xs
xsm
sm
md
lg

Gravity มฤตยูแรงโน้มถ่วง แต่กลับมีแรงดึงดูดสูง

เผยแพร่:   โดย: ยุรชัฏ ชาติสุทธิชัย


หลังจากห่างหายจากการแนะนำหนังดีๆไปสักพักใหญ่ เพราะช่วงก่อนหน้านี้แทบไม่ได้ดูหนังเลย อาจจะเพราะช่วงก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีหนังที่น่าสนใจมากนัก จนกระทั่งมาในช่วงสิ้นเดือนกันยายน ต่อตุลาคมที่เห็นคิวหนังเจ๋งๆและน่าสนใจต่างทยอยเข้าโรงหนังมาให้เราได้ชมกัน

เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้วผมได้ไปดูหนังเรื่องหนึ่งซึ่งจริงๆเข้าโรงเป็นสัปดาห์ที่สองแล้ว แต่ด้วยแรงยุยงส่งเสริมของพี่หลายคนผลักดันให้ผมต้องไปดูหนังเรื่องนี้จนได้ แต่ผมถือว่าแรงยุรอบนี้ได้ผลไปในทางที่ดี เพราะหนังเรื่องนี้เจ๋งจริงๆครับ

หนังเรื่องนั้นคือ Gravity หรือที่มีชื่อไทยแบบโหดๆว่า “มฤตยูแรงโน้มถ่วง” ก่อนจะไปเรื่องอื่น ผมก็ได้เอาเรื่องย่อมายั่วน้ำลายท่านผู้อ่านก่อนก็แล้วกัน

บุลล็อครับบทเป็น ดร.ไรอัน สโตน วิศวกรรมอัจฉริยะด้านการแพทย์ที่อยู่ในภารกิจบนยานอวกาศเป็นครั้งแรกร่วมกับแม็ตต์ โควัลสกี้ มนุษย์อวกาศที่มากประสบการณ์ (คลูนีย์) แต่ช่วงที่เดินสำรวจอวกาศได้เกิดเหตุร้ายขึ้น ยานอวกาศพังสิ้นสภาพจนสโตนและโควัลสกี้ต้องอยู่อย่างเคว้งคว้ง ไม่สามารถยึดติดกับสิ่งใดได้นอกจากพวกเขาที่ต้องโคจรออกไปในความมืด

ความเงียบสงัดบอกกับพวกเขาว่าหมดทางติดต่อกับโลก…และโอกาสในการได้รับความช่วยเหลือแล้ว ขณะที่ความกลัวเปลี่ยนเป็นอาการขวัญเสีย ห้วงอวกาศที่กว้างใหญ่ก็ทำให้ออกซิเจนที่มีน้อยนิดค่อยๆ หมดลง

จริงๆแล้วเราก็ดูหนังเกี่ยวกับอวกาศกันมาเยอะทั้งที่สร้างจากเรื่องจริง อย่าง อพอลโล่ 13 ซึ่งก็คล้ายๆกับเรื่องนี้คือการเอาตัวรอดของมนุษย์ ภายใต้วิกฤต แต่เรื่องนั้นไม่ดูกดดันและบีบคั้นเท่าเรื่องนี้

หรือจะหนังอวกาศกอบกู้โลกอย่างอมาเก็ดดอน ที่มนุษย์ต้องต่อสู้กับอุกาบาตที่กำลังจะพุ่งเข้าชนโลก และหนังแนวๆนี้ออกมาในช่วงปี 2000 ช่วงที่มีข่าวเรื่องโลกแตก มนุษย์จะสูญพันธ์

หนังเกี่ยวกับอวกาศเรื่องนี้ ทำเหมือนหนังที่เล่าเรื่องในพื้นที่จำกัด ในพื้นกว้างใหญ่มหาศาลอย่างในอวกาศ และบีบคั้นเราเข้าไปอีกด้วยเหตุการณ์ต่างๆที่ดูเหมือนตัวเองของเราไม่น่าจะรอดแต่ สุดท้ายก็รอดจนได้ แต่รอดด้วยวิธีไหนอันนี้ต้องไปชมกันเองนะครับ

เมื่อการตัดสินใจครั้งสำคัญเข้ามาก็ทำให้ผู้ชมอย่างเราหายใจไม่ทั่วท้องในการลุ้นระทึกตามไปด้วย พูดเยอะๆเดี๋ยวจะหาว่าสปอยหนัง

เอาละครับหากมองย้อนไปที่หนังเกี่ยวกับอวกาศ แทบทุกเรื่องไม่ว่าจะดูไฮเทคแค่ไหน จะสู้กับอะไร เราก็จะเห็นว่ามนุษย์นั้นเอาความเป็นมนุษย์โลกไปด้วยเสมอ ดูง่ายๆก็คือการสวมชุดนักบินอวกาศ ที่ต้องมีออกซิเจน และมีชุดที่เอาไว้ป้องกันกัมตภาพรังสี

ทำให้ผมแอบคิดไม่ได้ว่าการทำแบบนี้อย่าว่าแต่ไปดาวไกลๆเลย แค่ดวงจันทร์ที่มนุษย์เราอ้างว่าไปเหยียบมาแล้ว จริงๆก็อาจจะดูเหมือนว่าไม่ได้เหยียบ เพราะต้องเหยียบและสัมผัสทุกอย่างผ่านชุดนักบินอวกาศ ซึ่งยังไงซะมันก็คงไม่เหมือนกับการสัมผัสด้วยอวัยวะหรือสัมผัสด้วยร่างกายของเราเอง

พูดมาถึงตรงนี้ขอบอกเลยว่าหนังเรื่องนี้มีดีมากๆหลายอย่าง แต่ผมก็อยากให้ทุกคนได้ลองไปชมกันดูนะครับ ผม อาจจะเล่าเรื่องหนังน้อย แต่เชื่อเถอะครับของเขาดีจริงๆ

ยังไงผมก็ขอเชียร์ให้หนังเรื่องนี้ได้ออสการ์สักตัวสองตัวติดไม้ติดมือไปบ้างก็ยังดี อย่างน้อยๆก็เป็นหนังอวกาศที่แหวกแนวไปจากท้องตลาดปัจจุบัน ซึ่งเป็นอะไรที่น่าให้กำลังใจผู้กำกับและทีมงานผู้สร้างหนังนะครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น