เวลามีเพื่อนมาบอกผมว่า ไก่ย่างร้านนี้อร่อยที่สุดในโลก ผมมักจะเถียงว่าไม่จริง เพราะมันไม่มีวันที่จะมีอะไรที่อร่อยที่สุดในโลกอย่างเด็ดขาด มันจะมีแต่ไก่ย่างหรือข้าวหมูแดงร้านที่เพื่อนชอบมากที่สุดในโลก กับมีไก่ย่างหรือร้านข้าวหมูแดงที่ผมชอบมากที่สุดในโลก และมีไก่ย่าง ข้าวหมูแดงร้านอื่นๆ ที่มีคนอื่นที่ไม่ใช่ผมกับเพื่อนชอบมากที่สุดในโลกอีก ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงนี้มันอาจจะเป็นคนละร้านกันก็ได้ ในบริบทเดียวกัน ใช้ได้กับข้าวมันไก่ ปอเปี๊ยะสด ตือฮวน ส้มตำปูดอง ไปจนถึงอื่นๆ อีกมากมาย
ทั้งนี้เพราะมันเป็นเรื่องความคิด-ความเห็น-ความเชื่อ-ความชอบ เป็นความรู้สึกของมนุษย์ในแต่ละคน สิ่งนี้คือทัศนคติส่วนตัวในเรื่องต่างๆ แม้ว่าเป็นไปได้ที่อาจจะมีทัศนคติบางอย่างที่มีคนมากมายเห็นพ้องกัน ยกตัวอย่างเรื่องเดิมที่พูดข้างต้นก็แล้วกัน อย่างเช่นมีการจัดอันดับร้านอร่อย เราก็อาจจะยอมรับการให้ดาวของมิชลิน นั่นก็คือระบบการทำสำรวจทัศนคติความชอบของคนหมู่มาก แต่อย่างไร
อย่างไรก็ดี เรื่องของทัศนคตินั้นเป็นเรื่องหลากมิติจริงๆ แถมมันยังเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ ตาม Time&Space อีกด้วย เราคงเคยเจอกับเรื่องที่เราเคยชอบกินอาหารอย่างนี้มากๆ แต่พอเวลาผ่านไป แม้จะสูตรเดิมรสชาติเดิม เรากลับรู้สึกว่ามันไม่อร่อยมากเหมือนเคยแล้ว หรือของกินบางอย่างที่เราไม่เคยรู้สึกว่ามันอร่อยเลย แต่อยู่มาวันหนึ่งเรากลับพบว่ามันอร่อยดีเหมือนกัน ทั้งนี้ก็เพราะมันมีปัจจัยอะไรต่ออะไรหลายอย่างที่ทำให้ทัศนคติของเราเปลี่ยน และถ้ามานั่งพิจารณากันอีกมุมก็อาจจะพบเช่นกันว่ามันก็อาจจะไม่มีปัจจัยอะไรเลยก็ได้
แล้วอะไรแบบนี้ก็ไม่ใช่แค่เรื่องของกิน
ที่ผมยกตัวอย่างเรื่องอาหาร แต่จริงๆ มันคือเรื่องของทัศนคติ เป็นเรื่องของความคิด ความเห็น ความเชื่อ ความชอบ ความอะไรต่อมิอะไรที่เกิดขึ้นมาโดยมีการผสมผสานของข้อมูลตามจริงที่เกิดขึ้นบนโลกเอาไปรวมกับอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัว ตลอดจนประสบการณ์ต่างๆ ที่มนุษย์แต่ละคนมี เข้าสู่กระบวนการอะไรบางอย่างแล้วกลั่นออกมาเป็นความคิด-ความเชื่อ-ความชอบ และอื่นๆ หรือที่เรียกว่า ทัศนคติ ตามที่ว่ามาข้างต้น ซึ่งเรื่องของเรื่องก็คือ แม้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงอาจจะเหมือนกัน แต่แน่นอนว่าพอมันเข้าสู่กระบวนการแปรเปลี่ยนสู่ความเป็นทัศนคติของมนุษย์แล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาใช่ว่าจะเหมือนกัน และเมื่อทัศนคติที่ว่านี้ถูกปล่อยออกมาให้ในสถานะ “ความคิดเห็น” ซึ่งก็ยากที่จะไปตัดสินความผิด-ถูกต่อความเห็นจากทัศนคติของใครคนหนึ่งคนใด
อีกตัวอย่างที่ผมเคยพูดหลายครั้งก็คือ ผมไม่เชื่อที่จะมีตำแหน่งสวยที่สุดในประเทศ หรือสวยที่สุดในจักรวาล ผมค่อนข้างไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับการประกวดประชันอะไรแบบนี้ สวยที่สุดนี่ไม่มี มันมีแต่สวยของใครก็ของคนนั้น ซึ่งมันอาจจะตรงกันหรือไม่ตรงก็ได้ และแน่นอนว่า มันก็มีโอกาสเหมือนกันที่สวยของผมอาจจะไม่เหมือนสวยของคนอื่น หรือไม่เหมือนสวยของคนหมู่มาก
ที่ว่ามายืนยาวทั้งหมดนี้ก็กำลังคิดว่า หลังจากนี้ไปจนถึงช่วงที่มีการลงประชามติที่กำลังดำเนินการกันอยู่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ค่อนละเอียดอ่อน ทั้งนี้ก็เพราะเรื่องของทัศนคติที่ชวนคุยมาทั้งหมดข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นการตีความเรื่องที่พูดถึงเจตนาบริสุทธิ์นั่นก็เป็นเรื่องยาก นอกจากนี้ ก็มีการพูดถึงว่า ถ้าเป็นการคาดเดาไปในทางที่ให้ร้าย ซึ่งว่ามานี้มันถือเป็นเรื่องยากในการที่จะหาข้อสรุปว่าใครควรจะเดินเข้าคุกหรือไม่ ทั้งนี้ทัศนคติต่อเรื่องที่มันยังไม่เกิด ยังไงก็หนีเรื่องที่จะต้องคาดเดาไปไม่พ้น และถ้าหากคาดเดาไม่ตรงกับที่รัฐบาลต้องการได้ยิน อันนั้นถือว่าเป็นการคาดเดาไปในทางที่ให้ร้ายหรือเปล่า นอกจากนี้หากจับมาซอยย่อยเป็นส่วนๆ ถ้าเราชอบตรงนั้นแต่ไม่ชอบตรงนี้ จะว่ากันเป็นจุดๆ นี่ก็ไม่แน่ใจว่าจะยังไง ในสถานการณ์ที่มีกฎตราออกมาเช่นนี้ ในสภาพแวดล้อมที่มีกองเชียร์แบ่งกันเป็นฝ่ายๆ เช่นนี้ ในฐานะสื่อมวลชนหรือในฐานะประชาชนคนธรรมดานี่ก็น่าจะค่อนข้างเครียด เพราะเดี๋ยวนี้แต่ละคนก็มีพื้นที่สื่อของตัวเองในโซเชียลมีเดียกันทั้งนั้น ถ้าเห็นด้วยเอ่ยปากชอบก็ดีไป แต่ถ้าไม่ชอบขึ้นมาแล้วจะพูดจาอะไรคงต้องคิดหนัก
เอาเป็นว่า ได้แต่คาดหวังให้ความคิดเห็นที่มาจากทัศนคติของใครๆ จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับสาธารณะและต่อตัวเอง