องตามดูละครับว่า เรื่องนี้จะเป็นมวยล้มต้มคนดู อย่างที่เคยเป็นมาแล้วหรือไม่
