xs
xsm
sm
md
lg

ยักษ์ชนยักษ์ แอปเปิลชนซัมซุง

เผยแพร่:   โดย: ยุรชัฏ ชาติสุทธิชัย

พักเรื่องร้อนในวงการโทรคมนาคมบ้านเราอย่างเรื่อง 3G ไว้ก่อนดีกว่านะครับ เพราะในสัปดาห์นี้มีข่าวสะเทือนวงการไอที และเทคโนโลยีอีกครั้ง เมื่อแอปเปิลประกาศจะเปิดตัวสินค้าตัวใหม่ในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ ซึ่งก็ตรงกับวันอังคารนี้แล้วละครับ เป็นที่คาดกันว่าแอปเปิลจะมีการเปิดตัวแพดมินิ หรือไอแพดที่มีขนาดเล็กลงมาจากรุ่นก่อนๆ

วันนี้ผมอยากพูดถึงการแข่งขันของสองยักษ์ใหญ่วงการไอทีโลก ผมเชื่อว่าหลายๆ คงสนใจและตามข่าวนี้กันอย่างใกล้ชิดกัน ยิ่งในยุคสมัยที่สมาร์ทโฟนได้รับความนิยมอย่างสูง และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนทั้งโลก และมีราคาถูกลงจากเมื่อก่อนมาก

ศึกแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดระหว่างบริษัทไอทีใหญ่ที่มีอิทธิพลครอบครองโลก ที่กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดอย่างซัมซุงและแอปเปิล โดยซัมซุง ชูรุ่นแกแล็คซี่ เอส มาแข่งกับ แอปเปิล ซึ่งก็แน่นอนว่ามันคือไอโฟนนั่นเอง

สองยักษ์ใหญ่วงการสมาร์ทโฟนนั้น แต่เดิมก็เคยจับมือกันมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอปเปิลเคยจ้างซัมซุงผลิตชิป 20% ของชิ้นส่วนที่นำมาประกอบเป็น iPhone และ iPad ผลผลิตของแอปเปิลนั้นบริษัทซัมซุงเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง สำหรับในปี 2012 มีการคาดการณ์ว่าแอปเปิ้ลจะจ่ายเงินมากกว่า 7.5 พันล้านเหรียญให้กับซัมซุง เพื่อว่าจ้างในการผลิตหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อนกว่า 60 เปอร์เซ็นต์

แม้ว่าทั้ง 2 บริษัทจะเป็นคู่แข่งกัน แต่ทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์กันในทางธุรกิจ ภายใต้ข้อตกลงซัพพลายมูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์ แอปเปิลยังเป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของซัมซุง สำหรับไมโครโปรเซสเซอร์ และชิ้นส่วนอื่นๆ ที่ประกอบอยู่ในอุปกรณ์ของบริษัทแอปเปิล

หลังจากที่ซัมซุงผลิตชิปให้แอปเปิลไปสักระยะหนึ่ง ก็ได้มีการเอาซิปที่แอปเปิลจ้างผลิตนั้นนำไปพัฒนาต่อยอดให้เป็นซิปของตัวเอง

ที่แสบไปกว่านั้น มีช่วงหนึ่งที่ซัมซุงอ้างว่าผลิตชิปให้แอ๊ปเปิ้ลไม่ทัน แต่กลับผลิตของตัวเองทัน นั้นคือซิปที่ใส่ในซัมซุงแกแล็คซี่เอสทู และอันที่ผลิตไม่ทันก็คือรุ่นที่ใส่ในไอโฟนโฟร์เอสนั่นเอง

นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานนัก แอปเปิลก็มีการยื่นฟ้องซัมซุงในหลายประเทศ ในเรื่องของลิขสิทธิ์ตามมา ในอเมริกาแอปเปิ้ลชนะคดีและมีคำพิพากษาให้ซัมซุงชำระค่าเสียหายให้แก่แอปเปิล เป็นจำนวนทั้งสิ้น 1.049 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 31.5 พันล้านบาท ) ฐานละเมิดสิทธิบัตรด้านเทคโนโลยีต่อผลิตภัณฑ์ไอโฟน และไอแพดของแอปเปิ้ล และแอปเปิ้ลเตรียมยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย และดอกเบี้ยจากทางซัมซุง เพิ่มอีก 707 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 21.9 พันล้านบาท )

ครับ การแพ้ชนะคดี จ่ายค่าเสียหาย 1 พันล้านดอลลาร์ ถือว่าจิ๊บจ๊อยมาก สำหรับบริษัทผู้แพ้คดีอย่างซัมซุงที่มีกำไร 18.3 พันล้านดอลลาร์ต่อปี (ปี 2011) และสำหรับฝ่ายชนะคือแอปเปิล ค่าเสียหายที่ฝ่ายชนะได้รับ 1 พันล้านดอลลาร์ ก็ถือว่าจิ๊บจ๊อยมากสำหรับบริษัทแอปเปิลที่มีกำไร 26 พันล้านดอลลาร์ต่อปี(ปี 2011)

เขาฟ้องร้องกันทำไมครับ เป้าหมายหลักของแอปเปิล น่าจะอยู่ที่ต้องการสกัดความร้อนแรงของซัมซุงในตลาดสมาร์ทโฟน ที่แซงเป็นเบอร์หนึ่งของโลกไปหลายไตรมาสแล้ว แต่ก็คงไม่ได้ผล คดีนี้คงมีผลในอเมริกาเท่านั้น เพราะทั่วโลก มือถือยังมีตลาดอื่นๆ อีกมาก และซัมซุงติดตลาดไปแล้ว ซัมซุงออกมือถือรุ่นใหม่ๆ มาอีกถี่ยิบ

ผลจากคดี ทำให้ราคาหุ้นของบริษัท แอปเปิล สร้างสถิติปิดที่ระดับสูงสุด ราคาหุ้นของแอปเปิลพุ่งขึ้น 1.88% มาปิดที่ 675.68 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 20,270 บาท) เมื่อปิดตลาดการซื้อขายหลังชนะคดีซัมซุง ส่งผลให้มูลค่าของบริษัทในตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 6.33 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 19.6 ล้านล้านบาท ) นับเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสดในประวัติศาสตร์

แอปเปิลยังได้ยื่นเรื่องต่อศาล ขอให้เพิกถอนสิทธิ์การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของซัมซุง 8 รุ่นในสหรัฐแล้วโดยโทรศัพท์ที่เข้าข่ายประกอบด้วยกาแล็กซี เอส 4จี, กาแล็กซี เอส2 รุ่นของบ.เอทีแอนด์ที, , กาแล็กซี เอส2 อีพิค 4จี, กาแล็กซี เอส โชว์เคส, ดรอยด์ ชาร์จ และกาแล็กซี พรีเวลกาแล็กซี เอส2 สกายร็อคเก็ต, กาแล้กซี เอส2 รุ่นของบ.ที-โมบายล์

สืบเนื่องจากคดีนี้ยังมีข่าวอีกว่า ซัมซุงจะต้องส่งมือถือกว่าสิบรุ่นไปให้แอปเปิลได้ตรวจสอบ ว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์อีกหรือไม่ แล้วคราวนี้แหละครับเราคงได้เห็นการแอบก๊อปปี้กันไปก๊อปปี้กันมาอย่างมโหฬารเลยทีเดียว
หลังพ่ายแพ้ในศาลของสหรัฐ ผลทางคดีในศาลของประเทศอื่นๆกลับแตกต่างออกไป

ศาลเกาหลีใต้ ตัดสินให้ทั้งแอปเปิ้ล และซัมซุง ต่างมีความผิดฐานละเมิดสิทธิบัตรซึ่งกันและกัน โดยสั่งให้ซัมซุงระงับการขายสินค้า 10 รุ่น รวมถึงโทรศัพท์กาแลกซี เอส 2 และห้ามไม่ให้แอปเปิลจำหน่ายสินค้า 4 รุ่นเช่นกัน ซึ่งในจำนวนนั้นคือไอโฟน 4 ด้วย

ศาลญี่ปุ่นมีคำตัดสินว่า ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตรของแอปเปิล จากคดีที่แอปเปิล เป็นโจทก์ยื่นฟ้องซัมซุง ต่อศาลแขวงกรุงโตเกียว กล่าวหาว่าเทคโนโลยีที่ใช้ใน ซัมซุง แกแล็กซี่ เอส , ซัมซุง แกแล็กซี่ เอส 2 และแกเล็กซี่ แท็บ 7" ลอกเลียนแบบเทคโนโลยีของแอปเปิล ในการย้ายไฟล์เพลงและวิดีโอจากคอมพิวเตอร์ไปยังสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ซัมซุงมีเจตนาเลียนแบบเทคโนโลยีการแปลงไฟล์ข้อมูลเพลง และวีดีโอ ผ่านคอมพิวเตอร์ ก่อนนำมาเก็บลงในอุปกรณ์ พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหายถึง 100 ล้านเยน ( ราว 38 ล้านบาท ) ศาลญี่ปุ่นตัดสินว่า ซัมซุงมิได้กระทำการใดๆ ที่ถือเป็นการลอกเลียนแบบผลิตภัณฑ์ไอโฟน และไอแพด ของแอปเปิ้ล ซัมซุงไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยตามที่แอปเปิลเรียกร้อง นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้แอปเปิ้ลชำระเงินค่าเสียหายจำนวนหนึ่งแก่ซัมซุงด้วย

นับเป็นชัยชนะสำคัญของบริษัทซัมซุง ในศาลของประเทศเกาหลีใต้ และญี่ปุ่นเพื่อนบ้านในเอเชีย

ซัมซุงประกาศผ่านบันทึกภายในของบริษัท หลังการแพ้คดีความกับแอปเปิลว่า ในเบื้องต้น ซัมซุงพยายามขอเจรจากับแอปเปิลแล้วแทนที่ต้องขึ้นศาล เนื่องจากแอปเปิลเป็นหนึ่งในลูกค้ารายสำคัญของซัมซุง เมื่อแอปเปิลกดดันโดยการดำเนินคดีในศาล ทำให้ซัมซุงไม่มีทางเลือก นอกจากต้องฟ้องกลับ เพื่อปกป้องบริษัท

ซัมซุงชี้ว่า ในประวัติศาสตร์ยังไม่มีบริษัทใดที่สามารถชนะใจและความรู้สึกของผู้บริโภค รวมถึงยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องไปพร้อมๆกัน เมื่อสิ่งที่บริษัทนั้นให้ความสำคัญที่สุดคือการแข่งขัน เพื่อหวังเอาชนะกฎหมายด้านสิทธิบัตรโดยสมบูรณ์ ซัมซุงเชื่อว่าผู้บริโภคและตลาดจะเข้าข้างฝ่ายที่ให้ความสำคัญกับการคิด้นนวัตกรรมใหม่ๆ มากกว่าการให้ความสำคัญกับฟ้องร้องคดีความ และซัมซุงจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นจริง สำหรับผู้บริโภคไม่ได้เลิกซื้อมือถือซัมซุงเพราะแพ้คดีแน่นอน

ระยะหลังๆ เราเริ่มเห็นซัมซุงฉีกแนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้ต่างไปจากแอปเปิลมากขึ้น

ส่วนเรื่องของระบบปฏิบัติการ และแอพพลิเคชั่น อย่างที่ทราบๆกัน ไอโฟน ใช้ระบบปฏิบัติการไอโอเอส ที่เพิ่งออกเวอร์ชั่นหก ส่วนซัมซุงนั้นใช้ระบบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ซึ่งกำลังจะออกเวอร์ชั่นสี่ ไอโอเอสเป็นระบบปฏิบัติการแบบปิดซึ่งทำให้เกิดการแทรกซึมของไวรัสยากกว่าแอนดรอยด์ ส่วนในเรื่องของแอพนั้นเมื่อก่อนอาจจะดูว่าไอโอเอสเหนือกว่า แต่ในปัจจุบันผู้พัฒนาแอพนั้นมักทำออกมาให้สามารถรันได้ทั้งบนไอโอเอสและแอนดรอยด์ทำให้เดียวนี้ไม่ค่อยต่างกันมากนัก

สำหรับไอโฟนห้า ได้พูดคุยกับผู้รู้ที่ติดตามเเรื่องนี้และมีความเห็นเหมือนๆกันว่า ไอโฟนเริ่มตกลงแล้ว เพราะว่าวัสดุที่ทำก็ดูไม่ค่อยทนเท่ารุ่นก่อนๆ อีกทั้งเรื่องการออกแบบและรูปร่างที่คล้ายๆกับ แกแล็คซี่เอสทรีของทางซัมซุง

หลายคนลงความเห็นกันว่าแอปเปิลนั้นเริ่มหันมาตามซัมซุง วึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างมาก อีกทั้งยังมีการขยายหน้าจอขึ้น มันยิ่งทำให้เห็นชัดว่าแอปเปิลกลัวซัมซุงจะตีและยึดตลาดไปได้ ผู้สันทัดกรณีบางคนพูดถึงขนาดที่ว่าถ้า สตีฟ จ๊อบส์ยังอยู่คงไม่มีทางเพิ่มขนาดหน้าจอแน่ๆ

นี่ยังไม่นับการออกมาของมินิไอแพด ซึ่งต้องยอมรับเลยละครับว่าถ้าออกมาจริงตามที่เป็นข่าวยิ่งทำให้แอปเปิลดูจะเป็นฝ่ายพลาดพลั้งเสียแล้วสำหรับงานนี้ เพราะทางซัมซุงออกมาก่อนนานเป็นปีๆ แถมออกมาแล้วหลายรุ่นด้วย

กลับมาที่การแข่งขันของคู่นี้กันต่อ ไอโฟนห้า กับ ซัมซุงแกแล็คซี่เอสทรี คู่แข่งที่สูสีกันมาสเป็กเกือบจะเหมือนกัน ออฟซั่นต่างๆก็คล้ายกัน ลูกเล่นพอๆกัน เรียกได้ว่าถ้าคุณไม่ได้ยึดติดหรือใช้จนคล่องกับแบรนด์แอปเปิลละก็ ซัมซุงอาจจะเป็นมือถือที่คุณเลือก เพราะอย่าลืมว่าคนที่ชอบใช้แอปเปิลบางส่วนคือคนที่ยึดติดกับแบรนด์

น่าสังเกตว่าพอแอปเปิลเปิดตัวไอโฟนห้า ยอดขายซัมซุงแกแล็คซี่เอสทรีนี่พุ่งกระฉูดมาก เพราะซัมซุงราคาถูกกว่า และอย่างที่บอกสเป็กพอกัน กับราคาถูกกว่าอีก แบบนี้หลายๆคนเลยหันมาใช้ซัมซุงมากขึ้น

เอาเถอะครับศึกครั้งนี้ต้องดูกันยาวๆ แต่สำหรับตอนนี้ผมมองว่าแอ๊ปเปิ้ลต้องกลับไปเลียแผลใจและทบทวนตัวเองดีๆ เพราะว่าจากที่เป็นผู้นำอยู่ดีๆ ตื่นมาอีกทีกำลังจะเป็นผู้ตามซะอย่างนั้น และนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบที่สตีฟ จ๊อบส์ คงคาดไม่ถึงแน่ๆ ว่าแอปเปิ้ลที่เขาตั้งใจปลูกและดูแลมันมาอย่างดีกำลังจะถูกกินเป็นของหวานหลังอาหารมื้อค่ำ
กำลังโหลดความคิดเห็น