สัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวบันเทิงที่คนพูดถึงมากที่สุด คงหนีไม่พ้นข่าวของคู่รักดารา ที่ออกมาประกาศชัดเจนว่าท้องแล้ว นั้นคือกรณีของนางร้ายร่างเล็กอย่างสาวกุ๊บกิ๊บ อดีตหวานใจหนุ่มมาริโอ้ กับหนุ่มบี้ เคพีเอ็น นักร้องและดาราหนุ่ม ที่คบหากันมาได้ราวสามเดือน ก่อนจะมาประกาศว่าท้องราวสองเดือนกว่า
เรื่องนี้ทีแรกผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่ดันไปเห็นสเตตัสของเพื่อนนักข่าวสายบันเทิงท่านหนึ่งเข้าให้ ประมาณว่า นางร้ายชื่อย่อ กก ท้องแล้ว ทีแรกก็กะจะไปถามดูว่าใคร แต่เวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ฝ่ายชายก็ออกมายืดอกรับว่าตอนนี้แฟนสาวท้องจริงๆ และเพิ่งทราบไม่นานเช่นกัน
เมื่ออ่านข่าวเกี่ยวกับดาราสองคนนี้ย้อนหลังกลับไป พบว่าทั้งคู่คบหาดูใจกันราวสามเดือน ก็คือคิดเป็น 12 สัปดาห์ ขณะที่ทางฝ่ายชายออกมาแถลงข่าวว่าแฟนสาวท้องด้วยอายุครรภ์ 10 สัปดาห์ นั้นแปลว่า คบกันไม่ถึงเดือน มีท้องมีลูกเลยนะครับ
เมื่อหลายปีก่อน นางเอกคนสวยเจ้าของฉายาเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิงท้อง แต่ปฏิเสธ อ้างว่าอ้วนเพราะกินยาเบนโล ในที่สุดก็ยอมรับว่าท้อง แปลว่าก่อนจะจนด้วยหลักฐานเธอพูดเท็จหน้าตาเฉย คนไทยได้ศัพท์คำใหม่ใช้แทนการท้องก่อนแต่งว่าเบนโล
สังคมไทยไม่ยอมยอมรับการท้องก่อนแต่งด้วยการสั่งสอนกันมา โดยเฉพาะการสอนลูกสาวให้รักนวลสงวนตัว ไม่ชิงสุกก่อนห่าม หรือสอนลูกชายให้เกียรติผู้หญิง แต่เมื่อเวลาผ่านไป มาวันนี้การท้องก่อนแต่งกลายเป็นเรื่องธรรมดาเป็นเรื่องปรกติในสังคม เมื่อเจ้าตัวยอมรับกลายเป็นทุกคนออกมาแสดงความยินดีกันยกใหญ่ ยิ่งดูข่าวบันเทิง ยิ่งแปลกใจ หลายๆคนยินดี โดยไม่คิดถึงผลทางสังคม
คือเรื่องนี้หากว่าการท้องก่อนแต่งไม่ได้เกิดขึ้นกับคนสองคนที่เป็นดารานักร้อง ผมอาจจะเฉยๆไปแล้ว แต่เมื่อเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับศิลปินดารา ซึ่งควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กหรือวัยรุ่น
นับว่ายังมีข้อดีอยู่บ้าง ตรงที่ยอมรับความจริง อย่างน้อยการกระทำของฝ่ายชายก็เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ยืดอกรับแบบแมนๆไปเลย ไม่มานั่งปัดข่าวสร้างภาพอยู่แบบบางดาราบางคนในบางกรณีที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ล่าสุดฝ่ายหญิงกล่าวคำขอโทษ แต่แค่นี้มันไม่พอครับ
สังคมไทยในปัจจุบัน บางส่วนอาจรับการท้องก่อนแต่งได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การท้องก่อนแต่ง ไม่ใช่แค่เรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี ไม่ใช่แค่สังคมยอมรับได้หรือไม่เท่านั้น ปัญหาใหญ่คือปัญหาวัยรุ่น การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ซึ่งนำไปสู่ปัญหาสังคมตามมาอีกมากมาย
จากข้อมูลของสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย เปิดเผยเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 ว่าในปี 2556 ประเทศไทยเป็นแชมป์สถิติการท้องก่อนแต่งอันดับ 1ในเอเซีย และเป็นอันดับ 2 ของโลกเลยทีเดียว เป็นรองแค่เพียงอาฟริกาใต้เท่านั้น โดยมีหญิงท้องไม่พร้อมสูงถึงร้อยละ 70 ของจำนวนหญิงท้องก่อนแต่ง น่าตะลึงมากเพราะอายุท้องก่อนแต่งต่ำลงเรื่อยๆและอายุต่ำสุด 12 ปีเท่านั้น
ปีถัดมา ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2557 สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติและสำนักอนามัยเจริญพันธุ์ กรมอนามัย สำรวจพบว่าตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทย มีกลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 10-19 ปี มีอัตราการคลอดบุตรหรือท้องไม่พร้อมมากถึงปีละกว่า 130,000 คน ซึ่งจำนวนดังกล่าวนี้ถือเป็นจำนวนที่มากที่สุดติดอันดับที่ 1 ของเอเชีย และอันดับ 2 ของโลกอย่างต่อเนื่อง
เฉพาะในปี 2556 พบว่ามีเด็กผู้หญิงขอรับการคลอดบุตรตามโรงพยาบาลต่างๆทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนในอัตราส่วนที่สูงถึง 54 คนต่อ 1 แสนประชากร หรือเฉลี่ยอัตราการคลอดบุตรด้วยเหตุดังกล่าวมากถึงวันละ 365 ราย ในจำนวนนี้กลุ่มเด็กผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 15 ปี มีอัตราการคลอดบุตรในปีที่ผ่านมาถึง 3,725 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยและไม่มีการป้องกัน แม้จะรับประทานยาคุมกำเนิดก็ตาม
ท้องก่อนแต่งจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน นอกจากมีท้องโดยไม่พร้อม มีลูกในวัยเด็กแล้ว ยังเป็นที่มาของการแพร่โรคจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะโรคเอดส์ จากการเปิดเผยของอธิบดีกรมควบคุมโรค ประเทศไทยต่อสู้กับปัญหาโรคเอดส์มาเป็นเวลา 31 ปี สามารถควบคุมปัญหาการแพร่ระบาดได้ผลดีในอันดับต้นๆ ของโลก ในปี 2557 คาดว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ยังมีชีวิตอยู่ทั่วประเทศ 426,707 คน และมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,324 คน
ขณะเดียวกันกองโรคเอดส์ของกระทรวงสาธารณะสุขก็รายงานว่า กว่า 50% ของคนที่เป็นเอดส์เป็นวัยรุ่นอายุระหว่าง 15-34 ปี และส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง สำนักวิจัยแอแบคโพลสำรวจพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นอายุ 15-25 ปี จำนวน 1,627 คน พบพฤติกรรมเชิงชู้สาวกับบุคคลเพิ่งรู้จักตามห้างสรรพสินค้า ผับ และเธค กล่าวคือ วัยรุ่น 40.2% ยอมรับให้จับมือและโอบเอวได้ และมี 13.9% ที่บอกว่ายอมรับได้ถ้าหากมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เพิ่งรู้จัก ที่น่าตกใจคือ บุคคลที่ตอบคำถามครั้งนี้ระบุว่าเคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์ถึง 24.4 % โดยกว่าครึ่งมีเพศสัมพันธ์มากกว่า 1 คน
พูดถึงกรณีการท้องก่อนแต่งแล้ว ต้องนึกไปถึงเรื่องการทำแท้งด้วยซะหน่อย สถิติการทำแท้งในวัยรุ่ยไทยสูงที่สุดในโลก ศูนย์สร้างเสริมสุขภาพวัยรุ่นของโรงพยาบาลรามาธิบดี ประมาณการว่ามีวัยรุ่นทำแท้งถึงปีละ 3 แสนคน หรือวันละราว 1,000 คน ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวเพราะมันได้กลายเป็นค่านิยมใหม่ของวัยรุ่น ยิ่งเมื่อถามความคิดเห็นต่อไปก็ยิ่งหนาว เพราะ 4.2% บอกว่าเคยคิดขายตัวและถ้าอนุมานกันจริงๆ ก็คาดว่ามีเด็กกว่า 15% คิดขายตัว เพราะมองว่าเรื่องนี้ไม่น่าตำหนิ
มีรายงานการวิจัยพบว่า เด็กนักเรียนไทยระดับมัธยมกว่า 50% มีเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะ "เซ็กซ์เอื้ออาทร" ระหว่างเพื่อนจนกลายเป็นคำนิยามของเด็กไทย ผู้หญิง 29.9% เคยทำแท้งตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปี 2.7% เคยทำแท้งขณะเป็นนักศึกษา 70.% มีเพศสัมพันธ์ก่อนอายุ 20 ปี 5% มีเพศสัมพันธ์ก่อนอายุ 15 (ต่ำสุด 11 ขวบ) ในกลุ่มอายุ 15-23 ปี มีพฤติกรรมแลกเปลี่ยนคู่นอนเพิ่มมากขึ้น 50%
การมีเพศสัมพันธ์เป็นธรรมชาติของมนุษย์ การมีเพศสัมพันธ์ในวัยที่พร้อมจะมีลูก เลี้ยงลูกอย่างมี่คุณภาพ พร้อมจะสร้างครอบครัว ไม่สร้างปัญหาต่อสังคม เป็นเรื่องสร้างสรรค์ แต่การมีท้องเพราะมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน มีลูกในวัยที่ไม่พร้อม สร้างปัญหาตามมาทั้งต่อตนเอง ต่อครอบครัว และสังคมส่วนรวม
ขนบบธรรมเนียมประเพณีที่ปู่ย่าตายายสอนเรามาตั้งแต่เราเด็กๆคือการที่ผู้ชายต้องให้เกียรติผู้หญิง ต้องไม่ชิงสุกก่อนห่าม คนในยุคปัจจุบันบางคนฟังอาจจะมองว่าหัวโบราณเดี๋ยวนี้เขาไม่คิดมากกันแล้ว แต่หากมองในมุมกลับ วัยรุ่นวัยเรียนท้องก่อนแต่ง มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ติดเชื้อเอชไอวี.ท้องในวัยเรียน มีลูกไม่พร้อม ทำแท้ง คลอดลูกแล้วเอาไปทิ้งตามถังขยะ เป็นปัญหาทางสังคมหนักหน่วงทั้งนั้นละครับ
การพูดเรื่องนี้ผมไม่ได้อยากจะขวางโลกแต่อย่างใด แค่อยากให้เราลองฉุกคิดให้ดีว่า อะไรควรทำไม่ควรทำ เวลามีข่าวดาราท้องหรือท้องก่อนแต่ง ผมว่าคนทำข่าวควรมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่านี้ ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อวัยรุ่น ต้องชี้ชัดให้วัยรุ่นเห็นปัญหา และไม่ลอกเลียนแบบ
สุดท้ายนี้ก็หวังว่าเหล่าดาราคนดังหลายๆคนจะตระหนักถึงภาระหน้าที่ทางสังคมบ้างนะครับ การเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคมถือเป็นหนึ่งในหน้าที่นั้น และควรจะช่วยกันคนละไม้ละมือ ทำกันให้ดีที่สุด อย่างน้อยๆคุณคือแม่แบบ คือไอดอลของคนรุ่นหลัง หรือรุ่นเดียวกัน ไม่สร้างผลกระทบทางสังคม ไม่สร้างปัญหาซ้ำเติมสังคม
เมื่อดาราท้องก่อนแต่ง ยอมรับแบบแมนๆอย่างเดียวไม่พอ ขอโทษสังคมก็ยังไม่พอ แต่ต้องช่วยกันตอกย้ำด้วยว่า เด็กๆน้องๆวัยรุ่นอย่าเลียนแบบ ไม่ใช่แบบอย่างที่ดี ต้องช่วยๆกันครับ แชมป์การท้องก่อนแต่งอันดับสองของโลก อันดับหนึ่งในเอเชีย แชมป์วัยรุ่นทำแท้งสูงสุดในโลก เป็นเรื่องน่าเศร้าน่ากังวลอนาคตของประเทศไทย
เรื่องนี้ทีแรกผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่ดันไปเห็นสเตตัสของเพื่อนนักข่าวสายบันเทิงท่านหนึ่งเข้าให้ ประมาณว่า นางร้ายชื่อย่อ กก ท้องแล้ว ทีแรกก็กะจะไปถามดูว่าใคร แต่เวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ฝ่ายชายก็ออกมายืดอกรับว่าตอนนี้แฟนสาวท้องจริงๆ และเพิ่งทราบไม่นานเช่นกัน
เมื่ออ่านข่าวเกี่ยวกับดาราสองคนนี้ย้อนหลังกลับไป พบว่าทั้งคู่คบหาดูใจกันราวสามเดือน ก็คือคิดเป็น 12 สัปดาห์ ขณะที่ทางฝ่ายชายออกมาแถลงข่าวว่าแฟนสาวท้องด้วยอายุครรภ์ 10 สัปดาห์ นั้นแปลว่า คบกันไม่ถึงเดือน มีท้องมีลูกเลยนะครับ
เมื่อหลายปีก่อน นางเอกคนสวยเจ้าของฉายาเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิงท้อง แต่ปฏิเสธ อ้างว่าอ้วนเพราะกินยาเบนโล ในที่สุดก็ยอมรับว่าท้อง แปลว่าก่อนจะจนด้วยหลักฐานเธอพูดเท็จหน้าตาเฉย คนไทยได้ศัพท์คำใหม่ใช้แทนการท้องก่อนแต่งว่าเบนโล
สังคมไทยไม่ยอมยอมรับการท้องก่อนแต่งด้วยการสั่งสอนกันมา โดยเฉพาะการสอนลูกสาวให้รักนวลสงวนตัว ไม่ชิงสุกก่อนห่าม หรือสอนลูกชายให้เกียรติผู้หญิง แต่เมื่อเวลาผ่านไป มาวันนี้การท้องก่อนแต่งกลายเป็นเรื่องธรรมดาเป็นเรื่องปรกติในสังคม เมื่อเจ้าตัวยอมรับกลายเป็นทุกคนออกมาแสดงความยินดีกันยกใหญ่ ยิ่งดูข่าวบันเทิง ยิ่งแปลกใจ หลายๆคนยินดี โดยไม่คิดถึงผลทางสังคม
คือเรื่องนี้หากว่าการท้องก่อนแต่งไม่ได้เกิดขึ้นกับคนสองคนที่เป็นดารานักร้อง ผมอาจจะเฉยๆไปแล้ว แต่เมื่อเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับศิลปินดารา ซึ่งควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กหรือวัยรุ่น
นับว่ายังมีข้อดีอยู่บ้าง ตรงที่ยอมรับความจริง อย่างน้อยการกระทำของฝ่ายชายก็เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ยืดอกรับแบบแมนๆไปเลย ไม่มานั่งปัดข่าวสร้างภาพอยู่แบบบางดาราบางคนในบางกรณีที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ล่าสุดฝ่ายหญิงกล่าวคำขอโทษ แต่แค่นี้มันไม่พอครับ
สังคมไทยในปัจจุบัน บางส่วนอาจรับการท้องก่อนแต่งได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การท้องก่อนแต่ง ไม่ใช่แค่เรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี ไม่ใช่แค่สังคมยอมรับได้หรือไม่เท่านั้น ปัญหาใหญ่คือปัญหาวัยรุ่น การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ซึ่งนำไปสู่ปัญหาสังคมตามมาอีกมากมาย
จากข้อมูลของสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย เปิดเผยเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 ว่าในปี 2556 ประเทศไทยเป็นแชมป์สถิติการท้องก่อนแต่งอันดับ 1ในเอเซีย และเป็นอันดับ 2 ของโลกเลยทีเดียว เป็นรองแค่เพียงอาฟริกาใต้เท่านั้น โดยมีหญิงท้องไม่พร้อมสูงถึงร้อยละ 70 ของจำนวนหญิงท้องก่อนแต่ง น่าตะลึงมากเพราะอายุท้องก่อนแต่งต่ำลงเรื่อยๆและอายุต่ำสุด 12 ปีเท่านั้น
ปีถัดมา ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2557 สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติและสำนักอนามัยเจริญพันธุ์ กรมอนามัย สำรวจพบว่าตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทย มีกลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 10-19 ปี มีอัตราการคลอดบุตรหรือท้องไม่พร้อมมากถึงปีละกว่า 130,000 คน ซึ่งจำนวนดังกล่าวนี้ถือเป็นจำนวนที่มากที่สุดติดอันดับที่ 1 ของเอเชีย และอันดับ 2 ของโลกอย่างต่อเนื่อง
เฉพาะในปี 2556 พบว่ามีเด็กผู้หญิงขอรับการคลอดบุตรตามโรงพยาบาลต่างๆทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนในอัตราส่วนที่สูงถึง 54 คนต่อ 1 แสนประชากร หรือเฉลี่ยอัตราการคลอดบุตรด้วยเหตุดังกล่าวมากถึงวันละ 365 ราย ในจำนวนนี้กลุ่มเด็กผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 15 ปี มีอัตราการคลอดบุตรในปีที่ผ่านมาถึง 3,725 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยและไม่มีการป้องกัน แม้จะรับประทานยาคุมกำเนิดก็ตาม
ท้องก่อนแต่งจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน นอกจากมีท้องโดยไม่พร้อม มีลูกในวัยเด็กแล้ว ยังเป็นที่มาของการแพร่โรคจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะโรคเอดส์ จากการเปิดเผยของอธิบดีกรมควบคุมโรค ประเทศไทยต่อสู้กับปัญหาโรคเอดส์มาเป็นเวลา 31 ปี สามารถควบคุมปัญหาการแพร่ระบาดได้ผลดีในอันดับต้นๆ ของโลก ในปี 2557 คาดว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ยังมีชีวิตอยู่ทั่วประเทศ 426,707 คน และมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,324 คน
ขณะเดียวกันกองโรคเอดส์ของกระทรวงสาธารณะสุขก็รายงานว่า กว่า 50% ของคนที่เป็นเอดส์เป็นวัยรุ่นอายุระหว่าง 15-34 ปี และส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง สำนักวิจัยแอแบคโพลสำรวจพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นอายุ 15-25 ปี จำนวน 1,627 คน พบพฤติกรรมเชิงชู้สาวกับบุคคลเพิ่งรู้จักตามห้างสรรพสินค้า ผับ และเธค กล่าวคือ วัยรุ่น 40.2% ยอมรับให้จับมือและโอบเอวได้ และมี 13.9% ที่บอกว่ายอมรับได้ถ้าหากมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เพิ่งรู้จัก ที่น่าตกใจคือ บุคคลที่ตอบคำถามครั้งนี้ระบุว่าเคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์ถึง 24.4 % โดยกว่าครึ่งมีเพศสัมพันธ์มากกว่า 1 คน
พูดถึงกรณีการท้องก่อนแต่งแล้ว ต้องนึกไปถึงเรื่องการทำแท้งด้วยซะหน่อย สถิติการทำแท้งในวัยรุ่ยไทยสูงที่สุดในโลก ศูนย์สร้างเสริมสุขภาพวัยรุ่นของโรงพยาบาลรามาธิบดี ประมาณการว่ามีวัยรุ่นทำแท้งถึงปีละ 3 แสนคน หรือวันละราว 1,000 คน ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวเพราะมันได้กลายเป็นค่านิยมใหม่ของวัยรุ่น ยิ่งเมื่อถามความคิดเห็นต่อไปก็ยิ่งหนาว เพราะ 4.2% บอกว่าเคยคิดขายตัวและถ้าอนุมานกันจริงๆ ก็คาดว่ามีเด็กกว่า 15% คิดขายตัว เพราะมองว่าเรื่องนี้ไม่น่าตำหนิ
มีรายงานการวิจัยพบว่า เด็กนักเรียนไทยระดับมัธยมกว่า 50% มีเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะ "เซ็กซ์เอื้ออาทร" ระหว่างเพื่อนจนกลายเป็นคำนิยามของเด็กไทย ผู้หญิง 29.9% เคยทำแท้งตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปี 2.7% เคยทำแท้งขณะเป็นนักศึกษา 70.% มีเพศสัมพันธ์ก่อนอายุ 20 ปี 5% มีเพศสัมพันธ์ก่อนอายุ 15 (ต่ำสุด 11 ขวบ) ในกลุ่มอายุ 15-23 ปี มีพฤติกรรมแลกเปลี่ยนคู่นอนเพิ่มมากขึ้น 50%
การมีเพศสัมพันธ์เป็นธรรมชาติของมนุษย์ การมีเพศสัมพันธ์ในวัยที่พร้อมจะมีลูก เลี้ยงลูกอย่างมี่คุณภาพ พร้อมจะสร้างครอบครัว ไม่สร้างปัญหาต่อสังคม เป็นเรื่องสร้างสรรค์ แต่การมีท้องเพราะมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน มีลูกในวัยที่ไม่พร้อม สร้างปัญหาตามมาทั้งต่อตนเอง ต่อครอบครัว และสังคมส่วนรวม
ขนบบธรรมเนียมประเพณีที่ปู่ย่าตายายสอนเรามาตั้งแต่เราเด็กๆคือการที่ผู้ชายต้องให้เกียรติผู้หญิง ต้องไม่ชิงสุกก่อนห่าม คนในยุคปัจจุบันบางคนฟังอาจจะมองว่าหัวโบราณเดี๋ยวนี้เขาไม่คิดมากกันแล้ว แต่หากมองในมุมกลับ วัยรุ่นวัยเรียนท้องก่อนแต่ง มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ติดเชื้อเอชไอวี.ท้องในวัยเรียน มีลูกไม่พร้อม ทำแท้ง คลอดลูกแล้วเอาไปทิ้งตามถังขยะ เป็นปัญหาทางสังคมหนักหน่วงทั้งนั้นละครับ
การพูดเรื่องนี้ผมไม่ได้อยากจะขวางโลกแต่อย่างใด แค่อยากให้เราลองฉุกคิดให้ดีว่า อะไรควรทำไม่ควรทำ เวลามีข่าวดาราท้องหรือท้องก่อนแต่ง ผมว่าคนทำข่าวควรมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่านี้ ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อวัยรุ่น ต้องชี้ชัดให้วัยรุ่นเห็นปัญหา และไม่ลอกเลียนแบบ
สุดท้ายนี้ก็หวังว่าเหล่าดาราคนดังหลายๆคนจะตระหนักถึงภาระหน้าที่ทางสังคมบ้างนะครับ การเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคมถือเป็นหนึ่งในหน้าที่นั้น และควรจะช่วยกันคนละไม้ละมือ ทำกันให้ดีที่สุด อย่างน้อยๆคุณคือแม่แบบ คือไอดอลของคนรุ่นหลัง หรือรุ่นเดียวกัน ไม่สร้างผลกระทบทางสังคม ไม่สร้างปัญหาซ้ำเติมสังคม
เมื่อดาราท้องก่อนแต่ง ยอมรับแบบแมนๆอย่างเดียวไม่พอ ขอโทษสังคมก็ยังไม่พอ แต่ต้องช่วยกันตอกย้ำด้วยว่า เด็กๆน้องๆวัยรุ่นอย่าเลียนแบบ ไม่ใช่แบบอย่างที่ดี ต้องช่วยๆกันครับ แชมป์การท้องก่อนแต่งอันดับสองของโลก อันดับหนึ่งในเอเชีย แชมป์วัยรุ่นทำแท้งสูงสุดในโลก เป็นเรื่องน่าเศร้าน่ากังวลอนาคตของประเทศไทย
