xs
xsm
sm
md
lg

ISO ของรัฐมนตรี ICT

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ติดตามข่าวสารการเมืองคงได้ทราบข่าวว่า เว็บไซต์ของสำนักนายกรัฐมนตรีถูกแฮกเกอร์เจาะระบบเข้าไปเปลี่ยนรูปภาพของนายกฯ ปูแดง พร้อมเขียนข้อความบาดใจประกอบ เรียกว่าเล่นเอาประชาชนฮากันทั้งเมือง ส่วนทางฝ่ายไอทีของภาครัฐก็จุกไปตามๆ กัน

แต่ที่จุกหนักกว่านั้น คือ ท่าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงไอซีที (ซึ่ง ICT นี้ย่อมาจากคำว่า Information and Communication Technology หรือชื่อเต็มๆ ภาษาไทยคือ “กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร” ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสำนักข่าวไอเอ็นเอ็นถึงเรื่องดังกล่าว และกล่าวว่า “ในปัจจุบันระบบปฏิบัติการในโลกนี้มีแค่ 3 ระบบเท่านั้นเอง ก็จะเป็นระบบปฏิบัติการที่เรียกว่าระบบปฏิบัติการวินโดว์ส (Windows) ของบริษัท ไมโครซอฟท์ (Microsoft) แล้วก็ในส่วนของ ไอเอสโอ (ISO) ของแมคอินทอช (Macintosh) รวมไปถึงระบบโอเพ่นซอร์ซ (Open source) ที่เป็นระบบปฏิบัติการแบบแอนดรอยด์ (Android)”

บางคนอาจจะมองว่า รัฐมนตรีอาจจะออกเสียงผิดหรือพูดสลับกันระหว่าง ISO กับ iOS ซึ่งเป็นคำที่ถูก ทั้งนี้ คนเรามันก็เผอเรอเผลอไผลพูดผิดพูดพลาดกันบ้างก็ได้ แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การสลับกันแค่ตัวอักษรเดียวครับ แต่ประโยคนี้มันผิดขนาดหนักอยู่สองประการ คือ ชื่อที่ท่านรัฐมนตรีกล่าวมาข้างต้นทั้งหลายนั้น มันไม่ใช่ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ แต่มันเป็นระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์พกพาพวกแท็บเล็ตทั้งนั้น มีเพียง “วินโดวส์” เท่านั้นที่เหมือนจะถูก เพราะวินโดวส์บนโทรศัพท์มือถือก็เรียกว่า “วินโดวส์” เหมือนกัน เพียงแต่ต้องเติมคำว่า “โฟน” เข้าไปด้วย เป็น “วินโดวส์โฟน” (Windows phone)

ที่ถูก ถ้าท่านรัฐมนตรีอยากจะพูดเรื่องระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ประโยคที่ถูกต้อง ระบบปฏิบัติการหลักสามชื่อ ควรจะเป็น Windows (วินโดวส์) OS X (โอเอสเท็น) และ Linux (ลีนุกซ์) ซึ่งแอนดรอยด์ (Android) ที่ท่านเข้าใจว่าเป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์นั้น ก็คือระบบลีนุกซ์พัฒนาขึ้นเพื่อให้ใช้ได้บนโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต ที่ปัจจุบันเป็นของบริษัท Google นั่นเอง

และที่ผิดฉกาจฉกรรจ์อีกอย่าง คือการพูดว่า ในโลกนี้มีระบบปฏิบัติการแค่สามระบบ ซึ่งเด็ก ม.ปลาย ที่เรียนคอมพิวเตอร์ หรือคนที่สนใจด้านเทคโนโลยีด้านนี้ก็โห่แล้วครับ เพราะระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ในโลกนี้มันมีเยอะแยะมากมายจนอธิบายกันไม่ไหว แม้แต่ลีนุกซ์เองก็แยกไปหลายสาย ไม่รวมถึงพวกระบบปฏิบัติการอื่นที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบใหญ่หรือซับซ้อนหรือทำงานเฉพาะทาง อย่างพวก Unix ต่างๆ ด้วย

ถ้าคนพูดเป็นแค่ทหารแก่ๆ ข้าราชการโลกเก่า หรือชาวบ้านตามป้ายรถเมล์สักคนก็อาจจะพออภัยได้ แต่นี่คนพูดเป็นถึง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที” ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่กุมบังเหียนกิจการด้านสารสนเทศและสื่อสารของประเทศชาติ ยังขาดความรู้ความเข้าใจอย่างร้ายแรงในเรื่องที่ควรจะเป็นพื้นฐานที่สุดขนาดนี้ได้ ไม่เข้าใจถึงขนาดว่าระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์คืออะไร ระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์มือถือคืออะไร เรื่องเรียกตัวอักษรสลับกันตัวสองตัวนั้นเป็นแค่เรื่องตลกขำๆ แต่เรื่องนี้ตลกไม่ออกกันหรอกครับ

ถ้าเปรียบเทียบกับเรื่องอื่น มันเลวร้ายระดับเดียวกับถ้ารัฐมนตรีพลังงานไม่รู้ว่ารถน้ำมันเบนซินเอาน้ำมันดีเซลเติมเข้าไปไม่ได้ หรือถ้ารัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมไม่รู้ว่า กฎหมายแพ่งคืออะไร กฎหมายอาญาคืออะไรกันเลย

แล้วเราจะฝากอนาคตของกิจการเทคโนโลยีและการสื่อสารนี้ไว้กับคนที่ความรู้ความเข้าใจในงานที่ทำครึ่งๆ กลางๆ อย่างนี้ได้อย่างไร และเรื่องที่ต้องเป็นห่วงที่สุด คือ ความปลอดภัยทาง IT ของประเทศจะไหวไหม? ในโลกที่ตอนนี้วายร้ายไซเบอร์มุ่งเข้าโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของประเทศที่อ่อนแอเพื่อยึดครอง เหมือนโจรสลัดแห่งโลกยุคใหม่ที่เดินเรือบนคลื่นเครือข่าย

คนเก่ง คนดี คนมีฝีมือในด้านการป้องกันรักษาระบบความปลอดภัย หรือการตามล่าอาชญากรทางอินเทอร์เน็ตในประเทศเรา ทางกระทรวงให้เขาไปทำอะไรหรือครับ โน่นแหนะ งานหลักคือการ “ตามล่า” มือแฮกเว็บนายกฯ หรือคอยตามล่าหาคนที่โพสต์ดูหมิ่นล้อเลียนท่านนายกฯ อันเป็นที่เคารพสักการะของพวกแก๊งแดง เพื่อเตรียมตัวดำเนินการทางกฎหมาย

ทีกับเรื่องหมิ่นสถาบันละเงียบ ละช้าจริง เอาละ แม้พวกแดงก้าวหน้าจะบอกว่า ปัจจุบันมีนักโทษคดีหมิ่นเยอะแยะแล้ว แต่กี่คนเหรอครับที่ถูกจับดำเนินคดีในรัฐบาลนี้ ที่เห็นๆ ติดคุกกันอยู่ จนต้องออกโครงการ Free คนนั้นปล่อยคนนี้ ล้วนถูกจับในรัฐบาลก่อนๆ มากันทั้งนั้น

แล้วการที่เว็บไซต์ของสำนักนายกฯ ถูกแฮกในครั้งนี้ พูดก็พูดเถอะครับ ในวงการคนเล่นเน็ตเขาก็พูดให้หึ่งไปว่า เรื่องมันเกิดเพราะท่าน รมว. “เปรี้ยว” ไปส่งสารท้าทายเขาก่อน ขึงขังว่าจะจับพวกหมิ่น พวกล้อเลียนนายกฯ บ้าง จะปิดเว็บบ้าง นี่ยังไม่มีกฎหมายห้ามหมิ่นนายกฯ เป็นการเฉพาะเหมือนการห้ามหมิ่นพระมหากษัตริย์ในมาตรา 112 นะครับ พวกยังจะหาทางปรับเอา พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาเล่นงาน

พวกร้อนวิชาก็เลยจัดเข้าให้งามๆ ปรากฏว่าเว็บแรกที่ต้องโดนปิด คือเว็บสำนักนายกฯ นั่นเอง งามไส้กันไปเลย

นี่ขนาดแฮกเกอร์สมัครเล่นชาวไทยนะครับ เรายังไม่ต้องไปพูดถึงระดับพวกมือโปร ตามยุโรปตะวันออก หรืออาหรับ ที่แม้แต่เซิร์ฟเวอร์ใหญ่ๆ ในยุโรป อเมริกา ยังหนาวฝีมือพวกนี้

เรียกว่า ท่ามกลางความเสี่ยงของโลกไซเบอร์ในปัจจุบันนี้ กับรัฐมนตรีที่ไม่รู้จักระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ว่าไม่เหมือนมือถือ ซ้ำยังเฟอะฟะเรียกแขกมาเยี่ยมถึงบ้านท่านนายกฯ แบบนี้

ประชาชนคงจะต้องตั้งคำถาม และช่วยกระทุ้งกันแรงๆ หน่อย ว่าท่านรัฐมนตรี ICT นั้นผ่านมาตรฐาน ISO พอหรือไม่?
กำลังโหลดความคิดเห็น