xs
xsm
sm
md
lg

The Theory of Everything…is love

เผยแพร่:   โดย: ยุรชัฏ ชาติสุทธิชัย


อากาศแปรปรวนไปทั่วโลก คนกรุงเทพฯผ่านเดือนธันวาคมมาโดยไม่พบอากาศหนาวเย็นอย่างที่ควรจะเป็น แต่แล้วหลังปีใหม่ อากาศหนาวเย็นแปลกๆก็มาเยือนเป็นช่วงสั้นๆ เย็นสบายแว่บๆมาวันสองวันก็ลาจากไป ทิ้งอากาศร้อนไว้แทนที่ ถึงหนาวจะมาช้า แต่ก็ดีกว่าไม่มา จริงไหมครับ

ยังดีที่ตรุษจีนปีนี้ พี่น้องชาวจีนซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ ได้อวยพรกัน ในวันที่อากาศหนาวเย็นลงอีกครั้ง หลายคนลุ้นให้หนาวสบายๆไปจนถึงวันวาเลนไทน์วันแห่งความรัก ที่ตามมาในอีกไม่กี่วัน

กระแสรางวัลออสการ์กำลังคึกคัก ก่อนจะตัดสินกันในเช้าวันที่ 29 กพ. ปลายเดือนนี้ หนังเต้งหนังดังมากมายกำลังลงโรงอยู่ในโรงหนัง หาดูได้ตลอดในช่วงนี้ หนึ่งในหนังที่สร้างสีสันบนเวทีออสการ์ปีนี้กับผู้เข้าชิงรางวัลดารานำหญิง เอ้ยดารานำชายสิอย่าง เอ็ดดี้ เรดเมย์น ในเรื่อง เดนนิสเกิร์ล หนังดังที่กำลังฉายอยู่

วันวาเลนไทน์ และชื่อของ เอ็ดดี้ เรดเมย์น ทำให้ผมนึกถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของผู้หญิงคนหนึ่ง ในฐานะภรรยาที่มีต่อสามี ในหนังที่ เขาเป็นดารานำ และสามารถชนะได้รับรางวัลออสการ์เมื่อปีก่อนจากหนังเรื่อง The Theory of Everything ซึ่งผมเคยดูในโรงภาพยนต์ไปแล้วรอบหนึ่ง ตอนนั้นบอกเลยครับว่าคิดว่ามันเป็นแค่หนังรักที่มีกลิ่นอายของวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่เมื่อได้ดูอีกรอบทำให้ได้เก็บรายละเอียดและมองเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ดูรอบแรกไม่ได้คิดอะไรมากมายขนาดนี้

ครับ ผมกำลังพูดถึงหนัง The Theory of Everything ในชื่อไทย ทฤษฎีรักนิรันดร ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายแนวบันทึกชีวิตจริงของ “เจน ฮอว์คิง” ภรรยาของสตีเฟ่น ฮอว์คิง เรื่อง TRAVELING TO INFINITY (สู่อนันตกาล)
เนื้อหาของเรื่องเริ่มตั้งแต่สตีเฟ่น ฮอว์คิง เป็นนักศึกษาสาขาจักรวาลวิทยา มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในช่วงปี 1963 ใช้ชีวิตวัยหนุ่มสาวในมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ มีความสุขในการศึกษาและร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ เขาได้พบรักกับเจนนักศึกษาสาวสวยแห่งคณะอักษรศาสตร์

ขณะที่เขากำลังเรียนต่อระดับปริญญาเอกทางด้านฟิสิกซ์ ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนแปลงไปเมื่อสตีเฟ่น ฮอว์คิง เริ่มมีอาการป่วยด้วยโรคเซลล์ประสาทเสื่อม สมองควบคุมสั่งการกล้ามเนื้อสำคัญๆไม่ได้ เช่น การเดิน การพูด หรือที่เรียกว่า อะไมโอโทรฟิก แลเทอรัล สเกลอโรซิส (เอแอลเอส) อาการของเขาหนักขึ้นเรื่อยๆ ทีแรกหมอคิดว่าเขาคงไม่รอด มีโอกาสจะอยู่ได้อีกเพียงสองปีเท่านั้น

ด้วยความรักที่มั่นคง เจนแต่งงานกับสตีเฟ่นทั้งๆที่เขาป่วย และรู้ว่าต้องดูแลและให้กำลังใจเขาอย่างมาก ทั้งคู่มีชีวิตครอบครัว มีลูกด้วยกันถึงสามคน เขาและเจนเรียนจบปริญญาเอก ครอบครัวผ่านความสุขและความทุกข์มาด้วยกัน

ชีวิตของทั้งคู่ต้องเผชิญและฟันฝ่ากับเวลาวิกฤต ระหว่างความเป็นความตาย บทหนักในการจับมือกันต่อสู้กับโรคภัย ประคับประคองชีวิตคู่ตกอยู่กับ เจน ฮอร์คิง ผู้เป็นภรรยา เธอมีหัวใจที่เด็ดเดี่ยวมีความพยายามในการต่อสู้แก้ปัญหาที่โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างสุดความสามารถ และอดทนเป็นเยี่ยม

หนังเรื่องนี้ยังทำให้เห็นแง่มุมความรักคู่สามีภรรยา ความอ่อนโยนของตัวละครพร้อมกับความอ่อนไหวของมนุษย์ แต่ก็ไม่อ่อนแอและท้อถอย
ลองคิดตามดูสิครับ ถ้าชีวิตใครเป็นอย่างดร.สตีเฟ่น ฮอว์คิง ฉลาดแค่ไหนก็ตาม อัจฉริยะขนาดไหนก็แล้วแต่ สุดท้ายต้องพบกับโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ คนรอบข้างต้องคอยช่วยเหลือตลอดเวลา การมีชีวิตอยู่อาจเป็นการทรมานทั้งตัวเองและคนใกล้ชิด

ภรรยาของเขาเป็นผู้โอบอุ้มต่อชีวิตเขาไว้ ด้วยความช่วยเหลือมากมาย ทำให้เขายังมีชีวิตรอดอยู่ได้ แม้จะพูดด้วยเสียงของตัวเองไม่ได้ ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยมาก แต่จนแล้วจนรอด ชายคนนี้ก็อายุยาวจนตอนนี้เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ด้วยวัย 74 ปี

เขาเขียนหนังสือออกมาได้ตั้งหลายเล่ม เช่น ทฤษฎีกาลเวลา การแผ่รังสีของหลุมดำ ผลงานที่มีชื่อเสียงมาก คือ A Brief History of Time ซึ่งเขาเขียนเมื่ออาการป่วยของเขารุนแรงมากแล้ว มือเขียนไม่ได้ ปากพูดไม่ได้ ต้องใช้วิธีกระพริบตา และใช้อุปกรณ์ช่วยในเขียน หนังสือเล่มนี้ที่ขายได้ถึงสิบล้านเล่มทั่วโลก ด้วยความมุ่งมั่น สร้างแรงบันดาลใจกำลังใจด้วยคติของเขาที่ว่า “หากชีวิตมี ความหวังต้องมี”

อาการเจ็บป่วยยาวนาน ไม่ได้ทำให้เขายอมสยบต่อโชคชะตา หมดแรงสิ้นหวังกับชีวิต แต่กลับสร้างพลังให้เขาสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างไม่น่าเชื่อ
แม้เส้นทางรักของศาสตราจารย์สตีเฟ่นกับเจนภรรยา ต้องแยกทางกันที่สุด และต่างฝ่ายต่างมีรักใหม่ แต่เขาทั้งสองก็ยังคงเป็นเพื่อนกัน ปัจจุบันทั้งคู่ มีหลานแล้วหลายคน

สำหรับคนทั่วไป ที่ร่างกายปกติ ผมว่า บางครั้งการที่เจออุปสรรคเข้ามาบ้างมันก็เป็นเหมือนบททดสอบของจิตใจ ที่ท้ายทายคนเรานี่แหละว่าจะกล้าเผชิญหน้ากับปัญหาหรือยอมพ่ายแพ้แล้วตายไปกับมัน หากคุณคิดว่าปัญหาที่คุณเจอมันใหญ่มาก มันหนักมาก ลองดูชีวิตของชายที่ฉลาดที่สุดคนหนึ่งในโลกคนนี้สิครับ เขาเจออะไรที่หนักหนายิ่งกว่าหลายเท่านัก

ต้องยอมรับละครับว่าความรักเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเสียสละช่วยเหลือคนที่เธอรักจนสุดหัวใจ และมันก็ช่วยให้ทุกอย่างผ่านไปได้ แม้จะไม่ได้ผ่านไปได้แบบราบรื่น

สำหรับวันวาเลนไทน์ รักแท้ที่มั่นคงไม่หวั่นไหว รักที่เสียสละอดทน มีอยู่จริง แม้จะต้องฝ่าฟันความลำบาก กาลเวลาเปลี่ยน ความรักเปลี่ยนแปลงได้ ก็เป็นเรื่องจริง รักที่ยิ่งใหญ่ใจประเสริฐ ก็ยังมีวันหมดอายุได้ สัจธรรมของกาลเวลา สัจธรรมของชีวิตจริงก็เป็นอย่างนี้แหละครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น