รัฐบาลถอยเมื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีออกมาให้สัมภาษณ์หลังที่ประชุมพรรคเพื่อไทยช่วงกลางเดือน มิ.ย.ว่า แม้ตนจะไม่ได้เป็นผู้เสนอให้ปิดประชุมสมัยสภา แต่เสนอว่าถ้าชะลอการลงมติในวาระ ๓ ไว้ ก็ไม่มีอะไรเสียหาย พรรคเพื่อไทยไม่ได้เสียเปรียบอะไร ถ้าลงมติรัฐธรรมนูญวาระ ๓ ฟันธงได้เลยว่าเกิดปัญหาแน่ ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยสั่งไม่ให้นำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วรัฐบาลจะอยู่อย่างไร วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญบอกให้ชะลอการลงมติไว้ก่อน แต่ยังไม่ได้บอกว่าเราผิด แล้วท่านจะไต่สวน เรารอดูท่านไต่สวนก่อนได้หรือไม่ท่านอาจไต่สวน แล้วบอกว่ายกคำร้องทุกอย่างก็จบ แต่ถ้าหากว่าท่านไต่สวนแล้วบอกว่าผิดรัฐธรรมนูญมาตรา ๖๘ เราค่อยคิดกันใหม่
ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวด้วยว่า อยู่ๆ รัฐบาลจะหาเรื่องใส่ตัวทำไม ผมไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวาย ผมฝันว่าศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง ถ้าเกิดว่าลงมติวันนี้ผมฟันธงเลยว่าศาลต้องบอกว่าผิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เกิดโหวตกันไปเสร็จ ประธานรัฐสภาต้องนำเสนอมายังนายกฯ เพื่อนำทูลเกล้าฯ ภายใน ๒๐ วัน แล้วเกิดทางศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนเสร็จ แล้วมีคำสั่งห้ามนำความกราบบังคมทูลฯ ปัญหาก็จะเกิด รัฐบาลจะอยู่อย่างไร
ต่อมาโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่า ที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ ๑๙ มิ.ย. ตามความเห็นชอบที่คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือวิปรัฐบาลเสนอ หลังจากนี้จะนำขึ้นกราบบังคมทูลต่อไป ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเห็นในที่ประชุมว่า รัฐบาลยังคงยึดมั่นในนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แต่ขณะนี้อยากให้เกิดกระบวนการร่วมกันคิดและเป็นการผ่อนคลายบรรยากาศความขัดแย้ง ซึ่งน่าจะนำทุกฝ่ายไปสู่ความเข้าใจได้
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงมติครม.ที่เห็นชอบพ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุมรัฐสภาสามัญฯว่า เห็นควรปฏิบัติตามแนวทางของคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยที่เห็นว่า ควรชะลอการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ ๓ ออกไปก่อน รวมทั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็ต้องการให้บรรยากาศบ้านเมืองเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับมตินี้ ก็มีการอภิปรายเหตุและผลกัน ซึ่งก็สามารถทำความเข้าใจกันได้ และไม่ใช่มีการกดดันอะไรแต่เป็นเพราะต้องการเห็นการปรองดองมากกว่านี้เสียก่อน
ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำนปช.ให้ความเห็นว่า เมื่อประเมินสถานการณ์แล้วก็เห็นชอบในเรื่องปิดสมัยประชุมฯ แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าควรเดินหน้าในการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ ๓ ต่อไป เพราะเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญทำเกินอำนาจขอบเขตที่มีอยู่และรัฐสภาก็มีความชอบธรรมในการเดินหน้าเรื่องนี้ ตนได้พูดในประเด็นนี้ในที่ประชุม แต่เมื่อครม.มีมติออกมาเช่นนี้ ก็ต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ สำหรับเรื่องชี้แจงให้คนเสื้อแดงรับทราบนั้น ต้องเข้าใจว่าคนเสื้อแดงไม่ใช่เจ้าของรัฐบาลและรัฐบาลไม่ใช่เจ้าของคนเสื้อแดง ทุกฝ่ายต่างก็มีจุดยืนของตัวเอง ส่วนจะลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ ๓ ในสมัยประชุมนี้หรือไม่นั้น อยู่ที่ดุลพินิจของประธานรัฐสภา แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องเดินหน้าต่อไปอย่างแน่นอนเพราะรัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว
ที่รัฐสภาได้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณารับทราบคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ได้รับคำร้องไว้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๖๘ ต้องเลื่อนการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๙๑ ในวาระ ๓ ออกไปก่อน เป็นการพิจารณาต่อจากที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ ๘ มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยการประชุมครั้งนี้มีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนันท์ ทำหน้าที่ประธานการประชุมซึ่งกล่าวว่า ขอแจ้งให้ทราบถึงการใช้ดุลพินิจตัดสินใจลงมติร่างแก้ไขแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ ๓ เรื่องนี้ได้ใช้ความรอบคอบ พิจารณาอย่างถี่ถ้วน ตัดสินใจบนพื้นฐานผลประโยชน์ของประเทศชาติ ยึดหลักปรองดอง ตัดสินใจแล้วว่าในสมัยประชุมฯ นี้ จะไม่มีการลงมติในวาระ ๓ และจะไม่มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ปรองดอง และรับทราบว่าครม.มีมติให้ปิดสมัยประชุมในวันที่ ๑๙มิ.ย.นี้แล้ว
นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์อภิปรายว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติว่าคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญถูกหรือผิด ยังไม่มีหน่วยงานออกมาชี้ขาด เป็นแค่ข้อสังเกตของบางฝ่าย เราไม่จำเป็นต้องเห็นชอบ แต่ยอมรับบทบาทและเคารพคำวินิจฉัยของตุลาการ ประธานไม่จำเป็นต้องชี้อะไรถูกอะไรผิด ซึ่งเป็นเรื่องของอนาคต ฟังศาลเราไม่เสียศักดิ์ศรีอะไรเลย
หลังจากนั้นมีการอภิปรายอีกพอสมควร นายจุรินทร์ ลักษณวิษฏ์ พรรคประชาธิปัตย์และประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายว่า วาระนี้เป็นแค่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถือว่าพิจารณาจบสิ้นแล้ว แต่การเสนอญัตติขึ้นมาพิจารณาใหม่ถือว่าเป็นเรื่องนอกวาระ ดังนั้นไม่สามารถดำเนินการได้ ส่วนคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ขอร่วมลงมติใดๆ และไม่ขอเป็นเครื่องมือในการอ้างมติวันนี้ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่จะนัดประชุมรัฐสภาลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ ๓ ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ชะลอออกไปก่อน หากมีการลงมติวาระ ๓ ต้องส่งไปให้นายกฯ ที่มีหน้าที่นำร่างขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน ๒๐ วัน ตั้งแต่รับร่าง เป็นการนับ ๑ เปิดประตูนำร่างที่มีมลทินนำขึ้นทูลเกล้าฯ
ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวด้วยว่า อยู่ๆ รัฐบาลจะหาเรื่องใส่ตัวทำไม ผมไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวาย ผมฝันว่าศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง ถ้าเกิดว่าลงมติวันนี้ผมฟันธงเลยว่าศาลต้องบอกว่าผิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เกิดโหวตกันไปเสร็จ ประธานรัฐสภาต้องนำเสนอมายังนายกฯ เพื่อนำทูลเกล้าฯ ภายใน ๒๐ วัน แล้วเกิดทางศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนเสร็จ แล้วมีคำสั่งห้ามนำความกราบบังคมทูลฯ ปัญหาก็จะเกิด รัฐบาลจะอยู่อย่างไร
ต่อมาโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่า ที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ ๑๙ มิ.ย. ตามความเห็นชอบที่คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือวิปรัฐบาลเสนอ หลังจากนี้จะนำขึ้นกราบบังคมทูลต่อไป ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเห็นในที่ประชุมว่า รัฐบาลยังคงยึดมั่นในนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แต่ขณะนี้อยากให้เกิดกระบวนการร่วมกันคิดและเป็นการผ่อนคลายบรรยากาศความขัดแย้ง ซึ่งน่าจะนำทุกฝ่ายไปสู่ความเข้าใจได้
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงมติครม.ที่เห็นชอบพ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุมรัฐสภาสามัญฯว่า เห็นควรปฏิบัติตามแนวทางของคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยที่เห็นว่า ควรชะลอการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ ๓ ออกไปก่อน รวมทั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็ต้องการให้บรรยากาศบ้านเมืองเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับมตินี้ ก็มีการอภิปรายเหตุและผลกัน ซึ่งก็สามารถทำความเข้าใจกันได้ และไม่ใช่มีการกดดันอะไรแต่เป็นเพราะต้องการเห็นการปรองดองมากกว่านี้เสียก่อน
ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำนปช.ให้ความเห็นว่า เมื่อประเมินสถานการณ์แล้วก็เห็นชอบในเรื่องปิดสมัยประชุมฯ แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าควรเดินหน้าในการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ ๓ ต่อไป เพราะเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญทำเกินอำนาจขอบเขตที่มีอยู่และรัฐสภาก็มีความชอบธรรมในการเดินหน้าเรื่องนี้ ตนได้พูดในประเด็นนี้ในที่ประชุม แต่เมื่อครม.มีมติออกมาเช่นนี้ ก็ต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ สำหรับเรื่องชี้แจงให้คนเสื้อแดงรับทราบนั้น ต้องเข้าใจว่าคนเสื้อแดงไม่ใช่เจ้าของรัฐบาลและรัฐบาลไม่ใช่เจ้าของคนเสื้อแดง ทุกฝ่ายต่างก็มีจุดยืนของตัวเอง ส่วนจะลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ ๓ ในสมัยประชุมนี้หรือไม่นั้น อยู่ที่ดุลพินิจของประธานรัฐสภา แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องเดินหน้าต่อไปอย่างแน่นอนเพราะรัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว
ที่รัฐสภาได้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณารับทราบคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ได้รับคำร้องไว้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๖๘ ต้องเลื่อนการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๙๑ ในวาระ ๓ ออกไปก่อน เป็นการพิจารณาต่อจากที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ ๘ มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยการประชุมครั้งนี้มีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนันท์ ทำหน้าที่ประธานการประชุมซึ่งกล่าวว่า ขอแจ้งให้ทราบถึงการใช้ดุลพินิจตัดสินใจลงมติร่างแก้ไขแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ ๓ เรื่องนี้ได้ใช้ความรอบคอบ พิจารณาอย่างถี่ถ้วน ตัดสินใจบนพื้นฐานผลประโยชน์ของประเทศชาติ ยึดหลักปรองดอง ตัดสินใจแล้วว่าในสมัยประชุมฯ นี้ จะไม่มีการลงมติในวาระ ๓ และจะไม่มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ปรองดอง และรับทราบว่าครม.มีมติให้ปิดสมัยประชุมในวันที่ ๑๙มิ.ย.นี้แล้ว
นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์อภิปรายว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติว่าคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญถูกหรือผิด ยังไม่มีหน่วยงานออกมาชี้ขาด เป็นแค่ข้อสังเกตของบางฝ่าย เราไม่จำเป็นต้องเห็นชอบ แต่ยอมรับบทบาทและเคารพคำวินิจฉัยของตุลาการ ประธานไม่จำเป็นต้องชี้อะไรถูกอะไรผิด ซึ่งเป็นเรื่องของอนาคต ฟังศาลเราไม่เสียศักดิ์ศรีอะไรเลย
หลังจากนั้นมีการอภิปรายอีกพอสมควร นายจุรินทร์ ลักษณวิษฏ์ พรรคประชาธิปัตย์และประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายว่า วาระนี้เป็นแค่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถือว่าพิจารณาจบสิ้นแล้ว แต่การเสนอญัตติขึ้นมาพิจารณาใหม่ถือว่าเป็นเรื่องนอกวาระ ดังนั้นไม่สามารถดำเนินการได้ ส่วนคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ขอร่วมลงมติใดๆ และไม่ขอเป็นเครื่องมือในการอ้างมติวันนี้ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่จะนัดประชุมรัฐสภาลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ ๓ ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ชะลอออกไปก่อน หากมีการลงมติวาระ ๓ ต้องส่งไปให้นายกฯ ที่มีหน้าที่นำร่างขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน ๒๐ วัน ตั้งแต่รับร่าง เป็นการนับ ๑ เปิดประตูนำร่างที่มีมลทินนำขึ้นทูลเกล้าฯ