ก็ดีเหมือนกันที่ทักษิณ ชินวัตรโฟนอินเข้ามาในงานชุมนุมเสื้อแดงโบนันซ่า เพราะทำให้หลายเรื่องราวชัดเจนขึ้นมา
ประการแรก – เป็นการตบหน้าคำวิพากษ์วิจารณ์ทำนองว่าเลิกอ้างผีทักษิณได้แล้ว ก้าวข้ามทักษิณไม่พ้นเสียที การเมืองไทยมันข้ามพ้นยุคอิทธิพลอำนาจครอบงำของทักษิณไปนานแล้วเอาเวลาไปหาเหตุเล่นเรื่องอื่นเหอะ ฯลฯ เพราะคำพูดตลอดเวลาเกือบ 30 นาทีในคืนนั้นมันชัดเจนว่าชายคนนี้มีอิทธิพลครอบงำรัฐบาล พรรคเพื่อไทย และมวลชนคนเสื้อแดงขนาดกำหนดตำแหน่งรัฐมนตรีหรือปลอบโยนจตุพรที่ผิดหวังว่าจะตอบแทนอย่างอื่นให้ ก่อนหน้านี้บทสัมภาษณ์นักการเมืองเพื่อไทยอดีตรัฐมนตรีก็พูดชัดว่าได้ตำแหน่งมาเพราะทักษิณ
ประการที่สอง – คำพูดของทักษิณชัดเจนในตัวบ่งบอกว่าเขานั่นแหละคือผู้ชักใยการบริหาร เขาบอกว่ารู้เรื่องราวต่างๆ ในการบริหารราชการ และที่สำคัญยังแสดงความระหว่างบรรทัดซ่อนเป็นนัยว่านอกจากจะรู้แล้วยังคอยกำหนดอยู่เบื้องหลังการบริหารงานของรัฐบาลอีกเช่น พูดถึงบทบาทของจีนกับการเมืองไทยที่ยื่นมือเข้ามาช่วยตั้งแต่ระหว่างน้ำท่วม ทั้งยังมีบทบาทในโครงการเขื่อนกั้นน้ำท่วมนอกชายฝั่งซึ่งตอนแรกทักษิณคิดว่าจะใช้เวลา 9 ปีแต่วิศวกรจีนบอกว่าจะเสร็จเร็วก่อนกำหนดแค่ 3 ปีครึ่ง ยังมีบอกว่าจะเร่งสร้างรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ –เชียงใหม่ จะเริ่มลงมือก่อสร้างปลายปี บอกว่าวิ่งไม่เกิน 3 ชั่วโมงยังบอกว่าไปลองนั่งมาแล้วความเร็วทำได้ถึง 480 ก.ม./ชม. หรืออย่างช้าๆ ก็ 310 ก.ม./ชม. ยังโม้อีกว่าไม่กี่วันจะทำแบบมาโชว์แล้ว น่าน ! รู้ไปถึงขั้นตอนดำเนินการ ดังนั้นหากจะมีการประมูลเสนอประกวดราคาก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำอะไรนั่นไม่ต้องจัดแล้วเพราะทักษิณพูดชัดแล้วว่าจีนจะทำ
ประการที่สาม- ยอมรับด้วยตัวเองว่าเดินทางไปเสมือนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตัวจริง เคยมีคนสงสัยว่าทักษิณเดินทางเป็นหน่วยล่วงหน้าให้กับรัฐบาลก่อนไปเยือน ทักษิณก็พูดเองว่าพรุ่งนี้เขาจะเดินทางไปแก้ปัญหากับประเทศที่มีปัญหาความสัมพันธ์กัน – ซึ่งทีนี้ก็ชัดเจนที่สุดคนในรัฐบาลไม่ต้องมาตะแบงต่อว่าทักษิณเกี่ยวไม่เกี่ยวกับงานด้านต่างประเทศ
ประการที่สี่ – แก้ตัวให้น้องสาว ปลอบคนเสื้อแดงว่าอดทนกันไว้ มีนาคมจะดีขึ้น เพราะงบประมาณของรัฐบาลนี้จะออก แก้ตัวเรื่องน้ำท่วม แก้ต่างว่าถอดใจ สร้างอิมเมจให้น้องเข้มแข็ง บอกว่าปูไม่ถอดใจ (ฮา-ไม่มีใครถาม-เขาก็เลยรู้เลยว่ามีปัญหาเรื่องนี้) เขายังพูดว่ามีคนกังวลเกรงว่านโยบายที่หาเสียงไว้ไม่ได้ทำจริงก็ยืนยัน (ในฐานะที่มีน้ำหนักยิ่งกว่านายกรัฐมนตรีตัวจริง) ว่านโยบายที่หาเสียงดังกล่าวทำได้แน่นับจากมีนาคมนี้จะเริ่มเห็น โดยเฉพาะกองทุนสตรีก็จะได้เริ่มทำกัน
ปมที่สี่ที่เกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาล ที่ทักษิณถึงกับต้องออกหน้าเองว่ามาตรการและนโยบายที่หาเสียงจะเริ่มออกแล้วขอความเห็นใจว่ามาถึงรัฐบาลก็เจอน้ำท่วมเลย เป็นคำพูดที่มีความระหว่างบรรทัดซ่อนไว้แสดงให้เห็นว่าเขาเองมองเห็นจุดอ่อนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในประเด็นว่าด้วยผลงาน และเริ่มมีความไม่พอใจออกมา แม้ทักษิณจะไม่พูดเรื่องสารพันปัญหาที่กำลังทับเข้ามาโดยเฉพาะน้ำมันและค่าครองชีพแต่นั่นก็แสดงออกมาในตัวที่ว่าเขารีบแจกยาหอมว่าในมีนาคมนี้มาตรการกำลังทยอยมาเป็นการปลอบใจไปพลางๆ ทักษิณรู้ดีว่าสิ่งที่ชาวบ้านรอคอยที่สุดคือนโยบายประเภทมองเห็นตัวเงินลงไปจับต้องได้เป็นรูปธรรมและกองทุนพัฒนาสตรีคือรูปธรรมที่ชัดเจนที่สุด ให้ผลในระดับเดียวกับกองทุนหมู่บ้านในยุคของเขา
ประการที่ห้า – เรื่องการฟื้นฟูคนเสื้อแดง เขาย้ำเรื่องการเยียวยาคนที่บาดเจ็บเข้าคุก เพราะนี่เป็นเงื่อนไขสำคัญของการจะขับเคลื่อนมวลชนไปข้างหน้า รองรับสถานการณ์การเมืองในอนาคตทั้งเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าไม่มีการเยียวยาที่เห็นเด่นชัด ไม่มีการช่วยเหลือคนต้องคุกจำขังก็จะมีผลต่อขบวนแดงอย่างแน่นอน การชุมนุมที่โบนันซ่าจึงมีขาใหญ่ออกมาเคลียร์ปัญหาระหว่างกันในกลุ่มคนเสื้อแดงที่ขนาดขวัญชัย ไพรพนา ยังยอมกลืนน้ำลายกลับมาร่วมเพราะนี่เป็นวาระสำคัญที่นายใหญ่ต้องการภาพความเป็นปึกแผ่นยิ่งใหญ่ของตนเสื้อแดงมาโชว์ จุดที่ต้องให้ความสนใจคือจังหวะที่ทักษิณพูดว่าเขารู้ปัญหาดี มีคนแจ้งถึงตลอด พูดว่าเขาลงไปแก้ปัญหาให้ สื่อให้กลุ่มก๊วนต่างๆ ที่มีความไม่พอใจ(หรือที่ฟ้องเข้าไป) รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเขากำลังแก้ให้
ปัญหาเรื่องรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่มีผลงาน และความแตกแยกในแกนนำเสื้อแดง ตลอดถึงการเยียวยาที่ไม่ทันใจให้กับมวลชนที่อาจส่งผลต่อขบวนในอนาคต ทำให้ทักษิณต้องออกมาโฟนอินและอาศัยจังหวะนี้โอบอุ้มแก้ให้ การชุมนุมเสื้อแดงที่โบนันซ่าจึงเป็นเสมือนการวอร์มอัพร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่มีปัญหาของขบวนการคนเสื้อแดง และยังเป็นเหมือนการออกมาช่วยประคองรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้ยืนระยะต่อได้
นอกจากคำพูดของทักษิณ ชินวัตรมีผลต่อคนเสื้อแดงทั้งหลายแล้ว ยังมีความหมายไปถึงวงการเมืองระหว่างประเทศไปในตัว แน่นอนที่สุดสหรัฐอเมริกาคงฟังด้วยท่าทีไม่สบายใจเท่าไร เพราะน้ำหนักคำพูดของเขามีมากกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตัวจริงที่ชื่อสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุลเสียอีก การที่ทักษิณแสดงให้เห็นถึงการยกย่องจีน จะมีโครงการลงทุนใหญ่ระดับเมกะโปรเจ็คต์แบบจีทูจี ทั้งรถไฟความเร็วสูง สายเชียงใหม่ตามด้วยโคราชแล้วยังมีเขื่อนกั้นน้ำนอกชายฝั่งที่จีนยืนยัน(และทักษิณยืนยันซ้ำด้วยเสียงชื่นชม)ว่าทำเสร็จในสามปีครึ่ง ทั้งยังเรื่องข้อเสนอที่จีนกันเงินช่วยเหลือก่อนแล้วค่อยใช้หนี้เป็นสินค้าเกษตรวงเงินประมาณ 40 พันล้านเหรียญหรือ 1.2 ล้านล้านบาทในนามของมิตรประเทศที่สนิทสนมกันดี
คำพูดของทักษิณครั้งนี้มีน้ำหนักจริงๆ นะ เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญของประเทศที่นายกรัฐมนตรี หรือใครอื่นใดในรัฐบาลที่มาจากประชาชน (และต้องรับผิดชอบให้ประชาชนรับรู้) ยังไม่ได้บอกกล่าวต่อสาธารณะอย่างจริงจังมาก่อน
เอาล่ะพอจะเข้าใจ ! ทักษิณเลือกที่จะเล่นบทออฟไซด์น้องสาวเพราะเห็นว่าน้ำมันกำลังขึ้นงานไม่เดินงานใหญ่กำลังรออยู่มวลชนต้องได้รับการกระตุ้นและใครๆ ก็รู้ว่ารัฐบาลนี้เป็นของบริษัททักษิณเขาย่อมรู้และกำหนดได้
พอฟังเขาพูดจบผมจึงเข้าใจชัดเจนขึ้นมาว่า..อ๋อ ! รัฐบาลประชาธิปไตยภายใต้ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญมันหน้าตาและมีท่วงทำนองเป็นเช่นนี้นี่เอง
ก็ดีเหมือนกันที่ทักษิณ ชินวัตรโฟนอินเข้ามาในงานชุมนุมเสื้อแดงโบนันซ่า เพราะทำให้หลายเรื่องราวชัดเจนขึ้นมา
ประการแรก – เป็นการตบหน้าคำวิพากษ์วิจารณ์ทำนองว่าเลิกอ้างผีทักษิณได้แล้ว ก้าวข้ามทักษิณไม่พ้นเสียที การเมืองไทยมันข้ามพ้นยุคอิทธิพลอำนาจครอบงำของทักษิณไปนานแล้วเอาเวลาไปหาเหตุเล่นเรื่องอื่นเหอะ ฯลฯ เพราะคำพูดตลอดเวลาเกือบ 30 นาทีในคืนนั้นมันชัดเจนว่าชายคนนี้มีอิทธิพลครอบงำรัฐบาล พรรคเพื่อไทย และมวลชนคนเสื้อแดงขนาดกำหนดตำแหน่งรัฐมนตรีหรือปลอบโยนจตุพรที่ผิดหวังว่าจะตอบแทนอย่างอื่นให้ ก่อนหน้านี้บทสัมภาษณ์นักการเมืองเพื่อไทยอดีตรัฐมนตรีก็พูดชัดว่าได้ตำแหน่งมาเพราะทักษิณ
ประการที่สอง – คำพูดของทักษิณชัดเจนในตัวบ่งบอกว่าเขานั่นแหละคือผู้ชักใยการบริหาร เขาบอกว่ารู้เรื่องราวต่างๆ ในการบริหารราชการ และที่สำคัญยังแสดงความระหว่างบรรทัดซ่อนเป็นนัยว่านอกจากจะรู้แล้วยังคอยกำหนดอยู่เบื้องหลังการบริหารงานของรัฐบาลอีกเช่น พูดถึงบทบาทของจีนกับการเมืองไทยที่ยื่นมือเข้ามาช่วยตั้งแต่ระหว่างน้ำท่วม ทั้งยังมีบทบาทในโครงการเขื่อนกั้นน้ำท่วมนอกชายฝั่งซึ่งตอนแรกทักษิณคิดว่าจะใช้เวลา 9 ปีแต่วิศวกรจีนบอกว่าจะเสร็จเร็วก่อนกำหนดแค่ 3 ปีครึ่ง ยังมีบอกว่าจะเร่งสร้างรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ –เชียงใหม่ จะเริ่มลงมือก่อสร้างปลายปี บอกว่าวิ่งไม่เกิน 3 ชั่วโมงยังบอกว่าไปลองนั่งมาแล้วความเร็วทำได้ถึง 480 ก.ม./ชม. หรืออย่างช้าๆ ก็ 310 ก.ม./ชม. ยังโม้อีกว่าไม่กี่วันจะทำแบบมาโชว์แล้ว น่าน ! รู้ไปถึงขั้นตอนดำเนินการ ดังนั้นหากจะมีการประมูลเสนอประกวดราคาก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำอะไรนั่นไม่ต้องจัดแล้วเพราะทักษิณพูดชัดแล้วว่าจีนจะทำ
ประการที่สาม- ยอมรับด้วยตัวเองว่าเดินทางไปเสมือนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตัวจริง เคยมีคนสงสัยว่าทักษิณเดินทางเป็นหน่วยล่วงหน้าให้กับรัฐบาลก่อนไปเยือน ทักษิณก็พูดเองว่าพรุ่งนี้เขาจะเดินทางไปแก้ปัญหากับประเทศที่มีปัญหาความสัมพันธ์กัน – ซึ่งทีนี้ก็ชัดเจนที่สุดคนในรัฐบาลไม่ต้องมาตะแบงต่อว่าทักษิณเกี่ยวไม่เกี่ยวกับงานด้านต่างประเทศ
ประการที่สี่ – แก้ตัวให้น้องสาว ปลอบคนเสื้อแดงว่าอดทนกันไว้ มีนาคมจะดีขึ้น เพราะงบประมาณของรัฐบาลนี้จะออก แก้ตัวเรื่องน้ำท่วม แก้ต่างว่าถอดใจ สร้างอิมเมจให้น้องเข้มแข็ง บอกว่าปูไม่ถอดใจ (ฮา-ไม่มีใครถาม-เขาก็เลยรู้เลยว่ามีปัญหาเรื่องนี้) เขายังพูดว่ามีคนกังวลเกรงว่านโยบายที่หาเสียงไว้ไม่ได้ทำจริงก็ยืนยัน (ในฐานะที่มีน้ำหนักยิ่งกว่านายกรัฐมนตรีตัวจริง) ว่านโยบายที่หาเสียงดังกล่าวทำได้แน่นับจากมีนาคมนี้จะเริ่มเห็น โดยเฉพาะกองทุนสตรีก็จะได้เริ่มทำกัน
ปมที่สี่ที่เกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาล ที่ทักษิณถึงกับต้องออกหน้าเองว่ามาตรการและนโยบายที่หาเสียงจะเริ่มออกแล้วขอความเห็นใจว่ามาถึงรัฐบาลก็เจอน้ำท่วมเลย เป็นคำพูดที่มีความระหว่างบรรทัดซ่อนไว้แสดงให้เห็นว่าเขาเองมองเห็นจุดอ่อนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในประเด็นว่าด้วยผลงาน และเริ่มมีความไม่พอใจออกมา แม้ทักษิณจะไม่พูดเรื่องสารพันปัญหาที่กำลังทับเข้ามาโดยเฉพาะน้ำมันและค่าครองชีพแต่นั่นก็แสดงออกมาในตัวที่ว่าเขารีบแจกยาหอมว่าในมีนาคมนี้มาตรการกำลังทยอยมาเป็นการปลอบใจไปพลางๆ ทักษิณรู้ดีว่าสิ่งที่ชาวบ้านรอคอยที่สุดคือนโยบายประเภทมองเห็นตัวเงินลงไปจับต้องได้เป็นรูปธรรมและกองทุนพัฒนาสตรีคือรูปธรรมที่ชัดเจนที่สุด ให้ผลในระดับเดียวกับกองทุนหมู่บ้านในยุคของเขา
ประการที่ห้า – เรื่องการฟื้นฟูคนเสื้อแดง เขาย้ำเรื่องการเยียวยาคนที่บาดเจ็บเข้าคุก เพราะนี่เป็นเงื่อนไขสำคัญของการจะขับเคลื่อนมวลชนไปข้างหน้า รองรับสถานการณ์การเมืองในอนาคตทั้งเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าไม่มีการเยียวยาที่เห็นเด่นชัด ไม่มีการช่วยเหลือคนต้องคุกจำขังก็จะมีผลต่อขบวนแดงอย่างแน่นอน การชุมนุมที่โบนันซ่าจึงมีขาใหญ่ออกมาเคลียร์ปัญหาระหว่างกันในกลุ่มคนเสื้อแดงที่ขนาดขวัญชัย ไพรพนา ยังยอมกลืนน้ำลายกลับมาร่วมเพราะนี่เป็นวาระสำคัญที่นายใหญ่ต้องการภาพความเป็นปึกแผ่นยิ่งใหญ่ของตนเสื้อแดงมาโชว์ จุดที่ต้องให้ความสนใจคือจังหวะที่ทักษิณพูดว่าเขารู้ปัญหาดี มีคนแจ้งถึงตลอด พูดว่าเขาลงไปแก้ปัญหาให้ สื่อให้กลุ่มก๊วนต่างๆ ที่มีความไม่พอใจ(หรือที่ฟ้องเข้าไป) รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเขากำลังแก้ให้
ปัญหาเรื่องรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่มีผลงาน และความแตกแยกในแกนนำเสื้อแดง ตลอดถึงการเยียวยาที่ไม่ทันใจให้กับมวลชนที่อาจส่งผลต่อขบวนในอนาคต ทำให้ทักษิณต้องออกมาโฟนอินและอาศัยจังหวะนี้โอบอุ้มแก้ให้ การชุมนุมเสื้อแดงที่โบนันซ่าจึงเป็นเสมือนการวอร์มอัพร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่มีปัญหาของขบวนการคนเสื้อแดง และยังเป็นเหมือนการออกมาช่วยประคองรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้ยืนระยะต่อได้
นอกจากคำพูดของทักษิณ ชินวัตรมีผลต่อคนเสื้อแดงทั้งหลายแล้ว ยังมีความหมายไปถึงวงการเมืองระหว่างประเทศไปในตัว แน่นอนที่สุดสหรัฐอเมริกาคงฟังด้วยท่าทีไม่สบายใจเท่าไร เพราะน้ำหนักคำพูดของเขามีมากกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตัวจริงที่ชื่อสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุลเสียอีก การที่ทักษิณแสดงให้เห็นถึงการยกย่องจีน จะมีโครงการลงทุนใหญ่ระดับเมกะโปรเจ็คต์แบบจีทูจี ทั้งรถไฟความเร็วสูง สายเชียงใหม่ตามด้วยโคราชแล้วยังมีเขื่อนกั้นน้ำนอกชายฝั่งที่จีนยืนยัน(และทักษิณยืนยันซ้ำด้วยเสียงชื่นชม)ว่าทำเสร็จในสามปีครึ่ง ทั้งยังเรื่องข้อเสนอที่จีนกันเงินช่วยเหลือก่อนแล้วค่อยใช้หนี้เป็นสินค้าเกษตรวงเงินประมาณ 40 พันล้านเหรียญหรือ 1.2 ล้านล้านบาทในนามของมิตรประเทศที่สนิทสนมกันดี
คำพูดของทักษิณครั้งนี้มีน้ำหนักจริงๆ นะ เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญของประเทศที่นายกรัฐมนตรี หรือใครอื่นใดในรัฐบาลที่มาจากประชาชน (และต้องรับผิดชอบให้ประชาชนรับรู้) ยังไม่ได้บอกกล่าวต่อสาธารณะอย่างจริงจังมาก่อน
เอาล่ะพอจะเข้าใจ ! ทักษิณเลือกที่จะเล่นบทออฟไซด์น้องสาวเพราะเห็นว่าน้ำมันกำลังขึ้นงานไม่เดินงานใหญ่กำลังรออยู่มวลชนต้องได้รับการกระตุ้นและใครๆ ก็รู้ว่ารัฐบาลนี้เป็นของบริษัททักษิณเขาย่อมรู้และกำหนดได้
พอฟังเขาพูดจบผมจึงเข้าใจชัดเจนขึ้นมาว่า..อ๋อ ! รัฐบาลประชาธิปไตยภายใต้ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญมันหน้าตาและมีท่วงทำนองเป็นเช่นนี้นี่เอง
ก็ดีเหมือนกันที่ทักษิณ ชินวัตรโฟนอินเข้ามาในงานชุมนุมเสื้อแดงโบนันซ่า เพราะทำให้หลายเรื่องราวชัดเจนขึ้นมา
