พูดถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ช่วงนี้หลายคนคงใช้จ่ายไม่ค่อยคล่องสักเท่าไหร่ นอกจากข้าวของที่แพงขึ้น บ้างก็ต้องเก็บหอมรอมริบไว้ผ่อนสิ่งของทั้งอสังหาริมทรัพย์และเครื่องอำนวยความสุขในชีวิต ไหนจะต้องเตรียมใจเจอกับภาษีโน้นนี่นั่นอีก แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว ... อย่างว่าล่ะครับ มันก็ต้องดิ้นรนกันไป มีน้อยก็ใช้สอยประหยัด มีมาก ได้โบนัสก็เก็บเอาไว้ ไม่ใช้เงินเติบเกินตัว แค่นี้ก็น่าจะอยู่ได้
บ่นมามากล่ะ เข้าเรื่องดีกว่าครับ
หลายคนคงทราบว่าผมทำงานอยู่บนถนนพระอาทิตย์ ในย่านที่มีแหล่งท่องเที่ยวและของกินเยอะแยะมากมายหลากหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองนักท่องเที่ยวทั้งชาติเดียวกันและต่างชาติพันธุ์ จนมีหลายร้านดังมากๆ ถึงขนาดไม่ว่าใครมาก็ต้องรอต่อแถวซื้อ อาทิ โรตีมะตะบะ หรือ คุณแดงก๋วยจั๊บญวน ถ้าขยับไปหน่อยก็จะเป็นโซนบางลำพู และตรอกข้าวสาร นี่ก็แหล่งของกินอีกเพียบ ... และราคาก็ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน
แต่ใช่ว่าแถวนี้จะมีแต่ของแพงๆ เท่านั้นนะ หลายๆ ร้านโดยเฉพาะแผงลอยข้างทางนี่บางร้านถูกกว่าแถวบ้านผมเสียอีก ...
เราจะไปตามหากันครับ
.. ถ้าพูดถึงอาหารกินเพื่ออยู่ให้อิ่มท้องสัก ๑ มื้อ แน่นอนว่า "ข้าวแกง" ถือเป็นตัวเลือกหลักๆ ของใครหลายคน จะเรียกว่าเป็น ”อาหารแดกด่วน” หรือฟาสต์ฟูดส์ ก็คงไม่ผิดนัก เพราะแค่ตักข้าว โปะกับที่ทำรอไว้ ก็กินได้แล้ว แถมยังมีคุณค่าทางโภชนาการกว่าอาหารแดกด่วนของฝรั่งด้วย ซึ่งแถว “บางลำพู - ถ.พระอาทิตย์” ก็มีหลายร้านทั้งเจ้าเก่าแก่ที่สุด จนถึงเจ้าที่เพิ่งเปิดใหม่ เท่าที่เคยสำรวจด้วยตัวเอง น่าจะถึง ๑๐ ร้านได้ ราคาและรสชาติก็ต่างกันไป ทั้งอร่อยโคตรๆ และกินครั้งเดียวเลิก ก็มี ไว้วันหลังจะพาไปชิมด้วยกันครับ แต่ในงวดนี้ ผมขอคัดเอาเฉพาะร้านที่ราคาถูก และผมกินค่อนข้างบ่อยให้ผู้อ่านได้รู้กันก่อนดีกว่า
ร้านแรกที่ผมแนะนำเป็นร้านริมทางบน ถ.พระสุเมรุ ชื่อ "ร้านพเยาว์" ครับ อยู่ตรงสี่แยกบางลำพู ริมรั้วธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางลำพู ขายตั้งแต่ช่วงสายๆ ไปจนถึงสามโมงเย็นได้ ส่วนมากหยุดวันจันทร์ ที่ร้านจะมีอาหารเพียงไม่กี่อย่างแต่เท่าที่สังเกตุก็เติมตลอด เมนูประจำวันก็จะเป็นแกงไก่ยอดมะพร้าวอ่อน ไข่พะโล้ ไข่เจียวหมูสับ กุนเชียง แต่ก็จะมีเมนูพิเศษเช่น ยำหูหมู แกงหอยใส่หน่อไม้ดอง ต้มจืด อันนี้เท่าที่นึกได้นะ อาหารส่วนใหญ่รสค่อนข้างเผ็ดมาก แต่ที่ผมชอบสุดๆ คือ ผัดเผ็ดเป็ดย่าง สีแดงฉาดที่ดูน่าจะเผ็ดระดับโลกแต่พอกลับไม่เผ็ดเลย เพราะเขาใช้พริกเผาผัด รสจึงออกหวาน เค็มนำ
จุดที่น่าสนใจของร้านคือ เขาไม่มีโต๊ะครับ มีเพียงเก้าอี้วางอยู่บนทางเท้าเพียงที่นั่งให้ ใครจะกินก็ต้องถือจานซัดเอา พอทานเสร็จก็นำจานไปใส่ในถังใต้โต๊ะ โดยต้องเขี่ยเศษอาหารแยกก่อนด้วยนะ (นี่ถือเป็นกุศโลบายให้คนรู้จักการแยกขยะหรือเปล่า? ) แต่ถ้ารู้สึกว่าทานไม่ค่อยได้ ก็รอวันอาทิตย์เขาจะย้ายมาขายตรงร้านเครื่องเขียนอุดมสาส์น พร้อมโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งกินกันสะดวกขึ้น และเมนูประจำวันนอกจากแกงไก่ ก็มีแกงไก่ใส่ฟักและลูกชิ้นปลากราย ผัดหน่อไม้ เป็นต้น ราคาก็ตามป้ายเลยครับ เริ่มต้นที่ ข้าวราดแกงอย่างเดียวจานละ ๒๕ บาท ใส่ถุงก็ราคาเดียวกัน ไข่เจียว,กุนเชียงชิ้นละ ๑๐ บาท ถ้าเอาข้าวเปล่า ,ขนมจีนก็จานละ ๑๐ บาท อิ่ม อร่อยในราคาย่อมเยา
ร้านนี้ขายมาน่าจะนานแล้วครับ ตั้งแต่ผมย้ายมาทำงานที่บ้านพระอาทิตย์เมื่อ ๕ ปีที่แล้วก็เห็นขายอยู่ เพราะถามป้าแกไม่ยอมคุยเท่าไหร่นัก (ฮ่าๆๆ) แกบอกไม่ชอบให้สัมภาษณ์สื่อ เคยมีหลายช่องมาติดต่อก็ไม่เอา แต่ถ้าใครจะมาถ่ายรูปไปก็ไม่ได้ห้ามอะไร ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นชาวบ้านแถวนี้ล่ะครับ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติบ้าง ก็คงอเมซซิ่งไทยแลนด์กันไป แกแอบเล่าว่าช่วงสงกรานต์นี่ชาวญี่ปุ่นจะมาแวะกินร้านแกเยอะ เพราะเห็นมีคนถ่ายรูปที่ร้านแล้วไปลงในข้อมูลท่องเที่ยวของเขา ถ้าใครจะมาลองทานก็แนะนำรถสาธารณะเท่านั้น ไม่ควรนำรถส่วนตัวมาเพราะไม่มีที่จอด และไม่เหมาะสำหรับคนที่ทนความร้อนไม่ได้ครับ
อีกร้านนึงที่ผมอยากจะแนะนำในงวดนี้ ก็ยังคงคอนเซปท์เดิมคือร้านข้างทางและที่สำคัญ ถูกจริงๆ ครับ!! อยู่ตรงหัวมุม ถ.รามบุตรี ที่เชื่อมกับ ถ.จักรพงษ์ ซึ่งถนนนี้จะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ที่มาเข้าร้านอาหาร พักในโรงแรม เกสต์เฮ้าส์ รวมทั้งกินดื่มเต้นในสถานเริงรมย์เวลาค่ำคืน แต่ช่วงกลางวันเปรียบเสมือนถนนสายหนึ่งที่ร้อนระอุไม่มีอะไรน่าสนใจนัก ร้านนี้ไม่มีป้ายชื่อครับ แต่เขาเรียกกันว่า “ร้านป้าแมว” เปิดขายตั้งแต่ ๙ โมงเช้า - ๕ โมงเย็นของทุกวัน หยุดเพียงแค่วันจันทร์เท่านั้น
สภาพร้านมีเพียงรถเข็นตั้งวางแกงและกับข้าวที่สลับสับเปลี่ยนกันไป รวมๆ นี่มีอาหารมากกว่า ๒๐ ชนิดตให้เลือกกินได้ตามสะดวก ทั้งปลาสลิด ปลาทูทอด แกงเผ็ดปลาดุก ไข่พะโล้ แกงไก่ยอดมะพร้าวอ่อน ผัดวุ้นเส้น ผัดผัก หมูทอดกระเทียม กุนเชียง และอื่นๆ ที่ผมชอบก็จะเป็นพวกแกงเขียวหวานหมู หรือลูกชิ้นปลากราย แกงผักบุ้งหมูเทโพ ไข่ลูกเขย ปลาตัวเล็กๆ ทอดคลุกพริกแกง พวกนี้อร่อยถึงเครื่องจริงๆ ครับ ส่วนราคาข้าวราดแกงอย่างเดียวเพียงแค่จานละ ๒๐ บาท ถ้า ๒ อย่างก็ ๒๕ บาท เพิ่มออฟชั่นปลาทอด หมูทอด กุนเชียง ก็เริ่มต้นที่อย่างละ ๑๐ บาท ส่วนแกงก็ถุงละ ๒๐ บาท
ร้านป้าแมวนี่ถือเป็นเจ้าเก่าแก่อีกร้านนึงในย่าน ขายกันมาตั้งแต่รุ่นแม่ของป้าจนถึงตอนนี้ก็ราว ๔๐ ปีแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่ก็มีตั้งแต่คนท้องถิ่น คนขับรถรับจ้าง จนถึงพนักงานออฟฟิศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่อยากลิ้มลองอาหารไทยแบบที่ถูกปากคนไทย ผมสังเกตหลายคนก็จะมองๆ ดูอะไรน่ากินแล้วสั่ง กินได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็พยายามกิน ฮ่าๆๆ ที่ร้านจะมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งอยู่ริมทาง ผมถามป้าว่าทำไมขายถูก แกบอกให้คนอื่นได้อยู่ได้ ส่วนป้าก็ต้องทำอาหารไว้หลายๆ อย่างให้มีกำไรบ้าง
อันที่จริงแล้วก็ยังมีข้าวแกงอีกหลายร้านที่ราคาถูกพอๆ กัน แต่ที่ผมนำเสนอก็ถือเป็นตัวอย่างของแหล่งทางเลือกด้านอาหารสำหรับชาวบ้านแถวนี้ให้ชีวิตดำรงอยู่ในภาวะข้าวยากหมากแพงเสียเหลือเกิน ถ้าผู้อ่านสนใจ เผื่อวันไหนมาเที่ยวแถวเกาะรัตนโกสินทร์ ไหว้พระวัดบวรนิเวศฯ หรือวัดชนะสงครามฯ แล้วไม่รู้จะไปกินอะไร เบื่อร้านดังๆ (สามารถทนความร้อนได้) ก็มาลองชิมข้าวแกงแบบบ้านๆ ทั้ง ๒ ร้านได้ครับ
บ่นมามากล่ะ เข้าเรื่องดีกว่าครับ
หลายคนคงทราบว่าผมทำงานอยู่บนถนนพระอาทิตย์ ในย่านที่มีแหล่งท่องเที่ยวและของกินเยอะแยะมากมายหลากหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองนักท่องเที่ยวทั้งชาติเดียวกันและต่างชาติพันธุ์ จนมีหลายร้านดังมากๆ ถึงขนาดไม่ว่าใครมาก็ต้องรอต่อแถวซื้อ อาทิ โรตีมะตะบะ หรือ คุณแดงก๋วยจั๊บญวน ถ้าขยับไปหน่อยก็จะเป็นโซนบางลำพู และตรอกข้าวสาร นี่ก็แหล่งของกินอีกเพียบ ... และราคาก็ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน
แต่ใช่ว่าแถวนี้จะมีแต่ของแพงๆ เท่านั้นนะ หลายๆ ร้านโดยเฉพาะแผงลอยข้างทางนี่บางร้านถูกกว่าแถวบ้านผมเสียอีก ...
เราจะไปตามหากันครับ
.. ถ้าพูดถึงอาหารกินเพื่ออยู่ให้อิ่มท้องสัก ๑ มื้อ แน่นอนว่า "ข้าวแกง" ถือเป็นตัวเลือกหลักๆ ของใครหลายคน จะเรียกว่าเป็น ”อาหารแดกด่วน” หรือฟาสต์ฟูดส์ ก็คงไม่ผิดนัก เพราะแค่ตักข้าว โปะกับที่ทำรอไว้ ก็กินได้แล้ว แถมยังมีคุณค่าทางโภชนาการกว่าอาหารแดกด่วนของฝรั่งด้วย ซึ่งแถว “บางลำพู - ถ.พระอาทิตย์” ก็มีหลายร้านทั้งเจ้าเก่าแก่ที่สุด จนถึงเจ้าที่เพิ่งเปิดใหม่ เท่าที่เคยสำรวจด้วยตัวเอง น่าจะถึง ๑๐ ร้านได้ ราคาและรสชาติก็ต่างกันไป ทั้งอร่อยโคตรๆ และกินครั้งเดียวเลิก ก็มี ไว้วันหลังจะพาไปชิมด้วยกันครับ แต่ในงวดนี้ ผมขอคัดเอาเฉพาะร้านที่ราคาถูก และผมกินค่อนข้างบ่อยให้ผู้อ่านได้รู้กันก่อนดีกว่า
ร้านแรกที่ผมแนะนำเป็นร้านริมทางบน ถ.พระสุเมรุ ชื่อ "ร้านพเยาว์" ครับ อยู่ตรงสี่แยกบางลำพู ริมรั้วธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางลำพู ขายตั้งแต่ช่วงสายๆ ไปจนถึงสามโมงเย็นได้ ส่วนมากหยุดวันจันทร์ ที่ร้านจะมีอาหารเพียงไม่กี่อย่างแต่เท่าที่สังเกตุก็เติมตลอด เมนูประจำวันก็จะเป็นแกงไก่ยอดมะพร้าวอ่อน ไข่พะโล้ ไข่เจียวหมูสับ กุนเชียง แต่ก็จะมีเมนูพิเศษเช่น ยำหูหมู แกงหอยใส่หน่อไม้ดอง ต้มจืด อันนี้เท่าที่นึกได้นะ อาหารส่วนใหญ่รสค่อนข้างเผ็ดมาก แต่ที่ผมชอบสุดๆ คือ ผัดเผ็ดเป็ดย่าง สีแดงฉาดที่ดูน่าจะเผ็ดระดับโลกแต่พอกลับไม่เผ็ดเลย เพราะเขาใช้พริกเผาผัด รสจึงออกหวาน เค็มนำ
จุดที่น่าสนใจของร้านคือ เขาไม่มีโต๊ะครับ มีเพียงเก้าอี้วางอยู่บนทางเท้าเพียงที่นั่งให้ ใครจะกินก็ต้องถือจานซัดเอา พอทานเสร็จก็นำจานไปใส่ในถังใต้โต๊ะ โดยต้องเขี่ยเศษอาหารแยกก่อนด้วยนะ (นี่ถือเป็นกุศโลบายให้คนรู้จักการแยกขยะหรือเปล่า? ) แต่ถ้ารู้สึกว่าทานไม่ค่อยได้ ก็รอวันอาทิตย์เขาจะย้ายมาขายตรงร้านเครื่องเขียนอุดมสาส์น พร้อมโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งกินกันสะดวกขึ้น และเมนูประจำวันนอกจากแกงไก่ ก็มีแกงไก่ใส่ฟักและลูกชิ้นปลากราย ผัดหน่อไม้ เป็นต้น ราคาก็ตามป้ายเลยครับ เริ่มต้นที่ ข้าวราดแกงอย่างเดียวจานละ ๒๕ บาท ใส่ถุงก็ราคาเดียวกัน ไข่เจียว,กุนเชียงชิ้นละ ๑๐ บาท ถ้าเอาข้าวเปล่า ,ขนมจีนก็จานละ ๑๐ บาท อิ่ม อร่อยในราคาย่อมเยา
ร้านนี้ขายมาน่าจะนานแล้วครับ ตั้งแต่ผมย้ายมาทำงานที่บ้านพระอาทิตย์เมื่อ ๕ ปีที่แล้วก็เห็นขายอยู่ เพราะถามป้าแกไม่ยอมคุยเท่าไหร่นัก (ฮ่าๆๆ) แกบอกไม่ชอบให้สัมภาษณ์สื่อ เคยมีหลายช่องมาติดต่อก็ไม่เอา แต่ถ้าใครจะมาถ่ายรูปไปก็ไม่ได้ห้ามอะไร ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นชาวบ้านแถวนี้ล่ะครับ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติบ้าง ก็คงอเมซซิ่งไทยแลนด์กันไป แกแอบเล่าว่าช่วงสงกรานต์นี่ชาวญี่ปุ่นจะมาแวะกินร้านแกเยอะ เพราะเห็นมีคนถ่ายรูปที่ร้านแล้วไปลงในข้อมูลท่องเที่ยวของเขา ถ้าใครจะมาลองทานก็แนะนำรถสาธารณะเท่านั้น ไม่ควรนำรถส่วนตัวมาเพราะไม่มีที่จอด และไม่เหมาะสำหรับคนที่ทนความร้อนไม่ได้ครับ
อีกร้านนึงที่ผมอยากจะแนะนำในงวดนี้ ก็ยังคงคอนเซปท์เดิมคือร้านข้างทางและที่สำคัญ ถูกจริงๆ ครับ!! อยู่ตรงหัวมุม ถ.รามบุตรี ที่เชื่อมกับ ถ.จักรพงษ์ ซึ่งถนนนี้จะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ที่มาเข้าร้านอาหาร พักในโรงแรม เกสต์เฮ้าส์ รวมทั้งกินดื่มเต้นในสถานเริงรมย์เวลาค่ำคืน แต่ช่วงกลางวันเปรียบเสมือนถนนสายหนึ่งที่ร้อนระอุไม่มีอะไรน่าสนใจนัก ร้านนี้ไม่มีป้ายชื่อครับ แต่เขาเรียกกันว่า “ร้านป้าแมว” เปิดขายตั้งแต่ ๙ โมงเช้า - ๕ โมงเย็นของทุกวัน หยุดเพียงแค่วันจันทร์เท่านั้น
สภาพร้านมีเพียงรถเข็นตั้งวางแกงและกับข้าวที่สลับสับเปลี่ยนกันไป รวมๆ นี่มีอาหารมากกว่า ๒๐ ชนิดตให้เลือกกินได้ตามสะดวก ทั้งปลาสลิด ปลาทูทอด แกงเผ็ดปลาดุก ไข่พะโล้ แกงไก่ยอดมะพร้าวอ่อน ผัดวุ้นเส้น ผัดผัก หมูทอดกระเทียม กุนเชียง และอื่นๆ ที่ผมชอบก็จะเป็นพวกแกงเขียวหวานหมู หรือลูกชิ้นปลากราย แกงผักบุ้งหมูเทโพ ไข่ลูกเขย ปลาตัวเล็กๆ ทอดคลุกพริกแกง พวกนี้อร่อยถึงเครื่องจริงๆ ครับ ส่วนราคาข้าวราดแกงอย่างเดียวเพียงแค่จานละ ๒๐ บาท ถ้า ๒ อย่างก็ ๒๕ บาท เพิ่มออฟชั่นปลาทอด หมูทอด กุนเชียง ก็เริ่มต้นที่อย่างละ ๑๐ บาท ส่วนแกงก็ถุงละ ๒๐ บาท
ร้านป้าแมวนี่ถือเป็นเจ้าเก่าแก่อีกร้านนึงในย่าน ขายกันมาตั้งแต่รุ่นแม่ของป้าจนถึงตอนนี้ก็ราว ๔๐ ปีแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่ก็มีตั้งแต่คนท้องถิ่น คนขับรถรับจ้าง จนถึงพนักงานออฟฟิศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่อยากลิ้มลองอาหารไทยแบบที่ถูกปากคนไทย ผมสังเกตหลายคนก็จะมองๆ ดูอะไรน่ากินแล้วสั่ง กินได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็พยายามกิน ฮ่าๆๆ ที่ร้านจะมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งอยู่ริมทาง ผมถามป้าว่าทำไมขายถูก แกบอกให้คนอื่นได้อยู่ได้ ส่วนป้าก็ต้องทำอาหารไว้หลายๆ อย่างให้มีกำไรบ้าง
อันที่จริงแล้วก็ยังมีข้าวแกงอีกหลายร้านที่ราคาถูกพอๆ กัน แต่ที่ผมนำเสนอก็ถือเป็นตัวอย่างของแหล่งทางเลือกด้านอาหารสำหรับชาวบ้านแถวนี้ให้ชีวิตดำรงอยู่ในภาวะข้าวยากหมากแพงเสียเหลือเกิน ถ้าผู้อ่านสนใจ เผื่อวันไหนมาเที่ยวแถวเกาะรัตนโกสินทร์ ไหว้พระวัดบวรนิเวศฯ หรือวัดชนะสงครามฯ แล้วไม่รู้จะไปกินอะไร เบื่อร้านดังๆ (สามารถทนความร้อนได้) ก็มาลองชิมข้าวแกงแบบบ้านๆ ทั้ง ๒ ร้านได้ครับ