เอเอสทีวียังคงปิดอยู่ ถ้านับจนถึงตอนนี้ก็เข้าสู่เดือนที่สองแล้วละครับ หลายคนบ่น เหงากันจะแย่เลยทีเดียวสำหรับแฟนๆหน้าจอทีวีหรือวิทยุ ส่วนคนทำงานในเอเอสทีวีช่วงนี้ต้องสวมหัวใจสิงห์อดทนฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน
หลายคนแปรเป็นพ่อค้าแม่ขาย ช่วยกันออกเดินสายขายสินค้าเอเอสทีวี เพื่อหารายได้มาจ่ายเป็นเงินเดือนพนักงาน บางคนอาจแปรวิกฤตเป็นโอกาส โดยเฉพาะกับการได้อ่านหนังสือดีๆ หรือดูหนังเจ๋งๆ
ในช่วงไม่ปกติที่งานสื่อสารมวลชนมีเงื่อนไขข้อจำกัดในการทำงาน วันนี้ขอเล่าเรื่องหนังดีที่ถูกใจ ผมดูแล้วอดจะเขียนถึงเล่าสู่กันฟังไม่ได้
หนังเรื่องที่ว่านี้ชื่อ “All the King’s Men” ผลงานการกำกับของสตีเว่น เซลเลียน เป็นหนังเก่าพอสมควรเพราะทำขึ้นในปี 2006 สร้างจากหนังสือชื่อเดียวกันนี้ที่ตีพิมพ์ในปี 1946 เขียนโดย โรเบิร์ท เพนน์ วาร์เรน ผู้ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์
ครับ เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากหนังสือวรรณกรรมคลาสสิกเรื่องหนึ่งทีเดียว ก่อนไปที่ประเด็นอื่นๆ เริ่มกันที่ธีมเรื่อง ก่อนเลยแล้วกันครับ
ธีมเรื่อง จากนักการเมืองที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดี หวังจะแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างจริงใจ วันหนึ่งเมื่ออำนาจลอยเข้ามาอยู่ในกำมือจริงๆ เขาก็เปลี่ยนไป จากความหวังจะแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน กลายเป็นการสนองความโลภ ไม่รู้จักพอของตนเพียงผู้เดียว!
นี่จะเป็นเรื่องของใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่…วิลลี สตาร์ก (เอ้า…คุณคิดว่าใครล่ะ) ย้ำอีกทีว่า ตัวละครเอกในนวนิยายคลาสสิก กะเทาะเปลือกมนุษย์ และความบ้าอำนาจของนักการเมือง ฝีมือโรเบิร์ต เพนน์ วอร์เรน เรื่อง All the King’s Men ไม่ธรรมดาเลยทีเดียวครับ
ผลงานของเขา ได้รับการยกย่องจากนักอ่านอย่างกว้างขวาง กระทั่งชนะรางวัลพูลิตเซอร์ในปี 1947 ค่าที่บรรยายถึงการล่มสลายของเจตนคติที่ดีของมนุษย์อย่างถึงแก่น เมื่อตาชั่งดีชั่วเอียงไปฝั่ง ‘บ้าอำนาจ’ ได้อย่างคมเฉียบ ลุ่มลึก และสะใจ!
เพราะมันบีบคั้นกรีดหัวใจคนอ่านด้วยเครดิตสุดบรรเจิดดังกล่าว All the King’s Men ถูกปลุกผีมาโดดเด่นในโรงใหญ่อีกครั้ง หลังจากถูกสร้างและกวาดออสการ์ไปหลายตัวแล้วเมื่อครั้งปี 1949
เที่ยวนี้นำทีมดาราด้วยหนุ่มใหญ่มากประสบการณ์ ฌอน เพนน์ ในบทนักการเมืองอื้อฉาว ส่วนนักแสดงสมทบก็ยอดยุทธ์ทั้งนั้นตั้งแต่ จูด ลอว์, เคต วินสเลต , แอนโธนี ฮอพกินส์, มาร์ค รัฟฟาโล ,เจมส์ กัลดอฟฟินี , แพทริเชีย คลาร์กสัน จนถึง เคธี่ เบทส์
ด้านผู้กำกับนาม สตีฟ ไซเลียน ก็ผ่านงานเขียนบทภาพยนตร์ดังๆ มาเพียบ อาทิ Schindler’s List, Hannibal ,Gangs of New York และ The Interpreter งานกำกับฟอร์มยักษ์ สเกลมโหฬารเรื่องนี้ ที่สุดแล้วเขาจะเอาอยู่หรือไม่ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ แค่ข้อมูลเท่าที่เห็นก็น่าดูน้ำลายหยดแล้ว
!
หนังเรื่องนี้สำหรับผมแล้วต้องขอแนะนำให้คอการเมืองได้ชมเลยละครับ เราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงไปของตัวละครอย่างวิลลี สตาร์ก นักการเมืองหนุ่มไฟแรง ที่สุดท้ายก็เจอการเมืองกลืนกิน
หนังคลี่ภาพอำนาจกับการเมือง ขุดสันดานมนุษย์ ยืนยันประโยคอมตะที่ว่า อำนาจเปลี่ยนคนได้ เราจะได้เห็นจะๆชัดๆในหนังเรื่องนี้ เรื่องราวทั้งหมดถูกเล่าผ่านตัวละครที่ชื่อแจ็ค เบอร์เดน นักข่าวหนุ่มไฟแรง ที่ติดตามทำข่าววิลมาตั้งแต่แรก
นักการเมืองคนนี้ ตัดสินใจมาเล่นการเมืองโดยที่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงการเมืองให้ดีขึ้นได้ และทำให้ประเทศชาติเจริญขึ้น แต่สุดท้ายเขากลับสูญเสียความตั้งใจตรงนั้นไป เหลือแค่เพียงคนที่มีความโลภละโมบ ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและอำนาจของตนเอง
ที่จริงหนังเรื่องนี้ตอกย้ำประโยคอมตะของนักปรัชญาการเมืองของอังกฤษ ลอร์ด แอคตัน “อำนาจทำให้เกิดการฉ้อฉล อำนาจเหลือล้นทำให้ฉ้อฉลอย่างสุดๆ “(Power tends to corrupt, and absolute power corrupts absolutely) ครับ อำนาจมีแนวโน้มทำให้คนเสียคน และอำนาจเบ็ดเสร็จทำให้คนเสียคนเด็ดขาด
สัจธรรมทางการเมืองนี้ ผ่านการพิสูจน์มาแล้วในการเมืองประเทศต่างๆทั่วโลกทุกยุคทุกสมัย หนังเรื่องนี้จงใจสะท้อนถึงต้นทุนที่นักการเมืองต้องจ่ายไปเพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจหรือเป็นใหญ่ มันต้องแลกมาด้วยอะไรมากมาย
แต่สุดท้ายแล้วอำนาจนั้นมันก็นำพาไปสู่จุดจบ แบบที่เราอาจจะพอเดากันได้ หรือบางคนที่ได้ดูเรื่องนี้แล้วคงทราบกันดีว่าจบยังไง
สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูผมแนะนำให้ไปหามาดูครับ แล้วคุณอาจจะสังเกตเห็นอะไรในหนังมากกว่าที่ผมเห็น แต่ที่แน่ๆอำนาจเปลี่ยนคนให้เป็นปีศาจร้ายได้จริงๆ
