"มีห้างที่ไหน รถติดบรรลัยที่นั่น"
คำๆ นี้คงไม่เกินจริงไปหน่อยสำหรับย่าน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เวลานี้ ซึ่งผมไม่ได้มุ่งหมายเฉพาะเจาะจงต่อห้างใหม่อย่าง "เซ็นทรัลพลาซ่าเวสต์เกต" เพราะก่อนหน้านี้มันติดยาวมาตั้งแต่มีศูนย์การค้า อย่าง คาร์ฟูร์ ที่ตอนนี้เป็นบิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า ในฝั่งขาออกของถนนกาญจนาภิเษกตั้งนานหลายปี เพียงแต่ว่า ห้างใหม่มันทำให้การจราจรย้ายมาคับคั่งในอีกฝั่งเพิ่มเติมจากเดิมเป็น ๒ เท่า ก็แค่นั้น
จริงๆ ปัญหาการจราจรในบริเวณสามแยกบางใหญ่ นี้มีมานานนมแล้ว และสาเหตุสุดคลาสสิคก็คือการจอดรถได้น่ารักน่าชังมากๆ ของบรรดาพี่ๆ รถสาธารณะ โดยเฉพาะแท็กซี่ ที่จอดแช่กันตามป้ายรถเมล์ โดยเฉพาะป้ายตลาดบางใหญ่ทั้ง ๒ ฝั่ง จนรถตู้สาธารณะไม่สามารถจอดได้ ต้องจอดรับส่งในเลนที่ ๒ และบางคันก็หวังดีกลัวผู้โดยสารจะมาขึ้นไม่ทัน จอดรอมันตรงเลนนั้นนั่นล่ะ สุดท้ายรถเมล์จึงต้องจอดรับส่งในเลนที่ ๓ แทน แล้วก็เหลือช่องการจราจรสำหรับรถปกติเพียงแค่เลนเดียวเท่านั้น
ซึ่งในฝั่งตลาดบางใหญ่ ตำรวจจราจรก็ได้มีการแก้ไขโดยการนำกรวยมากั้นช่องจราจรเลนซ้ายสุดไว้สำหรับรถประจำทางทุกประเภท โดยบังคับให้รถทุกคันต้องเข้าแถวเพื่อจอดรับส่งผู้โดยสาร ... แน่นอนว่า มันก็ดูเหมือนจะดีในการเปิดช่องจราจรให้กับรถปกติ ... แต่ในความจริงแล้ว รถสาธารณะทั้งเล็กและใหญ่จำต้องมาเบี่ยงแย่งกันเข้าสู่เลนซ้ายที่สุด มันก็เลยทำให้ไปขวางเลนอื่นๆ จนทำให้ช่วงเย็น - ค่ำ รถจะติดกันหนาแน่น ...บางทีผมก็คิดนะว่า ทำไมชั่วโมงเร่งด่วนไม่ลองปรับแผนโดยให้รถสาธารณะขนาดเล็ก พวกแท็กซี่ รถตู้ เข้าเลนซ้ายสุด แล้วให้รถเมล์จอดเลนถัดไป น่าจะช่วยให้การรับส่งผู้โดยสารเป็นไปอย่างคล่องตัวกว่านี้
ขณะที่ทางหน้าห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า ตำรวจก็พยายามแก้ปัญหารถสาธารณะจอดไม่ตรงป้ายด้วยการติดตั้งรั้วเหล็กกั้นบริเวณใต้สะพานลอยหน้าห้าง ไม่ให้จอดรับผู้โดยสาร พร้อมนำป้ายบิลบอร์ดแสดงข้อความห้ามอย่างชัดเจนมาเตือนผู้ขับขี่ แต่ในความเป็นจริงก็ยังคงไม่สามารถแก้อะไรได้มากนัก เพราะชาวบ้านที่มาจับจ่ายต่างขี้เกียจจะเดินย้อนกลับไปขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์หน้าห้างบิ๊กคิงส์ที่โด่งดังในอดีตซึ่งไกลจากบริเวณนี้มาราว ๑๐๐ เมตร จึงยืนรอออกันอยู่ที่เดิม รถสาธารณะที่ไม่ใช่ของ ขสมก.ก็เลยต้องจอดรับ นอกจากนี้ยังมีปัญหาประชาชนจอดรถจักรยานยนต์กันเต็มช่องทางจราจรบริเวณย่านการค้าช่วงก่อนถึงห้าง ก็เลยไปกันใหญ่
ส่วนฝั่งตรงข้าม ผมคาดว่า เซ็นทรัลน่าจะมองเห็นปัญหาการจราจรที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ ประกอบกับหวังจะอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าก็เลยจัดการย้ายป้ายรถเมล์จากเดิมที่อยู่ติดถนนทางเข้าห้างให้เขยิบออกไปอีกราวๆ ๒๐ เมตร พร้อมกับมีตำรวจและพนักงานรักษาความปลอดภัยมีช่วยอำนวยความสะดวกและจัดการพวกจอดแช่ ก็เลยลดปัญหาไปได้เปราะนึง รวมทั้งกรณีสร้างสะพานเชื่อมต่อจากสะพานวงแหวนถนนรัตนาธิเบศร์ขาเข้า ที่ทำให้เข้าห้างได้ง่ายขึ้นเมื่อมาจาก ถ.กาญจนาภิเษกขาออก ... แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดครับ
แน่นอนว่าการมาของเซ็นทรัล โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ใครๆ ก็แห่มาเที่ยวห้างใหม่ ทำให้การจราจรในพื้นที่นี้ที่หนาแน่นอยู่แล้ว กลับยิ่งมีจำนวนรถเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์ ช่วงเที่ยงๆ - เย็นๆ จะติดตั้งแต่ทางเข้าห้างฝั่ง ถ.กาญจนาภิเษก ยาวมาจนเกือบถึงสถานีรถไฟฟ้าคลองบางไผ่ ระยะทางประมาณ ๑ กิโลเมตร ก่อนจะเว้นช่วงวงแหวน แล้วไปติดอีกทีตั้งแต่ซอยวัดเสาธงหิน ไปจนถึงสะพานข้ามคลองตรงวัดคงคา เพราะรถที่มาจาก ถ.รัตนาธิเบศร์ขาออก หากจะเข้าห้างจำต้องไปวิ่งกลับรถตรงใต้สะพานนี้ ส่วนทางเข้าด้านโค้งที่เลี้ยวรับรถมาจาก ถ.กาญจนาภิเษกขาเข้า สู่ ถ.รัตนาธิเบศร์ก็ติดขัดไม่แพ้กัน ...
เรียกได้ว่าชาวบางใหญ่ได้สัมผัสรสชาติคนกรุงกันจริงๆ ก็งานนี้ล่ะจ้า ไม่รู้ว่าพอรถไฟฟ้าวิ่งแล้วรถธรรมดาพอจะซิ่งบนถนนได้ดีกว่าเดิมมั้ย
อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือ “ธุรกิจการค้า” ในย่านนี้ แน่นอนว่า บางใหญ่ กำลังจะมีการคมนาคมสะดวกยิ่งขึ้นจาก ”รถไฟฟ้าสายสีม่วง” แต่นั่นก็รอกันโน้น กลางปีหน้าถึงจะได้เห็นผลว่า คุ้มกับเม็ดเงินลงทุนหรือไม่ รวมทั้งคอนโดมีเนียมที่กำลังจะผุดขึ้นอีกอย่างน้อย ๒ เจ้า แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้การมาของเซ็นทรัล ก็ทำให้การค้าคึกคักขึ้นมาอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะพื้นที่ข้างๆ ซึ่งแต่ก่อนเป็นลานขายเครื่องประดับยนต์จนกระทั่งน้ำท่วมในปี ๕๔ จึงเวิ้งว้างเหลือแค่ไม่กี่เจ้า แล้วถูกทุบทิ้งและกำลังสร้างพื้นที่การค้าให้เช่าใหม่ๆ ส่วนที่ดินรกร้างที่ติดกับศูนย์การค้าบิ๊กซี ก็ถูกพัฒนาให้เป็นพื้นที่ให้เช่าขายของที่ชื่อว่า "สนุกนึก" มีการแบ่งโซนแฟชั่นขายเสื้อผ้า เครื่องประดับ และอุปกรณ์ตกแต่งโทรศัพท์ กับโซนร้านอาหาร ที่ถูกตกแต่งในสไตล์กึ่งย้อนยุค แต่ราคาอาหารหลายๆ เจ้าถือว่าย่อมเยาเลยทีเดียว น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการกินของพนักงานห้าง ส่วนด้านในสุดตกแต่งเป็นร้านเหล้า
ส่วนห้างเก่าๆ ในย่านนี้ ถ้ามองโดยรวม บิ๊กซี ทั้ง ๒ สาขา ตัวซูเปอร์มาร์เกตเอง อาจจะมีผลกระทบบ้างในช่วงแรก แต่สุดท้ายก็ยังคงเป็นตัวเลือกหลักของผู้บริโภคอยู่ดี เพราะราคาเหมาะกับกำลังซื้อของคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ ที่จะโดนแน่ๆ ก็คือบรรดาร้านค้า ร้านอาหารภายในห้างที่ดันไปเปิดสาขาใหม่ในเซ็นทรัล อันนี้ยอดน่าจะลงมาไม่น้อย
แต่ที่น่าจะหนักแน่ๆ คงหนีไม่พ้นห้าง "เดอะสแควร์" ศูนย์การค้า ๔ ชั้นที่เคยใหม่ที่สุดในย่าน เพราะเพิ่งเปิดตัวในปี ๒๕๕๑ มีโรงภาพยนตร์ยุคใหม่เป็นแห่งแรกในย่านบางใหญ่ - บางบัวทอง อย่าง เอสเอฟซีนีม่า ซิตี้ มีร้านขายเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์กีฬา สปอร์ต มอลล์ พยายามปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นศูนย์การค้าด้านคอมพิวเตอร์ ทั้งซ่อม และซื้ออุปกรณ์ ในละแวก พร้อมเปิดพื้นที่ให้รายย่อยได้เช่าร้านค้าขายสินค้า ทั้งอาหาร เสื้อผ้า และอื่นๆ รวมทั้งให้ธนาคารได้เช่าเพื่อบริการธุรกรรมทางการเงิน และพยายามสร้างอีเว้นต์ต่างๆ ให้คนเข้ามาเที่ยวชมห้าง ทั้งงานโอท็อป การประกวดดนตรี การแข่งขันต่างๆ ในระดับจังหวัด ล่าสุดมีแผงเช่าพระบนชั้น ๓ ชั้นเดียวกับไอทีซิตี้ ที่ดูย้อนแย้งกันดี
แม้ทางห้างจะพยายามสร้างสรรค์กิจกรรมแต่กลับรู้สึกไม่ค่อยตอบสนองให้คนในพื้นที่มาเดินสักเท่าไหร่ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? อาจจะเป็นเพราะมันไกลจากป้ายรถเมล์ สะพานลอย หรือความรู้สึกว่า ไปแล้วไม่น่าจะมีอะไร ไม่มีแรงจูงใจให้ซื้อ ซึ่งก็น่าเป็นห่วงเหมือนกันว่า หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ที่สำคัญก็ไม่รู้ว่าร้านอาหารที่มีสาขาใหม่ในเซ็นทรัล อย่างฮอตพอต และเชสเตอร์กริลล์ จะปิดสาขาลงหรือไม่ อาจต้องมีการปรับกลยุทธ์ (เห็นว่าหน้าห้างมีการก่อสร้างอะไรบางอย่างอยู่) ใช้จุดเด่นและแตกต่างมาโฆษณาให้มากขึ้น เช่น ชมภาพยนตร์ราคาถูก ศูนย์บริการคอมพิวเตอร์ครบวงจร หรือทำตลาดนัดติดแอร์ หาร้านอาหารเด่นๆ จากห้างในกรุงเทพฯ มาเปิดสาขาใหม่ ฯลฯ ทำให้เขารู้สึกว่า ไม่ต้องเข้าเมืองก็ได้เพราะที่นี่ก็มีของ
ขณะที่ย่านการค้ารายย่อย แหล่งค้าโทรศัพท์มือถือขนาดใหญ่บริเวณเยื้องห้างบิ๊กคิงส์ แม้ช่วงนี้จะดูเงียบเหงา แต่ก็น่าจะยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เพราะฐานลูกค้ากำลังทรัพย์น้อยทั้งชาวไทยและต่างด้าวสุดท้ายก็คงกลับมาเดินซื้อเพื่อไปใช้งานกันปกติ แต่กลุ่มที่น่าจะคึกคักเป็นพิเศษก็คงหนีไม้พ้นโซนอาหารริมทางหน้าตลาดบางใหญ่ คงมีรายได้เพิ่มมาจากลูกค้าหน้าใหม่ ทั้งพนักงานและผู้มาเดินเที่ยวห้างเซ็นทรัล รวมไปถึงบริเวณย่านการค้าบีบีมาร์เก็ต ที่ตอนนี้อาจดูซบเซา แต่เชื่อว่าไม่นานก็คงจะกลับมาคึกคักเช่นเดิม หรือแม้กระทั่งซูเปอร์มาร์เกต ๒๔ ชั่วโมงในเครือญี่ปุ่นอย่างแม็กซ์ แวลู ก็ยังคงเป็นตัวเลือกในการจับจ่ายสำหรับคนที่ขี้เกียจข้ามไปท็อปในห้างใหญ่ได้ดี
กลับมาดูกันที่เซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกต ถูกสร้างให้ยิ่งใหญ่อลังการดาวล้านดวงที่สุดในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนพื้นที่ ๓๓๓,๐๐๐ ตารางเมตร ชูความเป็นประตูสู่ด้านตะวันตก เป็นห้างแห่งอนาคต เพราะเตรียมต้อนรับกำลังซื้อที่มาจากทั้งรถไฟฟ้าสายสีม่วงกลางปีหน้า และโครงการในอนาคตอย่างมอเตอร์เวย์ตะวันตก ทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี ที่ไม่รู้จะได้ฤกษ์สร้างกันเมื่อไหร่
พูดถึงเซ็นทรัลใหม่นี้ มีพื้นที่การค้ารวม ๔ ชั้น ที่แปลกสำหรับผมคือนำ ท็อป ซูปเปอร์มาร์เกต และซุ้มอาหาร มาไว้บริเวณลานโถงชั้น ๑ ของห้าง ซึ่งต่างจากสาขาอื่นที่ผมเคยเจอมา (แต่ไม่มั่นใจว่าในต่างจังหวัดเป็นเช่นนี้หรือไม่) มันเลยทำให้ห้างดูมีปริมาณคนเยอะขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ในชั้นดังกล่าวก็ยังมีแบรนด์เสื้อผ้าในดังๆ จากในกรุงเทพฯ ทั้ง ยูนิโคล เฮชแอนด์เอ็ม (ขณะที่เขียนยังไม่เปิดให้บริการ) และอื่นๆ ช้อปกีฬา ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ร้านทอง ส่วนโซนห้างสรรสินค้าอยู่ด้านในสุด
ชั้น ๒ บริเวณด้านหน้าห้างมีซุ้มจัดแสดงน้ำพุ พร้อมภาพกราฟิคและดนตรีประกอบให้ชมชั่วโมงละรอบ ส่วนร้านปลีกย่อยก็มีพวกคลินิคและผลิตภัณฑ์บำรุงร่างกาย ซูเปอร์สปอร์ต รวมทั้งร้านอาหารดังๆ จากในเมือง ส่วนชั้น ๓ ก็เป็นโซนร้านอาหาร ธนาคาร สถาบันสอนทักษะ และชั้น ๔ ก็เป็นโรงภาพยนตร์ นิทรรศการโดราเอมอน และห้องจัดแสดงนิทรรศการ ตรงนี้คาดว่า อนาคตอาจจะถูกใช้เป็นศูนย์แสดงสินค้า หรือจัดกิจกรรมเกี่ยวกับจังหวัด
จากการเดินสำรวจมาหลายวัน สิ่งที่พบคือ ร้านค้าที่ยี่ห้อเป็นที่รู้จักโดยเฉพาะพวกร้านอาหารแบรนด์ดัง จะมีคนเดินเข้าไปซื้อและชมสินค้าจำนวนมาก แต่ในมุมกลับก็มีหลายร้านที่ชื่อไม่คุ้นหูถูกมองเมินผ่านมากด้วยเช่นกัน
พูดกันเฉพาะในส่วนของร้านอาหาร ห้างนี้ถือว่าเป็นแหล่งรวมร้านที่หลากหลายมากๆ ทั้งชนิด ลักษณะอาหาร และราคา เพื่อรองรับลูกค้าตั้งแต่ระดับกำลังซื้อน้อย ไปจนถึงร้านหรูๆ ในเมือง ซึ่งเท่าที่ดูบางร้านผมถึงกับยกนิ้วให้ต่อความใจกล้าในการบุกมาเปิดพื้นที่แห่งอนาคต และแน่นอนว่า ๑ สัปดาห์ที่ผ่านมาเขาคงจะได้เห็นกันแล้วว่า กำลังซื้อในย่านนี้เป็นอย่างไร ที่น่าสนใจคือ หลายๆ ร้านจะทนอยู่รอถึงความเจริญในรูปแบบของรถไฟฟ้าวิ่งผ่านมาได้หรือไม่
เพราะจากประสบการณ์แล้ว แม้ในบริเวณนนทบุรีตะวันตก ตั้งแต่ บางใหญ่ บางบัวทอง บางกรวย ไทรน้อย จะมีหมู่บ้านจัดสรรขึ้นอย่างมากมายก็จริง แต่ทั้งชาวถิ่น ชาวบ้านจัดสรร และชาวต่างด้าวกว่า ๓๕% ยังมีกำลังซื้อไม่มากนัก ขณะที่กำลังซื้อระดับกลางมีอยู่ไล่เลี่ยกันราว ๔๕% และผู้ที่มีกำลังซื้อสูง มีเพียงแค่ ๑๕% ที่สำคัญคือ คนส่วนใหญ่ของทั้ง ๒ ประเภทนั้นมักไม่ค่อยกล้าจับจ่ายต่อสิ่งที่เขาไม่คุ้นเคย ผู้ประกอบการเองคงต้องปรับกลยุทธ์ทั้งลดราคา แจกสินค้า เล่นเกม หรืออื่นๆ เพื่อเรียกลูกค้ามาใช้บริการให้ร้านของตนอยู่รอดได้
อย่างน้อยก็อยู่รอลุ้นรถไฟฟ้าวิ่งในปีหน้า แต่รับรองว่า ถ้าถึงเวลานั้นการแข่งขันคงจะดุเดือดกว่านี้แน่นอน...