ในบรรดาภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารผู้นำของประเทศสำคัญๆของโลก ผมว่าเรื่องของประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องที่ถูกเอามาทำเป็นภาพยนตร์มากที่สุดเรื่องหนึ่ง
ล่าสุด คือ เรื่อง พาร์คแลนด์ Parkland ชื่อไทย ล้วงปมสังหาร จอห์น เอฟ เคนเนดี้ เป็นหนังเข้าฉาย เมื่อปี 2013 ฝีมือการกำกับของ ปีเตอร์ แลนเดสแมน สร้างจากหนังสือ Four Days in November ของวินเซนต์ บัคลิโอซี
หนังเล่าเรื่องเหตุการณ์สะเทือนโลก เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนปี 1963 วันอันโหดร้ายที่ทำให้คนเมริกันช็อคไปทั้งประเทศ เมื่อประธานาธิบดีหนุ่ม จอห์น เอฟ เคเนดี้ ถูกลอบสังหารระหว่างนั่งรถลีมูซีนผ่านใจกลางเมืองดัลลัส เรื่องราวในวันนั้นถูกบอกเล่าผ่านกลุ่มคนมากมายที่อยู่ในเหตุการณ์จากมุมมองของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นทีมเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ นักข่าว ประชาชนธรรมดา รวมถึงทีมแพทย์ที่พยายามยื้อชีวิตของประธานาธิบดี ซึ่งถูกส่งตัวไปรักษาอย่างเร่งด่วนในโรงพยาบาลพาร์คแลนด์ เมืองดัลลาส รัฐเทกซัส ท่ามกลางความชุลมุน
มีช่างภาพถ่ายเหตุการณ์เอาไว้ได้ ทำให้มันกลายมาเป็นวิดีโอสำคัญในประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงมากคือผลงานของ อับราฮัม ซาพรูเดอร์ ซึ่งถูกนำมาใช้ในภาพยนตร์มาหลายเรื่อง ในขณะเดียวกันตำรวจก็ทำงานอย่างหนักเพื่อสืบหาข้อเท็จจริง รวมทั้งรองประธานาธิบดี ลินดัน จอห์นสัน ที่ต้องพยายามยุติความวุ่นวายนี้
ตัวละครสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงฝันร้ายหลังความตายของประธานาธิบดีคนสำคัญนี้ถูกถ่ายทอดโดย พอล จิอาแม็ตติ (Paul Giamatti) ในบทช่างภาพ อับราฮัม ซาพรูเดอร์, บิลลี บ๊อบ ธอร์นตัน (Billy Bob Thornton) ในบท ดัลลาสเจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐฯ, แซ็ค เอฟรอน (Zac Efron) กับบทแพทย์ประจำโรงพยาบาล Parkland, มาร์เซีย เกย์ ฮาร์เดน (Marcia Gay Harde) รับบทนางพยาบาล และ เจเรมี สตรอง (Jeremy Strong) ในบทมือปืน ลี ฮาร์วีย์ ออสวาลด์
ก่อนหน้านี้ การลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ มีการทำเป็นภาพยนตร์หลายครั้งทั้งแบบหนังสารคดี และภาพยนตร์เรื่องยาว ที่โด่งดังมากคือ เรื่อง JFK สร้าง เมื่อปี 1991 โดยผู้กำกับ โอลิเวอร์ สโตน นำแสดงโดย เควิน คอสท์เนอร์ ในบท "จิม แกร์ริสัน" อัยการชาวนิวออร์ลีนส์ ผู้เขียนหนังสือ On the Trail of the Assassins: One Man’s Quest to Solve the Murder of President Kennedy ซึ่งเป็นที่มาของหนัง
หนังJFK เสนอประเด็นไว้ชัดเจนว่าการลอบสังหารเคนเนดี้ ไม่มีทางที่จะเป็นการกระทำตามลำพังของ ลี ฮาร์วี่ย์ ออสวอลด์ ได้ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นไปได้อย่างมาก ว่าการลอบสังหารนี้เป็นผลจากการเห็นชอบร่วมกันของกลุ่มอำนาจและผลประโยชน์ ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของเคนเนดี้
สโตนนำเสนอโดยใช้การสืบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ประสานกับจิ๊กซอของหลักฐานต่าง ๆ นำภาพเหตุการณ์ ที่ถ่ายทำเลียนแบบหนังที่อับราฮัม ซาพรูเดอร์ ถ่ายไว้จากเหตุการณ์จริงมาตัดสลับลงเป็นระยะ ทำให้หนังมีลักษณะน่าเชื่อถืออย่างหนังสารคดี
ในวันลอบสังหาร ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ อดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯ ถูกจับกุมในข้อหาสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ.ดี. ทิปปิท ซึ่งพบร่างไร้วิญญาณของนายตำรวจบนถนนเมืองดัลลัส หลังการลอบสังหารเคนเนดี้เพียง 45 นาที หลังการสอบสวน ออสวอลด์ก็โดนอีกกระทง ในข้อหาเป็นมือปืนผู้ลั่นกระสุนปลิดชีพประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขาให้การปฏิเสธในทุกข้อหา อีกสองวันต่อมา เมื่อมีการย้ายตัวออสวอลด์จากสถานีตำรวจไปยังเรือนจำท้องถิ่น เขาก็ถูกยิงโดย แจ็ค รูบี้ เจ้าของไนท์คลับในดัลลัส ต่อหน้าต่อตาประชาชนนับล้านทั่วประเทศผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์
หลังการลอบสังหาร เกิดข่าวลือตามมาหลายกระแส รวมทั้งบรรดา ‘คนวงใน’ ที่อยู่เบื้องหลังเสียงกระสุนปืน ทำให้ประธานาธิบดีจอห์นสันต้องตั้งคณะกรรมการวอร์เรนขึ้นมาเพื่อสยบข่าวลือเหล่านั้น ผลการสืบสวนของคณะกรรมการยืนยันว่า ออสวอลด์ เป็นผู้ลงมือลั่นไกเพียงลำพัง ไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังใด ๆ เช่นเดียวกับแจ็ค รูบี้ที่ปลิดชีพออสวอลด์ ก็ทำเพียงลำพัง
หนังทีวีทางช่อง National Geographic ที่ฉายไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดัดแปลงจากหนังสือ Killing Kennedy ของ บิล โอ’ไรลี่ย์ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ชูประเด็น ‘ทฤษฎีเดี่ยวมือปืน’ เช่นเดียวกับ Parkland ด้วยคำโฆษณาว่า ‘บอกเล่าเรื่องที่คุณคิดว่าคุณรู้ใหม่ทั้งหมด’
ที่จริง มีหลายทฤษฎีความเชื่อเกี่ยวกับสาเหตุเบื้องหลังการลอบสังหาร JFK ไม่ว่าจะเป็น ‘เดี่ยวมือปืน’ ซึ่งลงมือโดยชายผู้คลั่งคอมมิวนิสต์ ออสวอลด์ แต่เพียงผู้เดียว ทฤษฎีคาสโตร ผู้นำคอมมิวนิสต์ในคิวบา ซึ่งเพิ่งมีปัญหากับรัฐบาลเคนเนดี้ ทฤษฎีใบสั่งตายจากประเทศรัสเซีย ซึ่งขณะนั้นกำลังทำสงครามเย็นกับสหรัฐฯ ในเวียดนาม หรือแม้แต่ทฤษฎีมาเฟีย เพราะโกรธแค้นที่เคนเนดี้ถอนทหารออกจากคิวบา ทำให้ขายอาวุธไม่ได้
นอกจากนี้ ยังมี‘ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด’ ที่โด่งดังที่สุด เป็นการจับมือกันอย่างลับ ๆ ระหว่าง เอฟบีไอ, ซีไอเอ, อุตสาหกรรมสงคราม, กลุ่มมาเฟีย และกลุ่มลัทธิคอมมิวนิสต์ และทฤษฎีอื้อฉาวที่บอกว่า เอฟบีไอสั่งเก็บเอง เนื่องจากอับอายเรื่องข่าวชู้สาวกับนักแสดงสาวเซ็กซิมโบลคนดัง มาริลีน มอนโร ซึ่งว่ากันว่า แม้แต่ตัวเธอเองก็ถูกจัดฉากฆ่าตัวตายโดยฝีมือเอฟบีไอ
ยังมีแรงจูงใจอื่น ๆ ที่อาจนำไปสู่การลอบสังหาร การที่เคนเนดี้ขัดขวางผลประโยชน์ในธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจอุตสาหกรรมอาวุธสงคราม ธุรกิจใหญ่ที่สุดในประเทศอเมริกา และมีมูลค่าสูงถึง 8 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปีในยุคสงครามเย็น หลังจากเคนเนดี้ถูกสังหารเพียง 4 วัน นโยบายทางการทหารของสหรัฐฯ ต่อสงครามเวียดนามก็ถูกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในยุคของประธานาธิบดีจอห์นสัน
โพลส์สำรวจความคิดเห็นในสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า ชาวอเมริกันมากกว่าสามในสี่ ไม่เชื่อว่าออสวอลด์เป็นมือสังหารเพียงคนเดียว คนส่วนใหญ่ยังปักใจเชื่อว่า การอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเหตุลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ของรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นการสับขาหลอกอันแยบยล เต็มไปด้วยชั้นเชิงและแผนการ
ในปี 1992 ประธานาธิบดี จอร์จ บุช ได้ลงนามในกฎหมาย The President John F. Kennedy Assassination Records Collection Act หรือ JFK Records Act ส่งผลบังคับโดยตรงให้หอจดหมายเหตุแห่งชาติ (National Archives and Records Administration) เก็บรวบรวมบันทึกรายงานทั้งหลายของรัฐบาล ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลอบสังหารประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ในปี 1963
ที่น่าสนใจในวงการภาพยนตร์ คือ มีการระบุว่าหนัง JFK ของ โอลิเวอร์ สโตน เป็นตัวกระตุ้นหลักในกระบวนการนี้ เอกสารจะถูกเก็บในหอจดหมายเหตุอีก 75 ปีนับจากปี 1963 เท่ากับว่าจะสามารถเข้าไปอ่านกันได้ในปี 2038 ก็ไม่นานเกินรอหรอกครับ
