xs
xsm
sm
md
lg

ว.วชิรเมธี : เป้าเกลียดชังจากคนเสื้อแดง

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่

เรื่องท่าน ว . วชิรเมธีถูกรุมถล่มนี่แม้จะผ่านมาร่วมสัปดาห์แล้วแต่ก็ยังไม่น่าจะสายเกิน เพราะมีประเด็นตกค้างให้สาธารณชนนำกลับมาพิจารณาต่อได้ เรื่องของเรื่องคือที่หลังจากกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมอบรางวัลให้กับท่าน ว. พร้อมกับผู้มีชื่อเสียงอีกหลายคนก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชี่ยลมีเดียกันยกใหญ่ จากเดิมที่คนเสื้อแดงไม่พอใจคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนชุดนี้ในข้อหาเป็นสลิ่มอยู่ก่อนก็พาดลามมาถึงคนที่ได้รางวัลคุณหญิงพรทิพย์ และท่าน ว. ไปด้วยได้รับคำด่าถ้วนหน้าจากเสื้อแดงแม่น้องเกดที่บุกเข้าไปในงาน

ผมเองนั้นเห็นด้วยกับเสียงวิจารณ์ทำนองว่า เอ๊ะ! ท่าน ว. หรือแม้แต่คุณหญิงพรทิพย์ ดังรับกล่าวเพราะรางวัลได้ยังไง ? มีผลงานอะไรเป็นที่ประจักษ์เหรอ ? ในสังคมเปิดเรื่องแบบนี้วิจารณ์ได้ก็ต้องมีการชี้แจงได้ ถ้าไม่ชี้แจงหรืออธิบายไม่ดีกรรมการสิทธิฯ ก็เสียเครดิตไปเอง แต่ไม่ใช่การแห่นักเลงไปป่วนงานเขา ด่ากราดแม้พระเจ้าก็ไม่เว้น

ไม่เพียงเท่านั้นหรอกนะครับ ระหว่างเหตุการณ์บรรดาชาวเสื้อแดงในโซเชี่ยลมีเดียก็ร่วมถล่มโดยการยกข้อมูลบิดๆเพี้ยนๆ มาทำให้คนเข้าใจผิดไปอีกโดยเฉพาะการเสนอว่าท่าน ว. เป็นพระสลิ่มที่หนุนให้มีการเข่นฆ่าประชาชนเพราะเคยโพสต์ข้อความทวิตเตอร์ว่า “ฆ่าเวลาบาปยิ่งกว่าฆ่าคน” ยังอ้างหลักฐานด้วยว่าโพสต์ขึ้นในวันที่ 9 เมษายน 2553 ก่อนหน้าเหตุการณ์ 10 เมษาที่แยกคอกวัวซึ่งทำให้มีคนเสื้อแดงตาย

นี่เป็นการโหมประโคมความเกลียดชังที่พยายามป้ายให้ท่าน ว. ให้เป็นเหมือนพระกิตติวุฒโฒเมื่อครั้งกระโน้นที่เคยประกาศธรรมะขวาจัดว่า “ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป” โดยแท้ เพราะแท้จริงแล้วท่าน ว. ทวิตข้อความว่า

ฆ่าเวลาบาปไม่น้อยไปกว่าการฆ่าคน !!

แตกต่างกันนะครับทั้งในแง่ความหมาย เจตนา และบริบท ระหว่างคำว่าฆ่าเวลาบาปไม่น้อยไปกว่าการฆ่าคน !! กับคำว่า ...

“ฆ่าเวลาบาปยิ่งกว่าฆ่าคน”

คนเสื้อแดง “บางกลุ่ม” (ย้ำนะครับบางกลุ่มไม่เหมารวม) มีความพยายามโยงว่าเป็นพระเป็นเจ้า ดันมาทวิตเตอร์อะไรในเรื่อง “ฆ่าๆ” กันตอนเขาชุมนุม โยงว่าท่าน ว. เจตนายุทหารไปปราบปรามประชาชนแน่นอนเพราะทวิตเอาวันก่อนการปราบปราม 10 เมษายนที่มีคนเสื้อแดงตาย อื้อหือ ! พยายามโยงกันถึงขั้นนั้น

ทั้งๆที่ ย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อครั้งนั้นว่า 9 เมษายน 2553 น่ะ จะพบข้อเท็จจริงชัดเจนว่าเป็นระยะที่คนเสื้อแดงฮึกเหิมเต็มที่ยกไปบุกปิดสถานีดาวเทียมไทยคม สลายกำลังทหารที่นั่นแล้วก็ปล้นปืนทหารที่ลำลูกกาด้วย พอวันที่ 10 เมษายน ทหารเองก็คงอยากเอาคืนแต่ด้วยที่มีคำสั่งห้ามใช้อาวุธ จึงมือเปล่าถือโล่ไปกดดัน ทหารจึงโดนถล่มด้วยเอ็ม 79 ตายเจ็บระนาว พล.อ.ร่มเกล้าก็เสียชีวิตที่นั่น แต่นิยายที่เผยแพร่จนกลายเป็นความเชื่อของชาวเสื้อแดงไปแล้วก็คือ เหตุการณ์ 10 เมษายนคือวันที่ทหารเข่นฆ่าประชาชนอย่างโหดเหี้ยมไปเสียฉิบ !@!!??

อย่าดึงพระท่านไปผูกโยงกับนิยายปั่นหัวชาวบ้านเลยเพราะนี่มันยิ่งกว่า Hate Speech ในทางการเมืองหรือเรื่องของสีเสื้อ พระท่านไม่ได้ยุ่งการเมืองบาปกรรมเปล่าๆ

อันที่จริง ว.วชิรเมธี อยู่ในสายตาของคนเสื้อแดงมานานแล้ว และก็ถูกจัดเป็นพระสลิ่มมาก่อนแล้วโดยการนิยามของ คำ ผกา ซึ่งก็เป็นปกติของคำ ผกาอยู่แล้วที่ช่วงนั้นเธอมักจะชักดาบท้าทายเซเลปชื่อดังให้มาประดาบด้วย ไม่ว่าหมอประเวศ อาจารย์เสกสรร ประเสริฐกุล พระไพศาล วิสาโล ฯลฯ

อย่าลืมว่าคำ ผกานั้นเป็น Role Model ของพวกที่เรียกตัวว่าก้าวหน้าทั้งหลาย ถ้าเธอถล่มใครมีแนวโน้มว่าคนนั้นต้องอยู่ตรงข้ามกับขบวนการคนเสื้อแดง ภาพของท่าน ว.วชิรเมธีจึงเป็นที่ติดค้างของฝ่ายเสื้อแดงมาตั้งแต่นั้น และก็มาปะทุเป็นกระแสอีกรอบเอาตอนได้รับรางวัลจากองค์กรที่คนเสื้อแดงกาหัวไว้แล้วว่าเป็นสลิ่ม

ผมพยายามทำเข้าใจความคิดเสรีนิยมจ๋าของ คำ ผกา ได้อ่านได้ฟังคลิปหลายกรรมหลายวาระพอจะจับกรอบคิดเรื่องที่เธอจะทนไม่ได้กับเซเลป พฤติกรรมของชนชั้นกลาง แนวทางสอนธรรมะแบบสวนโมกข์ เรื่อยลามไปถึงพวกที่ประกาศตัวว่ารักสิ่งแวดล้อมเธอก็หาว่าดัดจริต อะไรที่เป็นแบบแผนพฤติกรรมของชนชั้นกลางขึ้นไปแล้วส่วนมากคำ ผกาเธอจะรับไม่ค่อยได้

บางอย่างผมก็เห็นด้วยนะครับเพราะ จริตบางอย่างของสังคมไทยมันมากไปจริงๆ แต่ผมก็ไม่ถึงกับจี๊ดไปหมดทุกอย่างเหมือนอย่างที่ คำ ผกา เขาเป็น ประมาณว่าคนกินมังสวิรัติก็ถูกเหน็บ รักสิ่งแวดล้อมโลกสวยก็ไม่ได้ ไม่แต่งหน้าทาปากก็ยังถูกด่ามาแล้ว ยอมรับว่าเธอคนนี้มีความสามารถหาจุดของคนที่เธอหมั่นไส้รับไม่ได้มาชำแหละเป็นริ้วๆ ด้วยตรรกะแบบของเธอ

ด้วยพอที่คบหาสมาคมกันอยู่บ้าง รู้จักกับคนที่รู้จัก... พอจะรู้ว่าแขก-คำ ผกา เป็นเสรีนิยมตัวจริง มีชีวิตอยู่ในกระแสทุน เช่นพอใจใช้ของแบรนด์เนม เธอมีวิถีวิไลพอสมควรซึ่งเรื่องการใช้ชีวิตก็ปรัชญาหนึ่ง แต่สำหรับการวิเคราะห์วิจารณ์นั้นจับทางได้ว่าอาวุธสำคัญที่เป็นเครื่องมือของคำ ผกาก็คือการวิเคราะห์สังคมแบบมาร์กซิสม์ นั่นคือแบ่งสังคมออกเป็นชนชั้นโดยชนชั้นปกครอง(และผู้ได้เปรียบ) ซึ่งอยู่ในโครงสร้างส่วนบนจะสร้างหรือผลิตกรอบความคิด แบบแผน วาทกรรม จนกลายเป็นวัฒนธรรมเพื่อมาครอบงำ เอาเปรียบคนอยู่ชั้นล่างที่เรียกว่าไพร่ ดังนั้นเธอจึงไม่ชอบวรรณกรรมอย่างสี่แผ่นดิน นิยายของว.วินิจฉัยกุล ดังนั้นชุดความคิดแบบที่นำเสนอโดย หมอประเวศ พระไพศาล วิสาโล พยายามเผยแผ่จึงถูกตั้งข้อรังเกียจจาก คำ ผกา

ว.วชิรเมธี เป็นพระหนุ่มมาแรงที่เป็นที่นับถือจากสังคมอย่างรวดเร็ว เพราะท่านปรับตัว “เข้าหา” สังคมแบบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้ลงตัว ใช้ทวิตเตอร์ เฟซบุ้ค มีคำคมสั้นๆ กินใจ ที่ฝรั่งเรียกว่า Quote สามารถแพร่ต่อได้ง่ายด้วยการ RT หรือ Share ผ่านโซเชี่ยลมีเดีย จึงไม่แปลกที่ ว.วชิรเมธี จะถูกจัดรวมให้เป็นส่วนหนึ่งของกระแสชนชั้นกลางดัดจริตแบบที่คำ ผกามอง

คำ ผกา อาจจะขัดหูขัดตากับกระแสชนชั้นกลางที่เธอมองว่าเป็นสลิ่มที่ให้การยอมรับนับถือท่าน ว. และการแพร่ Quote ออกไปทั้งใน #FB และ #twitter แต่การที่ไปจับผิดพระท่านจากคำคม “ฆ่าเวลาบาปไม่น้อยไปกว่าการฆ่าคน” มันก็ออกจะดัดจริตหาเหตุกันเกินไป จริงอยู่พระท่านอาจจะปรับแปลงมาจาก Quote ของฝรั่งไม่ใช่เป็นพุทธพจน์บาลีของดั้งเดิม แต่ก็ไม่ได้เสียหายใหญ่โตกับขนบความเชื่อและพุทธศาสนามิใช่หรือ

มีคนบอกมาว่าอันที่จริงท่าน ว. เคยทวิตข้อความว่า ฆ่าเวลาบาปยิ่งกว่าฆ่าคนมาแล้วจริงๆ โดยมีความภาษาอังกฤษต้นทางกำกับมาด้วยแต่ได้ลบออกไปแล้ว... แต่ก็นั่นเหอะต่อให้ทวิตว่าอย่างนั้นๆ จริงๆ มันก็แค่การแปล Quote คำคมมาเผยแพร่จะเหมาะสมสอดรับกับปรัชญาพุทธหรือไม่ยังไงก็ไปถกกันในมิตินั้น แต่ไม่ใช่การเอาประเด็นนี้มาสวมให้ท่านเป็นสลิ่ม ไม่เอาแดง หนุนให้ทหารฆ่าคนซึ่งในเป็นการตีขลุม เหมารวม สวมหมวก ป้ายสีให้เกินไป และแน่นอนอย่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยอยู่ดี

ในฐานะที่เป็นไอดอลที่มีน้ำหนักอิทธิพลชี้นำความคิด...ดังนั้นพอ คำ ผกา ดัดจริตขัดหูขัดตา.. บรรดาสาวกเสื้อแดงก้าวหน้าปัญญาชนปนยาชันทั้งหลายเลยแห่ดัดจริตขัดหูขัดตากับพระรูปนี้ต่อ และไล่ลามจากแค่ขัดหูขัดตามากลายเป็นการกาชื่อ เป็นเป้าหมายให้ด่าเล่นไป

ที่น่าแปลกกว่าที่คนซึ่งจับผิดสังคม ขัดหูขัดตากับเรื่องมากมายเหตุไฉนจึงปิดตาข้างนึง ..กลับมองไม่เห็น พระจีวรแดงนำม็อบสาดเลือด การยกนักการเมืองพระเจ้ามูลเมืองกลับชาติมาเกิด การธุดงค์ผ่าใจกลางเมืองมีผ้าแดงปูและดอกไม้โปรยรับ คำผกา เหน็บหมอประเวศกรณีตั้งเป้า “นิพพาน” ซึ่งเป็นปรัชญาอุดมคติทางสังคมแต่กลับมองไม่เห็นการชักจูงให้ควักกระเป๋าบริจาคมากๆ เพื่อไปถึงดวงแก้วนิพพาน หรือการอุตริไปสนทนากับเทพบุตรสตีฟ จ็อปส์หลังความตายของเจ้าลัทธิธรรมกาย ฯลฯ

อยากรู้ว่าคำ ผกาเชื่อในสิ่งที่ตนประกาศจริงหรือเปล่า หรือว่าเชื่อแบบเลือกปฏิบัติ ใช้ตรรกะลีลาวาทะอธิบายเหน็บกัดเป็นคุ้งเป็นแควเฉพาะกลุ่มหรือบุคคลที่ตนไม่ชอบเท่านั้น !!?

ทำใจร่มๆ พิจารณาดีๆเถอะครับ พระสายวิชาการที่มีวัตรปฏิบัติค่อนข้างก้าวหน้าซึ่ง “เข้าหา” และ “ปรับตัวเอง” นำธรรมะไปสู่สังคมยุคใหม่ที่มีความเป็นรีบเร่งเป็นปัจเจกมากขึ้น สามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ ใช้คำคมเป็นอุบายดึงคนมาอยู่ในกรอบศีลธรรมจรรยา และการที่ชนชั้นกลางนับถือใครมากๆ (เอาล่ะจริตชนชั้นกลางเวลารักก็รักมากเว่อเกินพอเข้าใจ) ไม่ได้เป็นความผิดของท่านเลย จู่ๆ ก็มาจับท่านยัดให้เป็นสลิ่ม ซึ่งก็เป็นฐานชั้นดีให้ต่อมามีการบิดเบือนข้อความที่ท่านไม่ได้พูด ถูกด่าว่าโจมตี แถมยังลากโยงป้ายข้อหาแบบเดียวกับพระกิตติวุฒโฒเมื่อครั้งกระโน้นนี่ มันเกินไปครับ

บาปกรรมจริงๆ !
กำลังโหลดความคิดเห็น